Categories
เทคนิค

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13 ถ่ายยังไงก็สวย ปัง ไม่ต้องง้อแอปแต่งรูป

ปัจจุบันถึงแม้ว่า APPLE จะเดินทางมาถึง IPHONE15 แล้ว แต่เราเชื่อว่าก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เปลี่ยนใจไปจาก IPHONE13 เนื่องจากไอโฟนรุ่นดังกล่าวมาพร้อมกล้องหลักที่มี่ความคมชัด 12 MP เทเลโฟโต้ 12MP รวมไปถึง การซูมแบบออปติคัล 0.5 เท่า, 1 เท่า และ 3 เท่า ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสเปคของกล้องที่ยังคงให้ภาพถ่ายที่คมชัด และสวยไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากมาแชร์ เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13 ที่ให้เพื่อน ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ แถมยังทำให้ได้ภาพสวย ปัง แบบไม่ต้องง้อแอปแต่งรูปเลยทีเดียว

4 เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13 ให้ได้ภาพสวยถูกใจIPHONE รุ่นอื่นก็ใช้ได้

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

สำหรับเทคนิคถ่ายรูปIPHONE13 ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกันในวันนี้นอกจากจะเป็นเทคนิคที่ใช้บนIPHONE 13และยังนับว่าเป็น เทคนิคถ่ายรูป IPHONE ที่สามารถใช้บนรุ่นอื่น ๆ ได้ด้วย โดยวันนี้เราได้เลือกมาทั้งหมด 4 เทคนิคที่นับว่าเป็นเทคนิคที่เพื่อน ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ แถมยังนับว่าเป็นการพัฒนาฝีมือในการถ่ายภาพของคุณอีกด้วย

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

เปิดใช้งานโหมด HDR

สำหรับใครที่ชอบภาพที่มีโทนสีธรรมชาติการใช้โหมด HDR ของ IPHONE ก็นับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยปรับสีกล้องไอโฟน 13 ของคุณให้มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น (แต่หลายคนไม่ชอบ) และเพื่อใช้โหมด HDR ให้คุณไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > กดเปิด HDR อัจฉริยะ แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากให้ภาพของคุณเป็นแบบ HDR ทุกครั้งก็ให้ปิด HDR อัจฉริยะ แล้วใช้การแตะเปิด – ปิด HDR ที่หน้าจอกล้องก็ได้เช่นกัน

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

เปิดใช้ตาราง 9 ช่อง

เทคนิคการใช้ตาราง 9 ช่อง นับว่าเป็นเทคนิคที่นักถ่ายภาพมืออาชีพหลาย ๆ คนก็เลือกใช้เทคนิคนี้กัน โดยคุณจะต้องทำการตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานตาราง 9 ช่องนี้ และ วิธีตั้งค่ากล้อง ไอ โฟน 13 เพื่อเปิดใช้ช่องตาราง ให้คุณไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > เปิดใช้งานเส้นตาราง และถ้าหากอยากให้การใช้ตาราง 9 ช่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ “ทฤษฎีการถ่ายภาพ” เช่น Rule of Third หรือ Golden Ratio เพื่อให้การใช้ตาราง 9 ช่องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

ปรับรูรับแสงของไอโฟน

สำหรับเทคนิคนี้คุณไม่จำเป็นต้อง ตั้งค่ากล้อง IPHONE 13 PRO MAX ให้สวย ให้เสียเวลาเลย และที่สำคัญคือเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดที่ไอโฟนใส่มาให้บนไอโฟนรุ่นแรก ๆ เลย เพียงคุณเข้าไปที่ กล้อง > ตั้งกล้องเพื่อพร้อมถ่ายวัตถุนั้น ๆ > แตะหน้าจอเพื่อโฟกัสภาพ > ให้ลาก “รูปดวงอาทิตย์” ปุ่มปรับการเปิดรับแสง ขึ้นหรือลงเพื่อปรับการเปิดรับแสง โดยลากขึ้นสูงเพื่อให้ภาพสว่าง และลากลงเมื่ออยากให้ภาพมืดลง

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

ใช้ NIGHT MODE 

บนไอโฟน 13 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ APPLE ใส่ NIGTH MODE มาให้ ซึ่งเป็นโหมดที่เข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนของคุณดูสวยขึ้น สว่างขึ้น อีกทั้ง NIGTH MODE ของ APPLE ก็ทำออกมาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญคือ ถ้าหากคุณอยาก ถ่ายรูปไอโฟน ด้วย NIGTH MODE ก็ไม่จำเป็นต้องไปตั้งค่ากล้องเลย เพียงแค่คุณแตะไปที่ไอคอนโหมดกลางคืน “รูปดวงจันทร์” โดยจะอยู่ที่ด้านบนสุดของจอแสดงผลจะ และเมื่อแตะแล้วไอคอนนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เท่านี้โหมดกลางคืนก็พร้อมใช้งานแล้ว แต่คุณจำเป็นจะต้องอยู่นิ่งสักพักเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13 ก็สามารถนำไปใช้กับIPHONEรุ่นอื่น ๆ ได้

เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 13

หลังจากที่หลายคนได้เห็น 4 เทคนิคถ่ายรูป IPHONE13 ที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่า เทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ รวมไปถึง วิธี ตั้งค่า > กล้อง ไอ โฟน 13 PRO MAX เป็นสิ่งที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อตั้งค่าในรุ่นอื่น ๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะบนไอโฟน11 และ 12 ที่จะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เหมือนกันเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญ IOS ใหม่ ๆ ยังได้มีการเพิ่มฟีเจอร์กล้องใหม่เข้ามาด้วย ดังนั้นใครที่เป็นชาว ไอโฟนตั้งแต่ 11 ขึ้นไปคุณก็จะสามารถนำเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ไปใช้ได้ทั้งหมดเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เทคนิค

แต่งรูป IPHONE แต่งแล้วสวย ครบ จบในแอปเดียว

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่รู้สึกว่า IPHONE ของคุณถ่ายรูปออกมายังไงก็ดูไม่สวยสักที ให้คุณหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน ถ้าคุณยังไม่เคย แต่งรูป IPHONE เพราะที่จริงแล้วการที่ไอโฟนของคุณมีราคาหลักหมื่นนั้นไม่ใช้เพียงแค่เรื่องของความปลอดภัย หรือระบบปฏิบัติการการของเขาเท่านั้น แต่เพราะไอโฟนนั้นสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่หลายคนรู้ โดยเฉพาะฟีเจอร์แต่งรูปที่อยู่บน “แอปรูปภาพ” ของเขาต้องบอกเลยว่าแต่งรูปได้สวยจริง ๆ ซึ่งใครยังไม่เคยลอง วันนี้เราไปดูพร้อมกัน

5 สไตล์ แต่งรูป IPHONE แต่งรูปไม่เก่ง ทำตามได้เลย

แต่งรูป IPHONE

เราเชื่อว่าหลายคนที่ใช้ IPHONE อยู่แล้วแต่ยังไม่เคยรู้ว่าบนแอปรูปภาพมีฟีเจอร์แต่งภาพที่ให้คุณสามารถแต่งภาพได้ทุกแนวแบบครบจบในแอปเดียว โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปดาวน์โหลดแอปอื่นมาช่วยเลย ซึ่งการ แต่งรูปIPHONE จะมีโหมดอัตโนมัติที่ไอโฟนจะทำการเจนเนอเรทภาพในเวอร์ชันที่ดีที่สุดให้คุณได้เลย ดังนั้นสำหรับวันนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่า IPHONE แต่งรูปยังไง วันนี้เรารวม 5 สไตล์การแต่งภาพมาให้ทุกคนแล้ว

แต่งรูป IPHONE

โทนเกาหลี

การแต่งภาพสไตล์เกาหลีนับว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์หลาย ๆ คนชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง และสำหรับการ แต่งรูปในไอโฟน โทนเกาหลี จะมีโทนภาพที่ค่อนข้างสว่าง ละมุน นวล และจะมีความเย็น ดังนั้นและถ้าอยากให้ได้ภาพแบบที่เรานำมายกตัวอย่างให้ใช้ค่านี้ได้เลย 

  • เปิดรับแสง +30
  • แสงไฟรอบ ๆ +46
  • ไฮไลท์ -5
  • เงา +70
  • ความต่างระดับสี -10
  • ความสว่าง +4
  • ความอิ่มสี +3
  • ความสด -9
  • โทนอุ่น -40
  • สีย้อม -14
แต่งรูป IPHONE

โทนสดใส

สำหรับการ แต่งรูปในไอโฟน โทนสดใส เราควรแต่งภาพให้มีความสว่าง เน้นการใช้สีสันเข้ามาช่วย แต่ถ้าจะให้แนะนำคือ ควรแต่งภาพให้ติดโทนอุ่นเล่นน้อย ที่สำคัญการแต่งภาพสไตล์สดใสยังสามารถนำไปใช้กับภาพถ่ายหลายแบบทั้งภาพวิว, สิ่งของ และภาพถ่ายผู้คน เป็นต้น

  • เปิดรับแสง +28
  • แสงไฟรอบ ๆ +60
  • ไฮไลท์ -5
  • เงา +35
  • ความต่างระดับสี +20
  • ความสว่าง +14
  • จุดดำ +4
  • ความอิ่มสี +69
  • ความสด +5
  • โทนอุ่น +20
แต่งรูป IPHONE

โทนคาเฟ่

เราเชื่อว่าหลาย ๆ ชอบการไปถ่ายรูปในคาเฟ่ หรือชอบถ่ายภาพมุมต่าง ๆ จากคาเฟ่มาไว้อัปลงโซเชียลมีเดียของตัวเองอย่างแน่นอน และสำหรับ แต่งรูปในไอโฟน โทนคาเฟ่ สามารถแต่งได้หลายโทนขึ้นอยู่กับสไตล์ของคาเฟ่นั้น ๆ ด้วยดังนั้นใครที่ชอบโทนแบบนี้ก็ใช้การแต่งสไตล์นี้ได้เลย

  • เปิดรับแสง -16
  • แสงไฟรอบ ๆ +36
  • ไฮไลท์ -11
  • เงา -9
  • ความต่างระดับสี -28
  • ความสว่าง +73
  • จุดดำ +8
  • ความอิ่มสี +11
  • ความสด +11
  • โทนอุ่น +69
แต่งรูป IPHONE

โทนธรรมชาติ

สำหรับการ แต่งรูปในไอโฟน โทนธรรมชาติ เป็นอีกสไตล์การแต่งภาพแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม และสามารถทำได้ง่ายที่สุดโดยคุณจะใช้ฟีเจอร์แต่งภาพอัตโนมัติ หรือแต่งภาพด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน อีกทั้งการแต่งภาพโทนธรรมชาติสามารถใช้ในการแต่งภาพได้หลากหลายแนวเช่นกับสไตล์อื่น ๆ 

  • เปิดรับแสง +3
  • แสงไฟรอบ ๆ +9
  • ไฮไลท์ -11
  • ความต่างระดับสี +40
  • ความสว่าง -60
  • จุดดำ -61
  • ความอิ่มสี +12
  • ความสด -5
  • โทนอุ่น -15
  • สีย้อม +14
  • ความคมชัด +29
  • ความละเอียด +27
  • การลดนอยซ์ +26
  • ขอบจาง +100
แต่งรูป IPHONE

โทนสว่าง

แต่งรูปในไอโฟนให้สว่าง จะมีความใกล้เคียงกันกับแต่ภาพโทนสดใส แต่สำหรับภาพแต่งภาพให้สว่างนั้นจะเหมาะมาก ๆ กับการแต่งภาพอาหาร เพราะจะช่วยทำให้เกิดความมัน ความว๊าว และเทกเจอร์ของอาหารเมนูนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยทำให้อาหารมีความน่าทานมากขึ้น ซึ่งจะเหมาะอย่างยิ่งกับการสายรีวิวอาหารทุกคน เพราะถ้าใช้การแต่งภาพแบบนี้จะทำให้ใคร ๆ ก็อยากตามไปทานอาหารจานนั้นอย่างแน่นอน

  • เปิดรับแสง +14
  • แสงไฟรอบ ๆ +10
  • ไฮไลท์ -21
  • เงา -24
  • ความต่างระดับสี -34
  • ความสว่าง +25
  • จุดดำ +12
  • ความอิ่มสี +5
  • ความสด -2
  • โทนอุ่น +16
  • สีย้อม +14
  • ความคมชัด +10
  • ความละเอียด +10
  • การลดนอยซ์ +25
  • ขอบจาง -10

หมดปัญหาภาพถ่ายแสงน้อย ด้วยการ แต่งรูป IPHONE เพียงแอปเดียว

แต่งรูป IPHONE

เป็นอย่างไรกินบ้างคะสำหรับ 5 สไตล์แต่งรูป IPHONE ที่เรานำมาฝากให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนในวันนี้ จะเห็นได้ว่าทำได้ไม่ยากเลยใช้ไหมค่ะ จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ ภาพที่เรานำมาเป็นตัวอย่างให้เพื่อน ๆ ได้ดูส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่มีความมืด หรือถ่ายในที่แสงน้อย ดังนั้นใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่สามารถนำวิธี แต่งรูปในไอโฟน แสงน้อย ที่เรานำมาฝากในวันนี้ไปทำตามได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เทคนิค

5 เทคนิคปลดล็อกสกิล ถ่ายรูป ไอโฟน14 ให้สวย สะกดทุกสายตา

แม้ว่า IPHONE 15 จะเปิดตัวไปเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่เปลี่ยนใจไปจาก IPHONE 14 ดังนั้นใครที่เป็นเจ้าของ IPHONE 14 หรือกำลังจะเป็นเจ้าของ วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ ในการ ถ่ายรูป ไอโฟน14 ยังไงให้สวย ได้รูปออกมาแล้วสะกดทุกสายตา ซึ่งจะมีเทคนิคไหนบ้างนั้นเรารวบรวมมาให้แล้ว

มันรวมวิธี ถ่ายรูป ไอโฟน14 ที่คุณอาจไม่เคยรู้

ถ่ายรูป ไอโฟน14

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แอปกล้องของ IPHONE 14 มาพร้อมฟังก์ชันที่ให้คุณสามารถใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งบางอย่างอาจจะไม่ใช่จุดขายทาง APPLE เลยอาจจะไม่ได้พูดถึงเท่าไรนัก ดังนั้นวันนี้เราเลยอยากพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปดูวิธี หรือเทคนิค ถ่ายรูป ไอโฟน14 ให้สวย รวมถึง เทคนิคถ่ายรูป IPHONE 14 PRO MAX ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ซึ่งทั้ง 5 เทคนิคมีดังนี้

ถ่ายรูป ไอโฟน14

ใช้เลนส์อัลตร้าไวด์ 

ถ่ายรูปไอโฟน 14 ให้สวย ด้วยเลนส์อัลตร้าไวด์ ซึ่งหลาย ๆ อาจจะยังไม่เคยลองใช้เลนส์นี้มาก่อน แต่จริง ๆ แล้วเลนส์อัลตร้าไวด์บนไอโฟนสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยมาก ๆ โดยคุณจะต้องไปที่กล้อง > เลือกระยะเลนส์ 0.5 ก็จะเป็นการเปิดใช้งานอัลตร้าไวล์ ซึ่งเลนส์ดังกล่าวจะเหมาะกับการถ่ายวิวกว้าง ๆ แต่ก็สามารถนำมาถ่ายภาพบุคคล หรือวัตถุต่าง ๆ ที่ต้องการโชว์พื้นหลังกว้าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งเทคนิคนี้นอกจากจะทำให้แบบของภาพนั้นมีความเด่นแล้ว ยังเป็นการแสดงถึบรรยากาศโดยรอบได้ดี แถมยังทำให้ภาพที่ได้มีความแกรนด์ยิ่งขึ้นอีกด้วย

ถ่ายรูป ไอโฟน14

ใช้แฟลชถ่ายภาพกลางคืน

หลายคนอาจหลีกเลี่ยงการใช้แฟลชในการถ่ายรูป แต่สำหรับ IPHONE 14 และ IPHONE 14 PLUS มาพร้อมแฟลช TRUE TONE ใหม่ ที่ให้ความสว่างขึ้นยิ่งกว่าเดิม 10% ที่ช่วยให้ ไอโฟนถ่ายรูปกลางคืน ได้สวยยิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิคในการใช้แฟลชเราแนะนำให้ยิงแฟลชไปที่วัตุถุที่ต้องการโฟกัสโดยตรง เช่นใบหน้า ตัวของแบบ หรือวัตถุนั้น ๆ โดยการใช้แฟลชนั้นจะทำให้ภาพดูมีมิติมากยิ่งขึ้น แถมเรายังสามารถเล่นแสงกับเงาที่เกิดจากแฟลชได้ด้วย

ถ่ายรูป ไอโฟน14

ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ถ่ายโคลสอัพ

สำหรับ IPHONE 14 PRO และ IPHONE 14 PRO MAX จะมาพร้อมเลนส์เทเลโฟโต้ 12MP ƒ/2.8 หรือ 3X TELEPHOTO โดยการเปิดใช้เทเลโฟโต้ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเข้าไปที่ กล้อง > กล้องหลัก > เลือก X3 โดยการ ถ่ายรูป IPHONE 14 PRO MAX ด้วยเลนส์ดังกล่าวจะเหมาะกับการที่ถ่ายภาพระยะไกล แต่เราสามารถนำมาถ่ายโคลสอัพใบหน้าบุคคลได้ โดยจุดเด่นของการใช้เลนส์ดังกล่าวคือนอกจากที่เราจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงแล้ว ภาพพื้นหลังยังมีความละลายกำลังดี สวย แถมยังเลือกจุดโฟกัสได้เองตามต้องการอีกด้วย แต่เลนส์ดังกล่าวจะไม่มีใน IPHONE 14 และ IPHONE 14 PLUS

ถ่ายรูป ไอโฟน14

ใช้เลนส์ ULTRA-WIDE MACRO ถ่ายภาพศิลปะ

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ใน IPHONE PRO และ PRO MAX หลาย ๆ รุ่นมาพร้อมเล่น ULTRA-WIDE MACRO ที่ให้คุณสามารถถ่ายภาพแบบ MACRO ได้ไม่แพ้มือถือค่ายอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่จุดขายเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ วิธีใช้กล้อง IPHONE 14 PRO และ IPHONE 14 PRO MAX ในการถ่าย MACRO โดยปกติแล้วการถ่ายแบบ MACRO จะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อเรานำกล้องไปใกล้ ๆ วัตถุ แต่ภาพที่ได้จะไม่มีมิติ ดังนั้นเราแนะนำให้ไปที่ตั้งค่า > กล้อง > เปิดใช้งาน MACRO CONTROL เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเลือกเปิด – ปิดเลนส์ MACRO ได้ตามต้องการ 

ถ่ายรูป ไอโฟน14

ถ่ายวิวด้วยเลนส์ ULTRA-WIDE

ถ่ายวิวด้วยเลนส์ ULTRA-WIDE เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณได้ภาพวิวกว้าง ๆ เก็บบรรยากาศได้ครบ และถึงแม้ว่า ภาพดังกล่าวจะไม่มีแบบ หรือโมเดล การ ถ่ายรูป IPHONE 14 ด้วยอัลตร้าไวด์ก็จะทำให้การถ่ายวิวของคุณง่าย และสวยกว่าการใช้เลนส์หลัก หรือถ่ายด้วยโหมดพาโนรามาและสำหรับเลนส์ ULTRA-WIDE มีในไอโฟน 14 ทุกรุ่นอีกด้วย

บันทึกไฟล์ภาพแบบ Apple ProRAW เพื่อการ ถ่ายรูป ไอโฟน14 ที่คมชัดยิ่งขึ้น

ถ่ายรูป ไอโฟน14

สำหรับ APPLE PRORAW สกุลไฟล์ภาพของ APPLE ที่ทำให้ภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัดกว่าที่เคย โดยรองรับตั้งแต่ IPHONE 12 PRO และรุ่น PRO และ PRO MAX ที่ใหม่กว่า ดังนั้นการ ถ่ายรูป ไอโฟน 14 ในรุ่น PRO และ PRO MAX จึงสามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ดังกล่าวได้ด้วย โดยจะต้องไป ตั้งค่าถ่ายรูปไอโฟน ก่อน ด้วยการเข้าไปที่ตั้งค่า > กล้อง > รูปแบบ > เปิดใช้งาน APPLE PRORAW > เลือก 12MP หรือ 48MP แต่ข้อเสียคือไฟล์จะมีขนาดที่ใหญ่ และกินพื้นที่จัดเก็บของเครื่องมากขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เทคนิค

5 TRIP ถ่ายรูป ไอโฟน ให้ได้รูปสวย ถูกใจสาวก APPLE 

สำหรับใครที่เป็นสาวก APPLE หรือใช้มือถือ IPHONE และอยากถ่ายรูปสวย ๆ ด้วยไอโฟนของคุณ วันนี้เรามี 5 TRIP หรือเคล็ดลับดี ๆ ในการ ถ่ายรูป ไอโฟน มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นในส่วนของเทคนิคแล้ว ยังมีวิธีตั้งค่าไอโฟนเพื่อให้กล้องไอโฟนของคุณสามารถถ่ายรูปสวยขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย

ทำตาม 5 สิ่งนี้ แล้วคุณจะ ถ่ายรูป ไอโฟน ได้สวยกว่าที่คิด

ถ่ายรูป ไอโฟน

หลายคนอาจจะเลือกซื้อไอโฟนเพราะรู้สึกว่า ของกล้องของเขาที่สามารถถ่ายรูปได้สวยถูกใจ แต่พอใช้งานจริงกลับรู้สึกว่า ถ่ายรูปไอโฟน ให้สวยนั้นเป็นเรื่องยาก หรือถ่ายยังไงก็ไม่สวยเหมือนคนอื่นถ่ายสักที วันนี้เรามี 5 เคล็ดลับในการ ถ่ายรูปไอโฟนให้สวย ถูกใจ ไม่ว่าจะถ่ายในคาเฟ่ ทุ่งดอกไม้ หรือกับทะเลก็จะทำให้คุณได้ภาพสวยเหมือนมืออาชีพ ซึ่งเคล็ดลับทั้ง 5 มีดังนี้

ถ่ายรูป ไอโฟน

ใช้ตาราง 9 ช่อง

การใช้ตาราง 9 ช่องเข้ามาช่วยในการถ่ายรูปเป็นเทคนิคที่ช่างภาพมืออาชีพและมือใหม่เลือกใช้ ซึ่งบนไอโฟน เราสามารถตั้งค่าเพื่อเปิดการใช้งานของตาราง 9 ช่องได้ด้วย โดยจะต้อง ตั้งค่ากล้องไอโฟน ก่อนโดยเข้าไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > เปิดใช้งาน GRID (เส้นตาราง) และคุณสามารถประยุกต์การใช้งานตาราง 9 ช่องได้อย่างอิสระ หรือจะใช้กฎสามส่วน (RULE OF THIRDES) เข้ามาช่วยเพื่อให้คุณสามารถจัดองค์ประกอบของภาพเพื่อให้คุณจัดโฟกัสของภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น

ถ่ายรูป ไอโฟน

ใช้ฟีเจอร์ภาพถ่ายบุคคล 

โหมด ภาพถ่ายบุคคล หรือ PORTRAIT เปิดให้ใช้ครั้งแรกบน IPHONE 7 PLUS และใน IPHONE X ขึ้นไปก็สามารถถ่ายบนกล้องหน้าได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพเซลฟี่ของคุณมีมิติและสวยยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือยังมาพร้อมฟีเจอร์แสงที่ให้คุณสามารถเลือกการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลได้ถึง 5 แบบด้วยกัน ที่สำคัญคือไอโฟนรุ่น 11 ขึ้นไปคุณยังสามารถปรับค่า F ได้ด้วย ซึ่งค่า F ยิ่งต่ำ พื้นหลังภาพก็จะยิ่งเบลอ

ถ่ายรูป ไอโฟน

ปรับโฟกัสและการเปิดรับแสง

ถ่ายรูปด้วยมือถือ IPHONE การปรับโฟกัสและการเปิดรับแสงนับว่าเป็นสิ่งพื้นฐานที่หลายคนต้องรู้โดย ให้ไปที่แอปกล้อง > แตะหน้าจอบริเวณที่ต้องการโฟกัส > ลากรูปดวงอาทิตย์ขึ้น เพื่อเพิ่มรูรับแสง และสำหรับ IPHONE 11 ขึ้นไป จะสามารถตั้งค่าและล็อคการเปิดรับแสงเพื่อให้โฟกัสไม่หลุด และได้แสงที่ตรงยิ่งขึ้น โดยคุณจะต้องไปที่ ตั้งค่า > กล้อง > การตั้งค่าการใช้งานล่าสุด > เปิดใช้งานการปรับการเปิดรับแสง

ถ่ายรูป ไอโฟน

ตั้งเวลา NIGHT MODE ให้นานขึ้น

สำหรับ IPHONE 11 ขึ้นไป จะมาพร้อม NIGHT MODE ที่ให้คุณสามารถถ่ายภาพกลางคืนได้สวยยิ่งขึ้น โดย เทคนิคถ่ายรูป IPHONE ด้วย NIGHT MODE สามารถทำให้สวยขึ้นกว่าที่เคยด้วยการเพิ่มเวลาของการถ่าย NIGHT MODE ให้ไปที่ แอปกล้อง > เปิด NIGHT MODE (มุมซ้ายบนใกล้กับแฟลช/ค่าเริ่มต้นคือค่าอัตโนมัติ) > ปัดหน้าจอขึ้นข้างบนเพื่อเรียกใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ > กดที่ NIGHT MODE > เลื่อนขวาเพื่อเพิ่มเวลา แต่ทั้งนี้ IPHONE จะมีการปรับระยะเวลาสูงสุดไม่เท่ากันซึ่งอาจจะเป็น 2 – 5 วินาทีแตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการใช้โหมดนี้ผู้ใช้งานจะต้องมือนิ่งมาก ๆ 

ถ่ายรูป ไอโฟน

ใช้ BURST MODE เผื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง

หากเราต้องถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนที่เช่น ภาพน้องหมากำลังวิ่ง, ภาพคนเตะบอล หรือภาพคนปั่นจักรยาน การเลือกใช้ BURST MODE หรือ โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง ก็จะทำให้คุณสามารถเก็บภาพได้แบบรัว ๆ โดยหากเป็นไอโฟนรุ่นเก่า ๆ ก็จะสามารถใช้โหมดนี่ได้ด้วยการกดชัตเตอร์ค้าง แต่ถ้าเป็นการ ถ่ายรูป ไอโฟน 11 ให้คุณแตะชัตเตอร์ค้างจากนั้นลากไปฝั่งซ้าย เพียงเท่านี้คุณก็จะไม่พลาดการถ่ายภาพจากโมเมนต์ดี ๆ อีกต่อไป

IOS 17 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ ถ่ายรูป ไอโฟน ได้ง่ายและสวยขึ้น

ถ่ายรูป ไอโฟน

หลังจากที่ APPLE ปล่อย IOS 17 ออกมา เราก็ได้เจอกันฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้เราถ่ายรูป ไอโฟน ได้ง่ายและสวยยิ่งขึ้น โดยจะเป็นเส้นตรงที่อยู่ตรงกลางจอ (เส้นระนาบ) ซึ่งจะแยกออกจากกันเป็น 3 เส้น และผู้ใช้งานจะต้องตั้งกล้องให้เส้นดังกล่าวเรียงตรงกันทุกเส้น และเราจะรู้ว่าเราตั้งกล้องได้ตรงเมื่อเส้นกลางจอมีสีเหลือง และจะมีการสั่นเบา ๆ หนึ่งครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณให้เรารู้ว่าเราตั้งกล้องได้ตรงแล้ว เพียงเท่านี้การ ถ่ายรูปไอโฟน ให้สวย ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เทคนิค

วิดีโอสโลว์ บนมือถือถ่ายแบบไหน ตั้งค่ายังไงให้ได้คลิปจึ้ง ๆ

การถ่าย วิดีโอสโลว์ นอกจากจะทำให้คลิปของคุณดูน่าสนใจแล้ว ยังเป็นการสื่อสารอารมณ์ การเคลื่อนไหวของวัตถุในคลิปได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นอกจาก IPHONE แล้ว มือถืออีกหลาย ๆ รุ่นสามารถตั้งค่ากล้องเพื่อถ่ายสโลว์ได้ด้วย หรือใครที่เป็นสายตัดต่อคลิปแล้วการใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอเข้ามาช่วยในการทำสโลว์ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งวันนี้เรารวมวิธีตั้งค่ากล้อง และแนวทางการทำคลิปสโลว์มาไว้ให้แล้ว

ตั้งค่ากล้องถ่าย วิดีโอสโลว์ ทั้งระบบ IOS และ ANDROID 

วิดีโอสโลว์

สำหรับใครที่ต้องการถ่าย วิดีโอ สโลว์ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องตั้งค่ากล้องมือถือของคุณยังไง วันนี้เรามีวิธีตั้งค่ากล้องเพื่อ ทําวิดีโอ สโลว์ IPHONE และ ANDROID มาฝากทุกคนที่อยากได้วิดีโอสโลว์สวย ๆ ไว้อวดเพื่อน ๆ บนโซเชียล ซึ่งโดยทั่วไปบนสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่นที่สามารถถ่ายสโลว์ได้ก็จะมีโหมดถ่ายภาพสโลว์โมชั่นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย แต่สำหรับมือถือ ANDROID หลาย ๆ รุ่นก็อาจจะมาพร้อม PRO MODE ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองเหมือนการถ่ายภาพบนกล้อง PRO หรือ DSLR 

วิดีโอสโลว์

ตั้งค่ากล้องไอโฟน

สำหรับมือถือไอโฟนรุ่นแรกที่สามารถ ทําวิดีโอ สโลว์ คือ IPHONE 5S แต่ในช่วงแรกนั้นโหมดสโลว์ของไอโฟนยังทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ปัจจุบันสำหรับ IPHONE 11 ขึ้นไปคุณจะสามารถถ่ายสโลว์บนกล้องหน้าได้ด้วย โดยการถ่ายสโลว์จะสามารถถ่ายได้ทั้ง 120 FPS และ 240 FPS โดยผู้ใช้งานจะต้องเข้าไปที่ SLO-MO MODE > ตั้งค่าเฟรมภาพที่มุมขวาของจอ > ซึ่งค่ามาตรฐานของกล้องจะอยู่ที่ 120 FPS > แตะ 1 ครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็น 240 FPS เพียงเท่านี้ก็จะได้วิดีโอสโลว์ตามที่ต้องการแล้ว

วิดีโอสโลว์

แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้นก็สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์แตะสลับเพื่อเปลี่ยนเฟรมเรทแบบที่รุ่นใหม่ ๆ ได้เช่นกัน โดยให้ไปที่ตั้งค่า > กล้อง > บันทึกสโลว์โมชั่น > เลือก 1080P HD ที่ 120 FPS/ 720P HD ที่ 240 FPS > เปิดใช้งาน “ควบคุมรูปแบบวิดีโอ” เพียงเท่านี้คุณก็สามารถตั้งค่าเฟรมเรทของการถ่ายสโลว์โมชั่นได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องเข้าไปในแอพตั้งค่าอีกต่อไป 

วิดีโอสโลว์

นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าไปแก้ไขภาพถ่ายสโลว์โมชั่นที่ถูกบันทึกแล้วได้อีกด้วย โดยให้เขาไปที่อัลบั้ม > เลือกภาพ > แก้ไข > ลากแถบไทม์ไลน์กำหนดเฟรมเรท (แถบเล็กด้านล่างสุด) และเมื่อได้วิดีโอสโลว์ตามที่ต้องการแล้วก็กดเสร็จสิ้นได้เลย

ตั้งค่ากล้อง ANDROID

วิดีโอสโลว์

สำหรับมือถือ ANDROID อย่างที่หลายคนทราบดีว่า มีหลายรุ่นมาก ๆ ดังนั้นเราอาจจะแนะนำการตั้งค่าแบบเจาะจงไม่ได้ แต่สมาร์ทโฟนของ ANDROID หลายรุ่นจะมาพร้อมโหมดถ่ายสโลว์ให้คุณสามารถถ่ายสโลว์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ โปรแกรม ตัด ต่อ วิดีโอ อีกทั้งในสมาร์ทโฟนบางรุ่นยังมาพร้อม PRO MODE จึงให้คุณสามารถตั้งค่าตั้งค่าการถ่ายเองได้แบบจัดเต็ม สำหรับการถ่ายสโลว์ผู้ใช้งานจะต้องตั้งค่าเฟรมเรทที่ 100 FPR, 120 FPS และ 240 FPS โดยคุณสามารถเลือกการตั้งค่าได้เองตามต้องการ 

วิดีโอสโลว์ ด้วยโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ มือถือไม่มีโหมดสโลว์ก็ทำได้

วิดีโอสโลว์

สำหรับใครที่อยากทำวิดีโอสโลว์ แต่มือถือไม่มีโหมดสโลว์ หรือลืมเปิดใช้โหมดขณะที่ถ่าย การใช้ โปรแกรม ตัด ต่อ วิดีโอ ฟรี มาเป็นตัวช่วยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากให้โปรแกรม หรือแอพตัดต่อวิดีโอหลาย ๆ โปรแกมจะมาพร้อมฟีเจอร์สโลว์ โดยแต่ละโปรแกรมก็จะมีวิธีใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เช่นบน CAP CUT การแก้ไขวิดีโอจะจะอยู่ในฟีเจอร์ “ความเร็ว” 

วิดีโอสโลว์

ซึ่งคุณสามารถทำ SLOW หรือ SPEED ก็ได้เช่นกัน โดยคุณสามารถ ตัด ต่อ วีดีโอ ให้ SLOW หรือ SPEED ความเร็วเท่ากันทั้งคลิป หรือจะเลือกใช้แม่แบบฟรีที่แอพกำหนดไว้ให้ หรือเราจะเลือกกำหนดเองก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งแอพบนมือถือหลาย ๆ แอบจะเหมาะกับเหล่ามือใหม่เป็นอย่างยิ่ง

แต่ถ้าเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมือโปรอย่างเช่น ADOBE PREMIERE PRO, FINAL CUT PRO หรือ DAVINCI RESOLVE เหล่านี้จะไม่มีแม่แบบในการทำสโลว์มาให้ โดยผู้ใช้งานจะต้องมีความรู้พื้นฐานในการใช้เครื่องมือบนโปรแกรม ซึ่งมือใหม่อาจจะยังไม่เหมาะกับโปรแกรมเหล่านี้เท่าไรนัก

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เทคนิค

ใช้ หลักการ JUMP CUT ตัดคลิปให้กระชับ น่าสนใจ ไม่ยืดเยื้อ 

หลักการ JUMP CUT เป็นหนึ่งในหลักการ หรือวิธีในการตัดต่อวิดีโอที่เหล่าครีเอเตอร์หลาย ๆ คนเลือกใช้ในการตัดต่อผลงาน เนื่องจากเทคนิคนี้ช่วยให้วิดีโอมีความกระชับ ไม่ยืดเยื้อ และมีขนาดความยาวของวิดีโอเหมาะสมตามที่ต้องการ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับหลักการJUMPCUT ให้มากขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการตัดต่อคลิปของคุณได้ต่อไป

4 หลักการ JUMP CUT ที่จะทำให้การตัดคลิปเป็นมืออาชีพมากขึ้น

หลักการ JUMP CUT

หลักการJUMP CUT ที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ในวันนี้จะมีทั้งหมด 4 หลักการที่จะช่วยทำให้การตัดแบบ JUMP CUT ของคุณเหมือนระดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ซึ่ง JUMP CUTคือ การตัดกระโดด ซึ่งจะเป็นการตัดเอาเดทแอร์ หรือส่วนที่ไม่จำเป็นออกจากคลิป หรือตัดแบบตั้งใจให้คนดูรู้เลยว่าเป็นการตัดกระโดด ซึ่งจะเป็นการกระโดดจากช็อตหนึ่ง ไปยังช็อตหนึ่ง และเป็นเทคนิคที่ถูกใช้กับการตัดต่อคลิปสั้นไปจนถึงเป็น เทคนิคการตัดต่อภาพยนตร์ เลยทีเดียว แต่เราสามารถทำให้การตัดแบบ JUMP CUT เนียนได้ยิ่งขึ้นด้วย 4 เทคนิคง่าย ๆ ดังนี้

หลักการ JUMP CUT

การซูมเข้า – ออกของวิดีโอ

การ JUMP CUT พร้อมการซูมเข้าออกของวิดีโอ จะเหมาะกับจังหวะที่เราต้องการเน้นถึงเนื้อหาที่กำลังเสนอในคลิป เช่นคลิปทำแกงเขียวหวาน ที่จังหวะนั้นเราอาจจะต้องการโชว์ภาพของกะทิที่กำลังแตกมัน เราก็ใช้เทคนิคการตัดคลิปออกให้เป็น 2 ช็อตแล้วทำการซูมคลิป ๆ หนึ่ง แล้วนำมาต่อกัน ซึ่งในความเป็นจริงกว่าที่กะทิจะแตกมันอาจต้องใช้เวลานานหลาย แต่เราสามารถตัดเหลือเพียงไม่กี่วินาทีด้วยเทคนิคนี้ แถมยังเป็นการช่วยให้คลิปดูน่าสนใจ หรือดูมีอะไรมากขึ้นนั่นเอง

หลักการ JUMP CUT

JUMP CUT ด้วยภาพมุมกล้องหลายมุม

เทคนิคนี้จะต้องอาศัยการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เพื่อให้วิดีโอที่เริ่ม และ จบพร้อมกัน ซึ่งจะคล้าย ๆ กับ ตัดต่อวิดีโอ ด้วยเทคนิค Cutting on Action แต่ด้วยความที่เป็น JUMP CUT การใช้มุมกล้องที่ 2 หรือ 3 มุมเข้ามาช่วยจึงเป็นการตัดกระโดดที่จะกระโดดได้แบบเนียน ๆ แบบที่คนดูแทบไม่รู้เลยว่าไทม์ไลน์ของวิดีโอไม่ต่อเนื่องกัน แต่ถ้าใครที่อัปเลเวลแล้ว คุณก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้จากการถ่ายวิดีโอจากกล้องเพียงตัวเดียว

หลักการ JUMP CUT

ใช้ภาพหรือวิดีโออินเสิร์ท

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ตัดต่อแบบ JUMP CUT เราสามารถอินเสิร์ทภาพ หรือวิดีโอเข้ามาช่วยได้ด้วย สำหรับใครที่อัดคลิปพูด หรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เราสามารถอินเสิร์ทภาพหรือวิดีโอที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังพูดขึ้นมาแทนใบหน้าของเรา เพราะให้วิดีโอดูสมูท ไม่กระโดดไปมาจนเกินไปถึงแม้ว่าคลิปต้นฉบับจะมีความกระโดดก็ตาม แต่อันนี้เนียนจนคนดูไม่รู้แน่นอน

หลักการ JUMP CUT

ซิงค์เสียงคลิปให้สมูท

ถ้าใครเคยตัดคลิปที่มีการพากย์เสียงจะรู้ว่าเมื่อเรากดหยุดบันทึกเสียงก็จะมีเสียง “ตุบ” เหมือนเสียงเราเคาะอะไรสักอย่าง ซึ่ง การตัดกระโดด ก็เหมือนกัน เมื่อเราตัดคลิปแล้วก็จะมีเสียงเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการซิงค์เสียงคลิปจึงสำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อเสียงถูกซิงค์เรียบร้อยคนดูคลิปก็จะรู้สึกว่าคลิปมีความลื่นไหล ฟังแล้วไม่สะดุดซึ่งแต่ละโปรแกรมตัดต่อก็จะมีวิธีซิงค์เสียงที่แตกต่างกันออกไป

วิดีโอที่ไม่เหมาะกับการใช้ หลักการ JUMP CUT

หลักการ JUMP CUT

หลังจากที่เห็นรูปแบบของ หลักการ JUMPCUT ไปแล้วว่ามีวิธีใดบ้างที่ทำให้การJUMP CUT มีความสมูทและทำให้วิดีโอของคุณเป็นการตัดต่อคลิประดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ และอยาก ตัดต่อวิดีโอเอง เทคนิคนี้จะไม่เหมาะกับกับวิดีโอที่มีการถ่ายวิว หรือ วิดีโอไทม์แลปส์ เนื่องจากวิดีโอแบบนี้จะต้องมีความต่อเนื่องเพื่อความเป็นธรรมชาติของวิดีโอ

หลักการ JUMP CUT

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เทคนิคอื่น ๆ หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ มาใช้ร่วมด้วยเช่นการใส่ทรานซิชั่นเพื่อเชื่อคลิปหนึ่งไปสู่คลิปหนึ่งเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจว่าช่วงเวลาของของวิดีโอได้เปลี่ยนไปจากเวลาช่วงเวลาหนึ่ง ไปยังช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเราจะเจอได้บ่อยมาก ๆ ในคลิป หรือรายการทำอาหาร

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
เทคนิค

5 แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี หมดปัญหากวนใจของสายทำคลิป

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการทำคลิป หรือคลิปสั้น แต่ต้องหงุดหงิดกับวิดีโอไม่ชัด ภาพแตก จนทำให้คุณภาพวิดีโอที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นวันนี้เราเลยมี 5 แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี มาแนะนำเพื่อน ๆ ที่กำลังอยากได้ตัวช่วยดี ๆ มาไว้ใช้งานแบบไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมวิธีใช้งานของแต่ละแอป ดังนั้นใครที่เป็นครีเอเตอร์มือใหม่ก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ

แนะนำ แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี พร้อมวิธีการใช้งานแอป

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

สำหรับใครที่กำลังตามหา แอพปรับวิดีโอให้ชัดฟรี ไว้ใช้งานร่วมกับคลิปสุดครีเอทของคุณ วันนี้เราได้รวบรวมแอพเหล่านั้นมาไว้ให้เพื่อน ๆ พร้อมวิธีการใช้งานแล้ว ซึ่งแอปเหล่านี้นอกจากจะสามารถ ปรับวิดีโอให้ชัด แล้ว ยังสามารถใช้ในการ ตัด ต่อ วีดีโอ ได้ด้วย ดังนั้นใครที่หาแอพไว้ตัดต่อวิดีโอฟรีมาไว้ใช้งาน ก็สามารถดาวน์โหลดแอพเหล่านี้ได้ด้วย ซึ่งทั้ง 5 แอพมีทั้งหมดดังนี้

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

WINK

แอพที่เหมาะกับสายที่ชอบถ่ายวิดีโอใบหน้าของคนโดยเฉพาะ เนื่องจากจุดเด่นของแอพนี้จะเน้นไปที่การตัดต่อ และรีทัชวิดีโอโดยเฉพาะ แต่สำหรับใครที่ต้องการที่ ปรับวิดีโอ ให้มีความคมชัดยิ่งขึ้นก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยให้คุณเข้าแอพ > แก้ไขวิดีโอ > เลือกวิดีโอที่ต้องการ > กดเริ่ม > แก้ไข (รูปกรรไกร) > เลือกฟีเจอร์ HD (คุณภาพของภาพ) จากนั้นรอการเร็นเดอร์เพียงเท่านี้คุณก็จะได้วิดีโอที่คมชัดแล้ว ที่สำคัญแอพนี้ยังมีฟีเจอร์กันสั่นมาให้ด้วย สำหรับคลิปใครที่ถ่ายไม่นิ่งก็เรียกใช้ฟีเจอร์นี้ได้เลย

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

CAPCUT

ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก CAPCUT แอพตัดต่อวิดีโอสุดฮิตของยุคนี้ที่นอกจากจะมาพร้อมรูปแบบที่ใช้งานง่าย และยังมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย และที่สำคัญยังเป็น แอพปรับวิดีโอให้ชัด ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากคุณสามารถเรนเดอร์วิดีโอให้มีความคมชัดสูงสุดถึง 4K เลยทีเดียว โดยวิธีทำภาพให้ชัดของ CAPCUT ให้คุณไปที่โปรเจกต์ใหม่ > เลือกวิดีโอ > เพิ่ม > เลือก 2k / 4k เพื่อตั้งค่าความชัด > เลือก HDR อัจฉริยะ ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าความละเอียดภาพเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

SPLICE – VIDEO EDITOR & MAKER

แอพ ตัด ต่อ VDO ที่นอกจากจะตัดต่อวิดีโอ และปรับวิดีโอให้มีภาพที่คมชิดสุดถึงระดับ 4K ได้แล้ว ยังมาพร้อมระบบ AI ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดต่อวิดีโอได้ด้วย แต่สำหรับวิธีปรับภาพให้ชัดของแอพนี้ก็จะคล้าย ๆ กับ CAPCUT คือให้คุณไปที่ NEW PROJECT > TIMELINE EDITOR (หากต้องการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง) > เลือกวิดีโอที่ต้องการตัด > ASPECT RATIO (กำหนดขนาดของวิดีโอ) > เมื่อตัดต่อวิดีโอเรียบร้อยแล้วไปที่ > EXPORT แล้วทำการตั้งไฟล์ทั้งความละเอียด (สูงสุด 4K) > EXPORT VIDEO

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

FILMORA VIDEO EDITOR

โปรแกรม ตัด ต่อ วิดีโอ ที่รองรับทั้ง WINDOWS และ MAC ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรี ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่หลากหลาย ใช้งานง่าย มีเอฟเฟกต์ฟรีให้ สามารถตั้งค่าความคมชัดได้สูงสุดถึง 8K ที่ 60 FPS เลยทีเดียวที่สำคัญคือเหมาะกับมือใหม่ และระดับโปรทุกคน สำหรับใครที่เป็นผู้ใช้งานใหม่ โปรแกรมจะมีการสอนใช้งานเบื้องต้นไว้ให้เรียบร้อย และเมื่อผู้ใช้งานตั้ต่อวิดีโอเรียบร้อยแล้วให้ไปที่ EXPORT > ตั้งค่าไฟล์ (ค่าเริ่มต้นที่โปรแกรมให้มาจะเป็นค่ามาตรฐาน) > EXPORT จากนั้นรอการเร็นเดอร์คุณก็จะได้วิดีโอคมชัดตาที่ต้องการแล้ว

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

VLLO

อีกหนึ่งแอพที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นแอพ ปรับความชัดวิดีโอ ฟรี แอพนี้ยังเหมาะกับทั้งมือใหม่และมีโปร สามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดถึง 4K ที่ 60 FPS โดยหลังจากที่คุณตัดต่อวิดีโอแล้วให้ไปที่ > ส่งออกไฟล์ > ความละเอียด (ค่าเริ่มต้น Full HD) > เฟรมเรท (ค่าเริ่มต้น 30 FPS) > ส่งออกไฟล์ ที่สำคัญแอพนี้ยังสามารถทำเป็นไฟล์ GIF ได้ด้วย

ปรับความชัดบน แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี ให้ตรงกับมาตฐานแพลตฟอร์ม

แอพปรับวิดีโอให้ชัด ฟรี

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แต่ละแพลตฟอร์มโซเชียวมีเดีย เช่น FACEBOOK, IG, TIKTOK และ YOUTUBE จะมีการกำหนดมาตฐานความละเอียดของวิดีโอไว้อยู่ว่าจะมีความคมชัดสูงสุดอยู่ที่เท่าไร เช่น FACEBOOK จะมีการกำหนดไว้ที่ 1080P 16:9 ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะใช้แอพปรับวิดีโอให้ชัดฟรี เราก็ควรคำนึงถึงแพลตฟอร์มที่เราจะนำเอาวิดีโอไปอัปโหลดต่อว่าสามารถรองรับวิดีโอได้สูงสุดที่ความชัดเท่าไร เพราะจะเห็นได้ว่า แอพปรับความชัดวิดีโอ หลาย ๆ แอพจะมีฟีเจอร์ที่พัฒนามาให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะ เพราะให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถใช้งานได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
เทคนิค

5 เทคนิค ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน ฉบับมือใหม่ก็ทำได้

ปัจจุบันการตัดต่อวิดีโอคลิปสั้น หรือตัดต่อคลิปวิดีโออัปลงบนช่องทางต่าง ๆ นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงมาก ๆ แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังรู้สึกว่าคลิปที่ตัวเองตัดอาจจะดูยังไม่สมูท ไม่ต่อเนื่อง หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ วันนี้เราเลยมี 5 เทคนิค ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากยกระดับการตัดต่อวิดีโอของคุณให้เนียนเหมือนตัดด้วยฝีมือระดับมืออาชีพ

เทคนิค ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน โปรแกรมไหนก็ใช้ได้

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

สำหรับการ ตัดต่อวิดีโอยังไงให้เนียน มีอยู่หลายเทคนิคด้วยกัน แต่สำหรับวันนี้เราขอยกตัวอย่าง 5 เทคนิคที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยจะเป็นทั้งการใช้เอฟเฟกต์ รวมไปถึงวิธีการ ตัด ต่อ เข้ามาช่วยให้วิดีโอของคุณมีความสมูทมากยิ่งขึ้น ซึ่งโปรแกรมที่ใช้สำหรับ ตัด ต่อ วีดีโอ ส่วนใหญ่แล้วจะมีเอฟเฟกต์หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถตัดต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น และทำให้วิดีโอของคุณเป็นวิดีโอระดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

ตัดวิดีโอแบบคัทชน Standard Cut 

การคัทชน หรือ Standard Cut เป็นการ ตัด video กับวิดีโอกับวิดีโอมาชนกัน ซึ่งเป็นวิธีตัดวิดีโอแบบพื้นฐาน สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ไม่เคยตัดวิดีโอมาก่อนวิธีนี้จะเป็นวิธีเบื่องต้นที่จะทำให้วิดีโอมีความกระชับ ไม่ยืดเยื้อ และสามารถทำได้ง่ายที่สุด รวมไปถึงยังเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถนำวิดีโอไปตัดต่อในสเต็ปต่อไปได้ด้วย 

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

ตัดแบบ JUMP CUT

การตัดแบบ JUMP CUT เป็นการตัดเอาช่วงเดทแอร์ออกให้เนื้อหาของคลิปมีความกระชับ หรือสร้างมูทของวิดีโอด้วยการซูมเข้า – ออก ซึ่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอแต่ละโปรแกรมจะมีวิธีตัวแตกต่างกันไป แต่บางโปรแกรมจะมาพร้อมฟีเจอร์รูปกรรไกร (แก้ไข) ที่จะช่วยให้คุณ ตัด วิดีโอ ได้ง่ายขึ้น โดยให้คุณลากเซอร์เคิล (เส้นแนวตั้งบนไทม์ไลน์ VDO) ไปที่วิดีโอที่ต้องการตัด > กดเลือกรูปกรรไกร (แก้ไข) และหากเป็นโปรแกรม CAP CUT แล้วให้เลือกไปที่ “แบ่งฉาก” เท่านี้ก็สามารถตัดวิดีโอส่วนที่ไม่ต้องการออกไปได้แล้ว

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

ตัดให้เข้ากับจังหวะเพลง

เมื่อคุณเลือกวิดีโอที่ต้องการตัดได้แล้วให้กดปิดเสียงคลิป ตัดวิดีโอส่วนที่ไม่ต้องการ หรือเดทแอร์ออกเพื่อให้ได้ฟุตเทจวิดีโอที่พร้อมใช้งาน หรือพร้อมนำได้ตัดต่อต่อไป จากนั้นเลือกเพลงที่ต้องการ วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้เราจับจังหวะของเพลงแล้วทำการมาร์คจังหวะ ซึ่งในโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันนี้ให้ และเมื่อเรามาร์คให้น้ำวิดีโอมาแปะให้ตรงมาร์ค วิธีนี้เป็นการ ตัดต่อวิดีโอให้สมูท ง่ายและเป็นขั้นเป็นตอนที่สุด

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

ใช้เอฟเฟกต์เป็นตัวเชื่อมวิดีโอ

ถ้าถามว่า ตัด ต่อ ยัง ไง ให้เนียน สำหรับตัวผู้เขียนเองเลือกทำเป็นอันดับต้น ๆ โดยโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหลาย ๆ โปรแกรมจะมาพร้อมเอฟเฟกต์ให้เราสามารถเลือกใช้ได้ฟรี (แบบจำกัด) แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่การหาซื้อเอฟเฟคมาไว้ใช้งานอาจจะยังไม่เหมาะเท่าไร โดยการใช้เอฟเฟกต์เพื่อเป็นตัวเชื่อมจากวิดีโอหนึ่ง ไปสู่วิดีโอหนึ่งจะทำให้วิดีโอมีความสมูท แต่จะให้ความรู้สึกที่แตdต่างจากการ JUMP CUT แต่ควรเลือกใช้ฟีเจอร์นี้ในจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะถ้าใส่ในทุกจุดก็อาจจะทำให้คนดูไม่เข้าในเนื้อหาของวิดีโอได้

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

การใช้เทคนิค Cutting on Action

วิธีนี้จะต้องใช้ฟุตเทจวิดีโอที่มีมุมกล้องหลายมุมจากการถ่ายวัตถุเดียวเข้ามาช่วย ซึ่งการ ตัด ต่อ คลิป แบบนี้นอกจากจะทำให้วิดีโอของคุณเป็นวิดีโอระดับมืออาชีพแล้ว ยังเป็นการสร้างอารมณ์ให้วิดีโอของคุณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งวิดีโอที่ใช้จะเป็นวิดีโอที่มีภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่องกัน เช่น การดริปกาแฟ ที่อาจจะมีมุมกล้องซูม และมุมกว้าง สลับกันไป แต่เรื่องราวจะจบลงพร้อมกัน

ใช้เทคนิค ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน ด้วยการโปรแกรมออนไลน์

ตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน

สำหรับเทคนิคการตัดต่อวิดีโอ ยังไงให้เนียน ที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ทั้ง 5 เทคนิคในวันนี้ นอกจากจะสามารถใช้กับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอทั่วไปได้แล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถนำไปใช้ ตัด ต่อ วิดีโอ ออนไลน์ ได้ด้วย โดยปัจจุบันมีเว็บไซต์สำหรับตัดต่อวิดีโอออนไลน์ฟรีหลายเว็บไซต์ด้วยกัน เช่น CAP CUT, ONLINE VDO CUTTER และ CANVA เป็นต้น ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้นเพื่อน ๆ ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัด และรูปแบบของชิ้นงานได้เลย

อ่านบทความเพิ่มเติม:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เทคนิค

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิควิดีโอซ้อนวิดีโอแบบง่าย ๆ ในมือถือ 

ในปัจจุบันการตัดต่อวิดีโอเพื่อนำไปใช้งาน หรือแชร์ลงในสื่อโซเชียลมีเดียตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อดังกล่าวได้ง่าย และนอกจากคลิปวิดีโอเหล่านั้นจะให้ความรู้แล้ว ยังให้ความบันเทิงแก่คนดูอีกด้วย บทความนี้จะมา สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิคการซ้อนวิดีโอ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ จากวิดีโอหลักที่นำเสนออยู่ได้ 

ขั้นตอนการ สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิควิดีโอซ้อนวิดีโอ

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut

การตัดต่อวิดีโอด้วยเทคนิคซ้อนวิดีโอจากแอพ CapCut ทำได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งเราจะมา สอน ตัดต่อวิดีโอ ด้วยเทคนิคดังกล่าว แต่ก่อนอื่นจะต้องเตรียมคลิปวิดีโอหลัก 1 คลิป และคลิปวิดีโอที่ต้องการจะซ้อนทับลงไปอีก 1 คลิป เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปตัดต่อตามความต้องการได้แล้ว สำหรับใครที่ต้องการจะตัดต่อวิดีโอด้วยเทคนิคดังกล่าว มาดูกันว่าการ สอนตัดต่อวิดีโอcapcut ด้วยเทคนิคซ้อนวิดีโอนี้จะมีขั้นตอนอะไรบ้าง 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การเพิ่มวิดีโอหลักและวิดีโอซ้อน

เมื่อเข้ามาใน Capcut แล้ว กดไปที่เมนู “โปรเจกต์ใหม่” จากนั้นเลือกคลิปวิดีโอหลัก 1 คลิป เสร็จแล้วกด “เพิ่ม” ต่อมาทำการปิดเสียงคลิป ต่อมาเลื่อนเส้นหลักสีขาวที่อยู่ในไทม์ไลน์วิดีโอไว้ด้านหน้าสุด จากนั้นกดไปที่ “ภาพซ้อน” > “เพิ่มโอเวอร์เลย์” เลือกคลิปวิดีโอที่จะซ้อนทับลงไป 1 คลิป เสร็จแล้วกด “เพิ่ม” จากนั้นจัดวางคลิปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. เลือกรูปแบบของวิดีโอซ้อน

ไม่ว่าจะ ใช้แอพอะไรตัดต่อวีดีโอ ต้องปิดเสียงคลิปที่ซ้อนเข้ามาก่อน ให้เลือกเมนู “ระดับเสียง” และปรับระดับเสียงเป็น 0 จากนั้นกด “√” ในกรณีที่ต้องการให้วิดีโอซ้อนเป็นกรอบขนาดเล็ก เลือกเมนู “มาสก์” เสร็จแล้วกด “√” ในกรณีที่ไม่ต้องการให้วิดีโอซ้อนมีกรอบและพื้นหลัง ให้เลือกเมนู “ภาพซ้อน” กดที่วิดีโอ ตามด้วยคำสั่ง “มาสก์” เลือก “ไม่มี” > “√” จากนั้นจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การลบพื้นหลังวิดีโอซ้อน

ในกรณีที่ไม่ต้องการให้วิดีโอซ้อนมีกรอบและพื้นหลัง เริ่มต้นจากการกดไปที่คำสั่ง “คัตเอาท์” ตามด้วย “ลบพื้นหลัง” เสร็จแล้วปรับขนาดและวางในตำแหน่งที่ต้องการ และถ้าหากต้องการจะตรวจสอบรายละเอียดของวิดีโอให้แน่ใจก็สามารถกดเล่นวิดีโอเพื่อเช็คดูได้ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้เลย สำหรับใครที่สงสัยว่า CapCut ตัดต่อดีไหม ต้องบอกว่าดีสำหรับมือใหม่และมือโปรเลยทีเดียว

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การบันทึกวิดีโอ

เมื่อ ตัดต่อวิดีโอ เสร็จแล้วให้ตรวจสอบความเรียบร้อย โดยกดเล่นวิดีโออีกครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าได้วิดีโอตามที่ต้องการแล้ว และหลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เลือกเมนูตั้งค่าความละเอียดและอัตราเฟรมของวิดีโอที่อยู่ด้านบนสุด แนะนำให้ปรับค่าความละเอียดและอัตราเฟรมของวิดีโอตามประสิทธิภาพของมือถือ จากนั้นกดบันทึกเพียงเท่านี้ก็จะได้วิดีโอตามที่ต้องการแล้ว

สอนตัดต่อวิดีโอcapcut ตัดส่วนเกินออกง่าย ๆ ในมือถือ

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut

ในกรณีที่วิดีโอหลักและวิดีโอซ้อนมีความยาวไม่เท่ากัน เราสามารถตัดส่วนเกินของวิดีโอออกไปได้ โดยให้เลื่อนเส้นสีขาวที่อยู่ในช่องไทม์ไลน์ของวิดีโอไปอยู่ในตำแหน่งของวิดีโอส่วนเกิน จากนั้นกดที่คำสั่ง “แบ่งฉาก” กดที่วิดีโอส่วนเกิน ตามด้วยคำสั่ง “ลบ” เพียงเท่านี้วิดีโอที่เป็นส่วนเกินก็จะถูกลบออกแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ตัวไหนดี CapCut ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
เทคนิค

เรียนรู้ พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพลิเคชั่น InShot ในโทรศัพท์มือถือ 

หากพูดถึงแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอ ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้มีให้เลือกใช้กันอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งจะมีทั้งแบบใช้ฟรีและเสียเงิน สำหรับวันนี้เราขอแนะนำแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอที่มีชื่อว่า “InShot” ซึ่งถือเป็นแอพตัดต่อวิดีโอที่ใครหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะใช้งานง่ายและมีลูกเล่นต่าง ๆ ที่สามารถแต่งวิดีโอได้ไม่ยาก บทความนี้เราจะสอน พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพ InShot แบบง่าย ๆ ที่มือใหม่ทำตามได้ไม่ยาก 

ขั้นตอนการเรียนรู้ พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพ InShot

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ

อย่างที่ทราบกันดีว่า InShot เป็นแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอที่สามารถใช้งานได้ง่าย แถมยังใช้งานได้ฟรีอีกด้วย แต่ทว่าฟังก์ชั่นบางอย่างนั้นต้องเสียเงิน สำหรับใครที่สงสัยว่า การตัดต่อวิดีโอ คืออะไร วันนี้เราจะมาให้คำตอบกับคุณโดยการสอนเทคนิคการตัดต่อวิดีโอด้วยแอพ InShot ซึ่งบทความนี้จะให้มือใหม่ได้เรียนรู้ พื้นฐานตัดต่อวิดีโอ แบบง่าย ๆ ที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน และจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง มาดูกันเลย 

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มไฟล์วิดีโอและปรับองค์ประกอบพื้นฐาน

เมื่อกดเข้ามาในแอพ InShot แล้วให้เลือกเมนู “วิดีโอ” จากนั้นกดที่ “ใหม่ (+)” และเลือกวิดีโอหรือรูปภาพที่ต้องการจะตัดต่อได้เลย เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้กด “√” ต่อมาจะเริ่มเข้าสู่ ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอ โดยเลือกปรับขนาดของวิดีโอก่อน กดที่เมนู “ผ้าใบ” จากนั้นเลือกขนาดแนวตั้งหรือแนวนอนตามที่ต้องการ ในกรณีที่จะปรับระดับของการเล่นวิดีโอก็สามารถกดเลือก “ความเร็ว” และปรับความเร็ววิดีโอตามที่ต้องการได้เลย

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มลูกเล่นให้กับวิดีโอ

เราจะเริ่ม สอนตัดต่อวีดีโอในโทรศัพท์ ด้วยการเพิ่มลูกเล่น ซึ่งใน InShot จะมีสติกเกอร์ ข้อความ และพื้นหลัง สำหรับการใส่สติกเกอร์ให้กดที่เมนู “สติกเกอร์” เลือกแบบที่ต้องการแล้วกด “√”, การเพิ่มข้อความให้กด “ข้อความ” แล้วพิมพ์ข้อความลงไป เลือกฟอนต์ สีและขนาดตามที่ต้องการ เสร็จแล้วกด “√” ส่วนเมนู “พื้นหลัง” จะมีแบบเบลอ สี ไล่สี และลาย สามารถเลือกแบบที่ชอบและกด “√”

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มเพลงและเอฟเฟกต์

หากต้องการใส่เพลงหรือเอฟเฟกต์ให้กับวิดีโอสามารถกดไปที่เมนู “เพลง” โดยจะมีตัวเลือก “เพลง”, “เอฟเฟก” และ “บันทึก” ปรากฏขึ้นมา หากจะเพิ่มเพลงก็ให้กดที่ “เพลง” และเลือกเพลงที่มีให้ หรือจะ Import เพลงในมือถือด้วยตัวเลือก “เพลงของฉัน” ก็ได้ ส่วนใครที่อยากจะอัดเสียงลงไปในวิดีโอก็ให้กดที่ตัวเลือก “บันทึก” ได้เลย เสร็จแล้วกด “√” สำหรับระดับเสียงสามารถปรับที่ “ปริมาณ” ได้

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การบันทึกไฟล์วิดีโอ

หลังจาก สอน ตัดต่อ วีดีโอ มือใหม่ เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการบันทึกไฟล์หรือบันทึกวิดีโอที่ได้ตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มต้นด้วยการกดที่คำสั่ง “บันทึก” ซึ่งอยู่ด้านขวาบนของหน้าจอ จากนั้นเลือกความละเอียดของภาพ, เฟรมเรต และขนาดโดยประมาณของวิดีโอได้เลย เสร็จแล้วกด “บันทึก” หลังจากนั้นเมื่อดาวน์โหลดจนครบ 100% แล้วจะได้วิดีโอที่ตัดต่อตามที่ต้องการ 

พื้นฐานตัดต่อวิดีโอ วิธีลบลายน้ำ InShot ได้แบบง่าย ๆ แบบไม่ต้องเสียเงิน

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ

แอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอ ฟรีมักจะมีลายน้ำติดมาด้วย เช่นเดียวกับ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ อย่าง InShot ในกรณีที่ต้องการลบลายของ InShot ออก สามารถแตะที่ลายน้ำแล้วกดเครื่องหมายกากบาทเพื่อลบลายน้ำออก หลังจากนั้นกดตัวเลือก “ลบฟรี” ต่อมาจะมีโฆษณาปรากฏขึ้น ให้รอโฆษณาเล่นจนครบตามเวลาที่กำหนด เสร็จแล้วปิดด้วยปุ่มกากบาทที่อยู่มุมขวาบนได้เลย เพียงเท่านี้ลายน้ำของ InShot ก็จะหายไปแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet