Categories
มือใหม่ เทคนิค

แนะนำ 6 แอพแต่งรูปขายของ ยอดฮิตที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ควรพลาด

แนะนำ 6 แอพแต่งรูปขายของ ยอดฮิตที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ควรพลาด 

รูปภาพประกอบด้วย ในอาคาร

คำอธิบายที่สร้างโดยอัตโนมัติ

ทุกวันนี้ แอพแต่งรูปขายของ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำมาหากินของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เพราะสิ่งที่ทำให้ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนั้นก็คือรูปภาพของสินค้า ซึ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ หลาย ๆ คน เริ่มหันมาประกอบอาชีพขายของออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ  ทำให้ตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูง พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์แต่ละคนต้องรู้จักสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าของคุณ เพื่อดึงดูดลูกค้า แน่นอนว่าการแต่งรูปสินค้าให้สวยงามก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาด ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 6 แอพยอดฮิตที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรมีติดเครื่องไว้

6 แอพแต่งรูปขายของยอดฮิต ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรมีติดเครื่องไว้

อย่างที่เราทราบกันในยุคสมัยนี้ผู้คนเริ่มหันมาขายของออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการใช้ แอพแต่งรูปขายของ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าดูดีและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันมีแอพแต่งรูปขายของออนไลน์ฟรีมากมายโดยแต่ละแอพจะมีเครื่องมือสำหรับใช้ปรับแต่งรูปภาพสินค้าที่เหมือนและแตกต่างกันไป แต่แอพแต่งรูปขายของ 2022 ที่เราได้ทำการคัดสรรมาเป็นอย่างดีนี้ ถือเป็นแอพแต่งรูปขายของฟรียอดฮิตของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่ ซึ่งด้านล่างนี้คือ 6 แอพยอดฮิตที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรมีติดเครื่องไว้ 

LIGHTROOM

แอพ LIGHTROOM เป็น แอพแต่งรูปขายของ ที่ดีที่สุด มีเครื่องมือที่ใช้งานง่ายมากมาย เช่น แถบเลื่อนและพรีเซ็ต เพื่อสร้างรูปภาพที่มีลักษณะตามที่คุณต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น LIGHTROOM ยังเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณวางแผนที่จะแก้ไขรูปภาพบนคอมพิวเตอร์ เพราะเมื่อคุณทำการแก้ไข การแก้ไขจะถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ 

SNAPSEED

แอพ SNAPSEED เป็นแอพแต่งรูป ที่มีการนำเอาเครื่องมือของโปรแกรมแก้ไขรูปภาพระดับมืออาชีพมาไว้ในโทรศัพท์ของคุณ พร้อมคุณสมบัติอีกมากมายที่คุณมักพบในโปรแกรมแต่งรูปราคาแพง SNAPSEED สามารถเปลี่ยนการแก้ไขรูปภาพของคุณให้เป็นเวอร์ชันก่อนหน้า เพื่อทำให้ง่ายต่อการบันทึกและนำไปใช้  

VSCO

แอพ VSCO เป็น แอพแต่งรูปขายของ ที่มีเครื่องมือแก้ไขรูปภาพขั้นพื้นฐานทั้งหมด เช่น การเปิดรับแสง การหดตัว ความสมดุลของสี และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้คุณสามารถแต่งรูปสินค้าออกมาได้อย่างน่าทึ่ง VSCO เป็นแอพแต่งภาพขายของที่ยอดเยี่ยมมีไลบรารีฟิลเตอร์ขนาดใหญ่และตัวเลือกที่ไม่มีที่สิ้นสุดในการปรับแต่งรูปภาพของคุณ 

PHOTO EDITOR PRO

แอพ PHOTO EDITOR PRO มีคุณสมบัติพิเศษมากมาย จึงไม่แปลกที่แอพ PHOTO EDITOR PRO จะเป็นหนึ่งใน APP แต่งรูปขายของฟรีที่ยอดฮิตที่ช่วยยกระดับรูปภาพโฆษณาสินค้าของคุณไปอีกระดับ โดยแอพมีฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ เฟรม และอื่น ๆ อีกมากมาย คุณสามารถปรับแสง สี และความคมชัดของภาพทั้งหมดได้ 

INSTASIZE 

แอพ INSTASIZE มีคุณสมบัติการแต่งรูปภาพที่มีประโยชน์มากมาย เช่น คอนทราสต์ การเปิดรับแสง ความอิ่มตัวของสี และความคมชัด เช่นเดียวกับแอพแต่งรูปขายของไอโฟน หรือแอพแต่งรูปขายของ ANDROID อื่น ๆ INSTASIZE มีฟิลเตอร์ เส้นขอบ กรอบ เครื่องมือรีทัช เครื่องมือแก้ไขข้อความ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

PICSART

แอพ PICSART เป็นแอพแต่งรูปที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นที่สุดในรูปภาพ PICSART ประกอบด้วยฟิลเตอร์ยอดนิยมและเอฟเฟกต์ภาพถ่ายที่ทันสมัย เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสินค้า แถมคุณยังสามารถแก้ไขรูปภาพขั้นพื้นฐานได้ เช่น ทำให้พื้นหลังรูปภาพเบลอ และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

 

เว็บบอล

Categories
กราฟิก เทคนิค

ทำไมต้องใช้ Adobe xd ?

ทำไมต้องใช้ Adobe xd ?

โปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบบนคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่สามารถสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ได้อย่างที่ใจคิด ซึ่งเหล่าสายกราฟฟิกที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทันใจ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนงานจากที่เป็นแบบ Cpncept กลายเป็น Protrotype แสดงให้เห็นตัวอย่างของงานแบบมองเห็นภาพ ทำให้สามารถจบงานได้ง่ายและรวดเร็ว เรามีโปรแกรมที่มาแนะนำ คือ โปรแกรม Adobe Experience Design ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ทั้งมือใหม่และมือโปร มีหลักการในการใช้งานที่ไม่ได้ยากจนเกินไป ถ้าเราฝึกทำเรื่อยๆและสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ยากเลยที่จะสร้างผลงานดีๆจากโปรแกรมนี้

Adobe xd คือ?

Adobe Experience Design หรือที่เรียกกันว่า adobe xd คือ โปรแกรมบน PC ที่สร้างมาเพื่อการใช้งานของ Digital Designer สามารถใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ปละแอพพลิเคชั่นในหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Web Design หรือจะเป็นบน Mobile App ก็ตาม ซึ่งฟังก์ชันหลัก ได้แก่ การออกแบบในส่วนของ Prototype ซึ่งเป็นเสมือนแบบจำลองเพื่อเก็บ Feedback จาก User ก่อนการสร้าง Product จริง และสามารถออกแบบ Graphic UI ได้อีกด้วยมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กราฟฟิก ไม่ว่าจะการแบ่งปันงาน หรือการ Export เป็นต้น 

การออกแบบเว็บด้วย Adobe xd

โปรแกรม Adobe Experience Design เป็นโปรแกรมที่ช่วยการออกแบบเว็บให้ได้ง่ายขึ้น ให้คุณได้หลงเข้าไปในโปรแกรมได้อย่างน่าทึ่งด้วยปลั๊กอินที่มีจำนวนมาก ฟังก์ชันที่สามารถเข้าใจและใช้งานได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะมือใหม่ที่กำลังหาการทำกราฟฟิกหรือมือโปรที่อยากสร้างผลงานที่ทำราคาได้สูงหรือใช้เป็นโปรแกรมที่พัฒนาตนเองให้มีการออกแบบที่มีคุณภาพและน่าสนใจได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันมีคอร์สเรียนของโปรแกรม Adobe Experience Design มากมาย แต่วันนี้เรามีวิธีการออกแบบต่างๆอย่างง่ายให้ได้ศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแอพพลิเคชั่น การออกแบบ User Interface หรือการออกแบบหน้าเว็บ ข้อมูลมีดังนี้

ออกแบบแอพด้วย Adobe xd

ในการลิ้งก์แต่ละหน้าของแอพพลิเคชั่นเป็นสิ่งที่ถือว่าจำเป็นอย่างมากในการออกแบบแอพพลิเคชั่น ด้วย Adobe Experience Design ซึ่งการลิ้งก์หน้าเป้นการทำให้ชิ้นส่วนในการออกแบบนั้นสามารถกดแล้วไปที่หน้าอื่นๆต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม รูปภาพ รูปทรง เส้นตรง เส้นโค้ง หรือวัตถุอื่นๆ โดยขั้นตอนในการลิ้งห์หน้าทำได้โดย เลือกแท็บ Prototype ที่อยู่ในบริเวณด้านบนสุดของโปรแกรม adobe xd จากนั้นให้เลือกไอเท็มที่ต้องการใช้ในการลิ้งห์ไปหน้าอื่นๆ จากนั้นให้ทำการลิ้งก์ไอเท็ม โดยการลือกไอเท็มแล้วจะมีลูกศรสีฟ้าปรากฏที่ด้านขวามือของไอเท็ม ให้ลากลูกศรไปที่ Artboard ที่ต้องการ จากนั้นจึงตั้งค่าเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยน Artboard หรือจะปล่อยไว้แบบ Default จากนั้นลองทดลองทำการกดดู

ออกแบบ user interface ด้วย Adobe xd

ในการออกแบบ user interfaceจะต้องมีไฟล์รูป UI ที่ผ่านการออกแบบไว้แล้วก่อน ซึ่งสามารถออกแบบจากโปรแกรมอื่นๆก่อนก็ได้ เช่น Microsoft Powerpoint, Adobe Photoshop, Adobe Illustrator เป็นต้น จากนั้นเปิดโปรแกรม adobe xd แล้วสร้างหน้าเปล่าขึ้นมา โดยจะต้องเลือกเทมเพลตที่เป็นแบบเดียวกับขนาดของไฟล์ UI ที่ออกแบบไว้แล้ว แล้วเลือก Tab ที่ Menu Bar จากนั้นนำไฟล์ UI ที่ออกแบบไว้แล้วมาวางที่หน้าเปล่าขยายให้เต็ม แล้วใช้ Artbord Tool ที่แถบด้านซ้าย กดรูป + ให้หน้าเท่ากับจำนวนไฟล์ UI จากนั้นเชื่อมทุกไฟล์เข้าด้วยกันด้วย Rectangle การตั้งให้การคลิกสี่เหลี่ยมล่องหนนี้ทำอะไร เราจะทำผ่าน Tab ที่2 ชื่อ Prototype จากแถบ Menu Bar ข้างบน 

Adobe xd ช่วยออกแบบหน้าเว็บ

เริ่มต้นที่ให้เราเลือกขนาดของงานที่เราต้องการที่จะทำก่อน ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ขนาดเท่า Ipad, Iphone, Desktop เป็นต้น ต่อไปเครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบหน้าเว็บมีทั้งหมด 7 อย่าง คือ Select ใช้สำหรับเลือกวัตถุหรือเคลื่อนย้ายวัตถุ Rectangle ใช้สำหรับสร้างวัตถุ รูปทรง Line ใช้สำหรับสร้างเส้นตรงเท่านั้น Pen ใช้สำหรับสร้างเส้นโค้งได้ Text ใช้สำหรับสร้างข้อความ Artboard ใช้สำหรับสร้างแผ่นกระดาษในการลงชิ้นงาน จากนั้นเลือกฟังก์ชันเสริมบริเวณด้านขวาของโปรแกรม ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนโหมด Design หรือ Prototype ได้จากที่แถบเครื่องมือด้านซ้าย

แชร์งานด้วย Adobe xd 

ในการโปรแกรม Adobe Experience Design หรือที่เหล่าสายกราฟฟิกมักจะเรียกว่า design xd มีข้อโดดเด่นในการแชร์ผลงานได้สะดวก โดยการแชร์ Prototype จะเป็นการแบ่งปันในแบบให้ User ได้เห็นภาพ ทำให้ลูกค้าและกราฟฟิกสามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น มีวิธี คือ เลือกเมนู Share แล้วเลือก Share for Review จากนั้นแก้ไขชื่อที่ช่อง Title กดปุ่ม Update แลวกดปุ่ม New Link เพื่อเป็นการสร้าง URL ใหม่ จากนั้นก็สามารถคัดลอกลิ้งก์ URL ส่งต่อให้ลูกค้าได้ทันที 

โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์อย่าง Adobe xd

ในปัจจุบันในการทำงานออกแบบไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ การออกแบบแอพพลิเคชั่น หรือการออกแบบกราฟฟิกต่างๆ ทั้งนี้โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ที่ดีจนสายงานกราฟฟิกแนะนำให้ใช้งาน ได้แก่ WordPresss เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดนิยมในนักพัฒนา Theme และปลั๊กอิน รองรับการทำ SEO และฟรีในการใช้งาน, Squarespace เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับมือใหม่ เนื่องจากใช้งานง่าย มีเทมเพลทที่สวย, Wix นิยมในคนไทยมาก การใช้งานก็แสนง่ายเพียงลากแล้ววาง เหมาะทั้งมือใหม่และสายเทพ นักพัฒนาไม่สามารถสร้างปลั๊กอินหรือทำอะไรเพิ่มกับตัวแพลทฟอร์มได้, Weebly นิยมใช้เป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ โดยพิเศษที่ทำธุรกิจ สามารถจดโดเมนและใช้โฮสต์ที่ตัวของ Weebly ได้ และโปรแกรมนี้เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ข้อดีของ Adobe xd 

สำหรับสายกราฟฟิกหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากทำงานเกี่ยวกับการออกแบบนั้น โปรแกรม Adobe Experience Design จะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ตอบโจทย์การทำงานอย่างแน่นอน เนื่องจากมีข้อดีที่หลากหลายจนน่าทึ่ง อย่างเช่น เป็นโปรแกรมที่มีขนาดไฟล์ที่เล็ก สามารถใช้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่สเปคไม่แรงก็ไม่มีค้างแต่อย่างใด มีฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน เช่น Share, Export เป็นต้น ส่วนนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานและลูกค้าได้สื่อสารและมองเห็นผลงานได้อย่างรวดเร็วและไฟล์งานมีความละเอียดที่แท้จริงอีกด้วย โปรแกรม Adobe Experience Design ยังมีการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆอยู่เสมอ อย่างน้อย 1 เดือน/ครั้ง ทำให้เหล่ากราฟฟิกให้ชื่อว่าเป็นโปรแกรมที่ออกแบบหน้าเว็บสวยๆให้ลูกค้าเสมอ และทั้งนี้ก็ยังมี Plugins ให้ใช้งานมากกว่า 100 ตัว อีกด้วย

 

เว็บบอล

Categories
เทคนิค

VR เกม น่าเล่นที่เกมเมอร์ไม่ควรปล่อยผ่าน 

VR เกม น่าเล่นที่เกมเมอร์ไม่ควรปล่อยผ่าน 

ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ และอาชีพสตรีมเมอร์ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ เพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบก็คือการได้เล่นเกมแถมยังมีรายได้จากสิ่งตนเองชอบนั่นเอง VR เกม ก็เป็นหนึ่งในเกมที่เหล่าสตรีมเมอร์นิยมนำมาสตรีมให้ผู้ชมได้ติดตาม เนื่องจากต้องมีอุปกรณ์อย่างแว่น VR และการแต่งตัวให้เข้ากับเกม ทำให้การรับชมน่าติดตาม เป็นภาพลักษณ์ที่สวยงามจนอาชีพสตรีมเมอร์กลายเป็นอาชีพหนึ่งที่เป็นอาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ ทำให้ VR เกมเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น บทความนี้เราจะแนะนำ VR เกมที่น่าสนใจมีอะไรบ้างที่เหล่าเกมเมอร์ไม่ควรพลาด

Half-Life : Alyx ที่สุดแห่ง VR เกม

เป็น VR เกมที่พัฒนาโดยทีมของ Valve ที่เหล่าเกมเมอร์จัดให้เป็นสุดยอดนักพัฒนาเกม VR น่าเล่น ความใส่ใจในทุกรายละเอียดสมกับเป็นภาคต่อของ เกม VR คือ Half-Life ทำให้ Half-Life : Alyx มีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ทั้งความมันส์ในการสาดกระสุน หรือการแก้ไขปริศนาที่อยู่ในเกม มาพร้อมกับระบบเสียงที่เหมือนจริงจนคุณอินเข้าไปอยู่ในเกม เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดที่เหล่าเกมเมอร์ต้องบอกต่อ 

VR เกม Resident Evil 7 เกมชวนขนหัวลุกในตำนาน

เป็นอีกเกมที่มีชื่อเสียงอย่างมากถึงแม้เป็นคนที่ไม่เล่มก็รู้สึกคุ้นชื่อกับเกมนี้ จากความดังทำให้ได้ถูกพัฒนาเป็น VR เกม จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกม VR น่าเล่น เพราะช่วยสร้างอารมณ์สยองขวัญเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบหาความตื่นเต้นจากความสยองขวัญ ที่ใช้แว่น VR เล่มเกม ได้ทั้งบน PC และ PS

มา Dance กันให้สุดด้วย VR เกม Beat Saber

เป็น VR เกม ที่เหล่าสตรีมเมอร์ชื่อดังในเมืองไทยนิยมนำมาเล่นสตรีมออนไลน์ให้ผู้ติดตามทางช่องทางออนไลน์ได้รับชมกัน เป็นเกม VR น่าเล่น อีกเกมเพราะว่าจะมีอุปกรณ์อย่างแว่น VR เล่นเกม และดาบที่จะกวัดแกว่งให้ได้ตามจังหวะเพลงที่อยู่ในเกม และสตรีมเมอร์ได้ทำให้การสตรีมเกม VR Beat Saber ดูสนุกมากขึ้นด้วยชุดที่น่ามองมาใส่เต้นที่มาพร้อมกับเพลงดังจากค่ายต่าง ๆ สำหรับคนที่ชอบการเต้นและอยากอินไปกับเสียง แนะนำเกม Beat Saber 

และนี่คือ VR เกมที่กำลังได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์ และนักสตรีมเมอร์ หากเพื่อน ๆ สนใจอยากลองเล่นเกม อยากแนะนำให้ก็ลองหาข้อมูลอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนนะคะ เพื่อช่วยให้แน่ใจได้ว่าอุปกรณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น Hardware หรือ Software สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี หวังว่าบทความนี้จะแนะนำเกม VR ได้ถูกใจเพื่อน ๆ นะคะ 

 

 

เว็บบอล

Categories
เทคนิค

แนะนำเทคนิคแต่งรูป LIGHTROOMโทนสียอดฮิต ที่คุณไม่ควรพลาด

เราเชื่อว่าสาว ๆ ที่ชอบถ่ายรูปหลายคนต้องมีแอพ แต่งรูป LIGHTROOM ติดไว้ในโทรศัพท์อย่างแน่นอน ซึ่งแอพนี้เป็นแอปแก้ไขภาพถ่ายฟรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพมากมาย เพื่อช่วยเนรมิตภาพถ่ายของคุณให้สวยงามได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยคุณสมบัติที่ดีงามเช่นนี้จึงทำให้แอพ LIGHTROOM มีผู้ใช้งานจากทั่วโลกจำนวนมาก และทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันแต่งรูปที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคนี้ 

หากคุณต้องการเปลี่ยนโทนสีของรูปภาพด้วยแอพ LIGHTROOM คุณจะทำอย่างไร? โดยทั่วไปแอพนี้จะแตกต่างจาก ADOBE LIGHTROOM บนเดสก์ท็อปตรงที่ไม่มีแผงการปรับ HSL แต่คุณสามารถใช้คุณสมบัติ COLOR MIX ที่อยู่ภายในแอพ LIGHTROOM เพื่อเปลี่ยนโทนสีของรูปภาพแทนได้ เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้มีกระบวนการทำงานในลักษณะเดียวกันกับการปรับ HSL ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณไปกับเทคนิคการเปลี่ยนโทนสีรูปภาพด้วยแอพ LIGHTROOM กันค่ะ

ไอเดียแต่งรูป LIGHTROOMโทนต่าง ๆ ที่กำลังมาแรง

แต่งรูป LIGHTROOM

แอปพลิเคชัน แต่งรูป LIGHTROOM เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดย ADOBE INC. บริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก โดยแอพ LIGHTROOM และสามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ IOS และ ANDROID ซึ่งหลักการใช้งานของแอพนี้โดยทั่วไป มีดังนี้

  • การแก้ไขรูปภาพบนสมาร์ทโฟนด้วยเครื่องมือ ฟิลเตอร์ และการตั้งค่าที่เป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ ทำให้คุณสามารถ แต่งรูป LIGHTROOM ง่าย ๆ เพื่อรูปภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้แอพ แต่งรูป LIGHTROOM ยังสามารถรองรับไฟล์ภาพ RAW ช่วยทำให้คุณปรับแต่งการตั้งค่า การรับแสง และสีของรูปภาพได้อย่างเต็มที่
  • คุณสามารถแก้ไขรูปภาพได้เร็วขึ้นด้วยการตั้งค่าการ แต่งรูป LIGHTROOM ล่วงหน้าฟรี โดยมันจะช่วยทำให้คุณสามารถแก้ไขรูปภาพได้ง่ายขึ้น และประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น 
  • คุณสามารถเข้าถึงไลบรารีที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ของคุณจากอุปกรณ์ใดก็ได้ ทำให้ง่ายต่อการเริ่มแก้ไขรูปภาพที่ค้างไว้บนคอมพิวเตอร์ของคุณได้ และคุณยังสามารถเข้าถึง LIGHTROOM จากเบราว์เซอร์ได้ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพื่อใช้แอพ
  • คุณสามารถแบ่งปันรูปภาพแต่ละรูปหรือหลายรูปภาพไปยังเว็บอื่น ๆ ได้ เช่น GOOGLE PHOTOS หรือ FLICKR 
  • แอพ แต่งรูปLIGHTROOM ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการแก้ไขรูปภาพเท่านั้น แต่มันยังเป็นศูนย์กลางการจัดระเบียบรูปภาพเช่นเดียวกับการจัดระเบียบรูปภาพในโฟลเดอร์และอัลบั้มของสมาร์ทโฟน
แต่งรูป LIGHTROOM

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและอยากคุมโทนรูปภาพไว้อัพลงไอจี ขอบอกเลยค่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแค่คุณมีแอพ แต่งรูป LIGHTROOM บนสมาร์ทโฟน ก็สามารถแต่งโทนสีรูปภาพให้สวยงามได้แล้ว แต่สำหรับบางคนการ แต่งรูป LIGHTROOM หรือการแต่งโทนสีของรูปภาพด้วยแอพ LIGHTROOM อาจจะเป็นเรื่องยาก โชคดีที่วันนี้เราได้รวบรวม โทนแต่งรูป LIGHTROOM ยอดฮิตมาแนะนำทุกคน ซึ่งมันจะช่วยทำให้การปรับแต่งโทนสีรูปภาพของคุณง่ายดายมากขึ้น ดังนี้

การแต่งรูปโทนสดใสในแอพ LIGHTROOM

คุณสามารถแต่งรูป LIGHTROOM สดใส หรือ แต่งรูป LIGHTROOM โทนคาเฟ่ สดใสได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องมือ COLOR MIX ที่อยู่ในแอพแต่งรูป LIGHTROOM โดยทั่วไปโทนสีธรรมชาติสดใสมักจะเน้นไปที่สีฟ้าและสีเขียว เพราะสีทั้งสองสีนี้เป็นโทนสีที่สบายตา จึงเหมาะสำหรับใช้แต่งรูปภาพโทนสีธรรมชาติสดใสหรือโทนคาเฟ่ ซึ่งส่วนใหญ่เรานิยมแต่งรูปโทนสดใสกับภาพถ่ายของคนกับธรรมชาติ แต่หากมีแสงแดดด้วยก็ยิ่งจะทำให้รูปภาพดูสวยงามมากยิ่งขึ้น และนี่คือวิธี แต่งรูป LIGHTROOM โทนธรรมชาติสดใส

1. ไปที่เมนู สี > ปรับความสดของสี +40

2. เลือก มิกซ์สี (COLOR MIX) แล้วปรับแต่งสี ดังนี้

  • สีแดง (เฉดสี -30, ความอิ่มของสี +16, ความสว่าง +23)
  • สีส้ม (เฉดสี -10, ความอิ่มของสี -20, ความสว่าง +20)
  • สีเหลือง (เฉดสี -30)
  • สีฟ้า (เฉดสี -20)
  • สีเขียว (เฉดสี +45, ความอิ่มของสี +20)
  • สีน้ำเงิน (เฉดสี -25)
  • สีม่วง (เฉดสี -25)
  • สีชมพู (เฉดสี +30)

3. เลือกเมนู เอฟเฟ็กต์ > ปรับความชัด -25

4. เลือกเมนู แสง > เคิร์ฟ > กดปุ่ม RGB > ปรับเส้นเคิร์ฟ 2 จุด ตามความเหมาะสม

5. เลือกเมนู แสง > การรับแสง ปรับตามความเหมาะสม > คอนทราสต์ -20 > ไฮไลต์ -50 > เงา +51 > สีขาว +20 > สีดำ -20 

แต่งรูป LIGHTROOM

การแต่งรูปโทนดาร์กในแอพ LIGHTROOM 

นอกจากคุณจะสามารถแต่งรูปโทนสดใสบนแอพ แต่งรูป LIGHTROOM ได้แล้ว คุณยังสามารถแต่งรูป LIGHTROOM โทนดาร์กได้ง่าย ๆ อีกด้วย โดยรูปภาพโทนดาร์กจะให้ความรู้สึกที่ดูลึกลับน่าค้นหา ในขณะเดียวกันก็ทำให้รูปภาพดูหรูหราด้วย แล่คือวิธี แต่งรูป LIGHTROOM โทนดาร์ก

1. ไปที่เมนู แสง > การรับแสง +0.42 หรือปรับตามความมืดสว่างของรูป > คอนทราสต์ +32 > ไฮไลต์ -100 > เงา +49
2. เลือกเมนู สี > อุณหภูมิ +14
3. เลือก มิกซ์สี (COLOR MIX) แล้วปรับแต่งสี ดังนี้

  • สีแดง (ความอิ่มของสี +41)
  • สีส้ม (เฉดสี -27, ความสว่าง +10)
  • สีเหลือง (เฉดสี -80, ความอิ่มของสี -100)
  • สีเขียว (ความอิ่มของสี -100)
  • สีฟ้า (เฉดสี +100)
  • สีน้ำเงิน (เฉดสี -70, ความอิ่มของสี -68)

4. เลือกเมนู เอฟเฟ็กต์ > ลบหมอกควัน +29 > VIGNETTE -16 > จุดกึ่งกลาง +50 > FEATHER +53

5. เลือกเมนู รายละเอียด > ลดจุดลบกวน +28

แต่งรูป LIGHTROOM

การแต่งรูปโทนฟิล์มกรองแสงใน LIGHTROOM

หากพูดถึงโทน แต่งรูป LIGHTROOM 2022 ยอดฮิตอีกหนึ่งโทนหลายคนคงนึกถึงโทนฟิล์มกรองแสง หรือการ แต่งรูป LIGHTROOM โทนสว่าง ซึ่งคุณสามารถใช้แอพ แต่งรูป LIGHTROOM แต่งรูปถ่ายของคุณให้มีโทนสีแบบฟิล์มกรองแสงสว่างได้ง่าย ๆ ซึ่งรูปภาพโทนนี้จะทำให้รูปภาพของคุณดูเบาสบายน่ามอง เหมาะสำหรับใช้แต่งรูปภาพกลางแจ้ง ถ้ามีแสงแดดเล็กน้อยก็จะยิ่งดี และนี่คือวิธี แต่งรูป LIGHTROOM ไอโฟน โทนฟิล์มกรองแสงสว่าง

1. ไปที่เมนู สี > เลือก มิกซ์สี (COLOR MIX) > แล้วปรับแต่งสี ดังนี้

  • สีแดง (ความอิ่มของสี +19, ความสว่าง +21)
  • สีส้ม (ความอิ่มของสี -30, ความสว่าง +19)

2. เลือกเมนู เอฟเฟ็กต์ > ปรับค่า ความชัด -20

3. เลือกเมนู แสง > เคิร์ฟ > ปรับเส้นเคิร์ฟทั้งหมด 3 จุด ตามความเหมาะสม

4. เลือกเมนู แสง > ปรับค่า ไฮไลต์ -50 > เงา +40 > สีขาว -50 > การรับแสง ปรับตามความเหมาะสม

แต่งรูป LIGHTROOM

การแต่งรูปโทนสี MOOD & TONE ใน LIGHTROOM

สุดท้ายการ แต่งรูป LIGHTROOM โทนสียอดฮิตที่สายคาแฟ่ไม่ควรพลาด นั่นก็คือการ แต่งรูป LIGHTROOM โทนคาเฟ่คลีน ๆ หรือที่เรียกสั้น ๆ แต่งรูปโทนสี MOOD & TONE โดยทั่วไปโทนสีนี้จะเน้นในเรื่องของแสงและเงา ซึ่งหากมีแสงและเงาที่ตัดกันพอดีก็จะยิ่งทำให้วัตถุที่อยู่ในรูปภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น และโทนสี MOOD & TONE ยังให้ความรู้สึกคลีน ๆ สบายตาอีกด้วย และนี่คือวิธีการแต่งรูปโทนสี MOOD & TONE บนแอพแต่งรูป LIGHTROOM

1. ไปที่เมนู แสง แล้วปรับค่าดังนี้

  • การรับแสง 0.37EV
  • คอนทราสต์ +40
  • ไฮไลต์ -55
  • เงา -55
  • สีขาว +30
  • สีดำ -26

2. เลือกเมนู สี > ความสดของสี +10 > ความอิ่มของสี -5

3. เลือกเมนู เอฟเฟ็กต์ > พื้นผิว -25 > ลบหมอกควัน -14

แต่งรูป LIGHTROOM

ผู้สนับสนุน: HILO-88 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง บริการ ไฮโลไทย บาคาร่า สล็อต และอื่น ๆ อีกมากมาย รับรองความมั่นคง ปลอดภัย 100%

Categories
เทคนิค

แนะนำโปรแกรมปรับภาพให้ชัด เปลี่ยนเบลอให้คมชัดสุด ๆ ในพริบตาเดียว

คุณรู้หรือไม่? การปรับภาพถ่ายดิจิทัลด้วยการเพิ่มความคมชัดสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ของภาพถ่ายได้ไม่ว่าจะเป็นการเบลอจากการเคลื่อนไหว ความนุ่มนวลของเลนส์ และการสั่นของกล้อง ซึ่งแน่นอนว่าการ ปรับภาพให้ชัด ด้วยโปรแกรมแต่งรูปถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่างภาพทุกคนต้องรู้ โดยเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับปรับความคมชัดจะช่วยลดความเบลอของภาพถ่ายไปพร้อม ๆ กับการปรับปรุงรายละเอียดเฉพาะ และการลดความหมองคล้ำให้กับภาพ 

ในปัจจุบันมีโปรแกรมที่สามารถ ปรับภาพให้ชัด สองประเภท นั่นคือ โปรแกรมสำหรับปรับความคมชัดของภาพถ่ายโดยเฉพาะ และโปรแกรมแต่งรูปภาพทั่วไปที่มีเครืองมือเพิ่มความคมชัด ซึ่งหากใครที่กำลังต้องการปรับภาพถ่ายให้คมชัด คุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือจากโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งจากทั้งสองประเภทนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าจะใช้โปรแกรมอะไรดี? วันนี้เราก็มี 7 โปรแกรมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปรับภาพให้ชัดมาแนะนำทุกคน ซึ่งจะมีโปรแกรมอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ

ปรับภาพให้ชัด

7 โปรแกรมปรับภาพให้ชัดแบบง่ายที่ใคร ๆ ก็ทำได้

ปรับภาพให้ชัด

คุณเคยรู้รำคาญเวลาถ่ายรูปแล้วภาพถ่ายดูเบลอหรือไม่? ซึ่งคุณสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ได้โดยวิธีการ ปรับภาพให้ชัด ด้วยเครื่องมือจาก โปรแกรมปรับภาพเบลอให้ชัด หรือโปรแกรมแต่งรูปทั่วไป การปรับความคมชัดของภาพถ่ายนั้นเป็นขั้นตอนการแก้ไขภาพถ่ายที่ไม่อยู่ในจุดโฟกัส และแก้ไขความเสียของภาพถ่ายจากการสั่นของกล้องหรือความเบลอจากการเคลื่อนไหว 

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการ ปรับภาพให้ชัด ในโปรแกรมแต่งรูปมักจำเป็นต้องใช้ เทคนิคปรับภาพให้ชัด บางประการที่ช่างภาพทุกคนควรรู้ ซึ่งเทคนิคการปรับภาพให้ชัดของแต่ละโปรแกรมนั้นก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นเราจึงได้รวบรวม 7 โปรแกรมที่สามารถช่วยให้คุณปรับภาพให้คมชัดได้ง่าย ๆ ดังนี้

โปรแกรมแต่งรูป LUMINAR 4

เริ่มกันที่โปรแกรม ปรับภาพให้ชัด อย่าง LUMINAR 4 เป็นโปรแกรมแต่งรูปที่มีเครื่องมือเจ๋ง ๆ มากมาย และหนึ่งในนั้นคือเครื่องมือ เพิ่มความชัดของภาพ ด้วยฟีเจอร์และเอฟเฟกต์ โดย LUMINAR 4 มี วิธีปรับภาพให้ชัด อย่างน้อย 3 วิธี ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ นั่นก็คือวิธีสุดคลาสสิกอย่างการใช้ฟีเจอร์ SHARPENING ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของขอบรูปภาพ อีกทั้งยังมีฟิเจอร์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์อีกมากมาย 

ปรับภาพให้ชัด

โปรแกรม LUMINAR 4 เป็นโปรแกรมเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยปรับปรุงรายละเอียดของภาพถ่ายและเพิ่มความคมชัดได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับเปลี่ยนความคมชัดได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม โปรแกรมนี้สามารถใช้งานได้บน WINDOWS และ MAC เป็นโปรแกรมเสียเงินซื้อในราคาเริ่มประมาณ 1,680 บาท

โปรแกรมแต่งรูป UNSHAKE 

มาต่อกันที่โปรแกรม ปรับภาพให้ชัด ฟรีอย่าง UNSHAKE เป็นโปรแกรมสำหรับปรับความคมชัดของภาพโดยเฉพาะ เป็นโปรแกรมที่ใช้งานและค่อนข้างไม่ซับซ้อน สามารถช่วยให้คุณ ปรับรูปให้ชัด ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่อม โดย UNSHAKE ทำงานได้ดีสำหรับรูปภาพเว็บไซต์ที่มีความละเอียดต่ำและมีการประมวลผลแบบกลุ่ม แต่ต้องใช้เวลาสักครู่ในการประมวลผลภาพขนาดใหญ่ โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการใช้เครื่องมือง่าย ๆ และสามารถใช้งานได้บน WINDOWS, MAC และ LINUX 

ปรับภาพให้ชัด

โปรแกรมแต่งรูป MOVAVI PHOTO EDITOR

โปรแกรม ปรับภาพให้ชัด ด้วยฟังก์ชัน AI อย่าง MOVAVI PHOTO EDITOR เป็นโปรแกรมแต่งรูปที่ซับซ้อนพร้อมกับฟังก์ชัน AI ที่ช่วยเพิ่มรายละเอียดและ ปรับความชัดของรูป ได้อย่างอัจฉริยะ อีกทั้งยังสามารถปรับปรุงพื้นที่เฉพาะของรูปภาพได้ รวมถึงพื้นที่คุณภาพต่ำหรือเปลี่ยนแปลงสีของวัตถุ 

นอกจากนี้โปรแกรมแต่งรูป MOVAVI PHOTO EDITOR ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ฟีเจอร์การปรับสีและคอนทราสต์ ตลอดจนการลบวัตถุที่ไม่ต้องการในรูปภาพออก และมีเครื่องมือสำหรับกู้คืนรูปภาพเก่า โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับช่างภาพมือสมัครเล่นและคนทั่วไป เป็นโปรแกรมเสียเงินซื้อราคาเริ่มต้นประมาณ 1,000 บาทต่อปี และสามารถใช้งานได้บน WINDOWS และ MAC 

โปรแกรมแต่งรูป GIMP 

อีกหนึ่งโปรแกรม ปรับภาพให้ชัด ฟรี GIMP เป็นโปรแกรมแต่งรูปแบบโอเพนซอร์ส (OPEN SOURCE) ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับโปรแกรม PHOTOSHOP ซึ่งโปรแกรมนี้มีเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพที่ยอดเยี่ยม พร้อมกับองค์ประกอบสำหรับการออกแบบกราฟิก และเครื่องมือที่จำเป็นต่อการสร้างงานศิลปะ หากคุณรู้วิธี การปรับความคมชัดของภาพ ใน PHOTOSHOP แล้ว คุณจะไม่มีปัญหาในการใช้โปรแกรม GIMP เลย 

ปรับภาพให้ชัด

ในการปรับความคมชัดของรูปภาพโปรแกรม GIMP จะมีตัวกรองที่มีชื่อว่า SHARPAN พร้อมกับพารามิเตอร์สามตัว (RADIUS, AMOUNT และ THRESHOLD) และตัวกรอง HIGH PASS ซึ่งมีขั้นตอนการปรับภาพให้คมชัดคล้ายกับ PHOTOSHOP โดยการใช้เลเยอร์และมาสก์ในการปรับสี คอนทราสต์ และโทนสี GIMP เป็นโปรแกรมฟรีที่สามารถใช้งานได้บน WINDOWS, MAC และ LINUX

โปรแกรมแต่งรูป FOCUS MAGIC

โปรแกรม ปรับภาพให้ชัด อย่าง FOCUS MAGIC เป็นโปรแกรมร์เพิ่มความคมชัดของรูปภาพโดยเฉพาะ ด้วยการใช้เทคโนโลยี DECONVOLUTION ด้านนิติวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสำหรับการแก้ไขภาพเบลอให้ชัด แต่ขอแนะนำให้ใช้แก้ไขกับรูปภาพที่ไม่อยู่ในโฟกัส ภาพไม่ชัด และภาพเก่า โปรแกรมนี้สามารถจัดการกับปัญหาของภาพที่เบลอและปัญหากล้องสั่นได้ดี นอกจากนี้ FOCUS MAGIC ยังถือเป็นเครื่องมือเหลาภาพที่มีประสิทธิยอดเยี่ยมที่ถูกใช้โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย กองทัพ หน่วยข่าวกรอง NASA และองค์กรขนาดใหญ่

โปรแกรมแต่งรูป LIGHTROOM

อีกหนึ่งโปรแกรม ปรับภาพให้ชัด ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้อย่าง LIGHTROOM เป็นโปรแกรมแต่งรูปยอดนิยมที่สามารถปรับความคมชัดของภาพได้ โดยโปรแกรมนี้สามารถเปลี่ยนโฟกัสและปรับรูปภาพของคุณให้คมชัดมากยิ่งขึ้นได้ แถมยังช่วยเน้นวัตถุหรือลดความผิดเพี้ยนในรูปภาพได้ด้วยเครื่องมือการลดนอยส์ สำหรับ การปรับภาพให้ชัด LIGHTROOM สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยสุดยอดเครื่องมืออย่าง ADJUSTMENT BRUSH ที่สามารถปรับแต่งรูปภาพเฉพาะจุด ตั้งแต่แต่งสี ปรับแสงสี หรือทำให้ภาพบางส่วนที่เบลอให้คมชัดมากขึ้น 

ปรับภาพให้ชัด

นอกจากนี้โปรแกรม LIGHTROOM ยังมีเครื่องมือการตั้งค่าที่ล้ำสมัยสำหรับการปรับแต่งรูปภาพ พร้อมกับฟิลเตอร์อีกมากมายที่ช่วยทำให้รูปภาพของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น LIGHTROOM เป็นโปรแกรมเสียเงินซื้อในราคาเริ่มต้น 380.92 บาทต่อเดือน และสามารถใช้งานได้บน WINDOWS และ MAC 

โปรแกรมแต่งรูป PHOTOSHOP

สุดท้ายอีกหนึ่งโปรแกรม ปรับภาพให้ชัด ที่ช่างภาพทุกคนต้องเคยใช้อย่าง PHOTOSHOP เป็นโปรแกรมแต่งรูปที่มีเครื่องมือสำหรับเพิ่มความคมชัดที่หลากหลาย อย่างเช่นเครื่องมือ AI SMART SHARPEN เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการปรับความคมชัดโดยอัตโนมัติ โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อทำให้ภาพถ่ายของคุณนั้นมีความคมชัดขึ้นโดยอัตโนมัติ

ปรับภาพให้ชัด

 เมื่อคุณเปิดใช้งาน เครื่องมือนี้จะปรับใช้ตัวกรองทันที คุณจึงสามารถดูตัวอย่างภาพได้อย่างรวดเร็ว หากคุณรู้สึกว่าความคมชัดมันมากเกินไปก็สามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ได้อย่างง่ายดาย PHOTOSHOP เป็นโปรแกรมเสียเงินซื้อในราคาเริ่มต้น 800.36 บาทต่อเดือน และสามารถใช้งานได้ ในคอม ทั้งWINDOWS และ MAC 

ผู้สนับสนุน:

sagame บาคาร่า เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เครดิตฟรี

Categories
เทคนิค

แนะนำ 5 วิธีลบพื้นหลังรูปด้วยโปรแกรม PHOTOSHOP ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงความก้าวหน้ามากมายของโปรแกรม PHOTOSHOP ซึ่งเมื่อก่อน วิธีลบพื้นหลังรูป ไม่เคยทำได้ง่ายดายหรือรวดเร็วได้เท่าตอนนี้ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีโปรแกรมแต่งรูปที่มีประสิทธิภาพเหมือนในปัจจุบัน โปรแกรม PHOTOSHOP เป็นหนึ่งในโปรแกรมแต่งรูปที่ดีที่สุดในยุคนี้ ด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่หลากหลาย จึงไม่แปลกที่มันถือเป็นโปรแกรมแต่งรูปอันดับต้น ๆ ที่ช่างภาพหลายคนเลือกใช้สำหรับแก้ไขภาพถ่าย 

การรู้ วิธีลบพื้นหลังรูป ถือเป็นขั้นตอนการแก้ไขภาพถ่ายที่ช่างภาพทุกคนควรรู้ และต่อไปนี้คือ 5 วิธีลบพื้นหลังออกจากภาพถ่ายของคุณโดยใช้โปรแกรม PHOTOSHOP พร้อมกับเทคนิคลบพื้นหลังรูปภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ 

5 วิธีลบพื้นหลังรูปด้วยโปรแกรม PHOTOSHOP 

วิธีลบพื้นหลังรูป

คุณกำลังมองหา วิธีลบพื้นหลังรูป ที่รวดเร็วและง่ายดายใช่หรือไม่? คุณสามารถลบพื้นหลังรูปเองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดย วิธีลบพื้นหลังออกจากภาพ หรือเปลี่ยนพื้นหลังของภาพได้งด้วย 5  วิธีลบพื้นหลังรูปภาพ ด้วยโปรแกรม PHOTOSHOP เพื่อช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ของรูปภาพที่ดีที่สุดและรวดเร็วยิ่งขึ้น 

วิธีลบพื้นหลังรูป

โปรแกรม PHOTOSHOP เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดการแก้ไขและตกแต่งรูปภาพด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องมือสำหรับ การลบพื้นหลังรูป อย่างไรก็ตามขั้นตอนการลบพื้นหลังของรูปจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบก็ขึ้นอยู่กับขั้นสุดท้ายของคุณ หากคุณต้อง การลบพื้นหลังรูป PHOTOSHOP อย่าลืมว่าต้องบันทึกเป็นไฟล์ PNG แบบโปร่งใสเท่านั้น เพื่อให้คุณสามารถนำภาพไปใช้ได้แบบไม่มีพื้นหลัง และนี่คือ 5 วิธีลบพื้นหลังรูปภาพด้วยโปรแกรม PHOTOSHOP 

เครื่องมือ REMOVE BACKGROUND TOOL

วิธีลบพื้นหลังรูป

เริ่มกันที่ วิธีลบพื้นหลังรูป ที่ง่ายดายและรวดเร็วที่สุดใน วิธีลบพื้นหลังรูป PHOTOSHOP เพราะเป็นวิธีที่ไม่จุกจิกเกินไปเกี่ยวกับการทำให้ขอบบนวัตถุหรือตัวแบบชัดขึ้น ก่อนอื่นต้องเปิดภาพของคุณใน PHOTOSHOP แล้วไปที่แผงเลเยอร์ด้านขวา จากนั้นเพิ่มเลเยอร์ปัจจุบันโดยการกด COMMAND+J บน MACOS หรือ CTRL+J บน WINDOWS 

จากนั้นมาที่ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับ วิธีลบพื้นหลังรูป อย่างง่ายก็คือให้ไปที่แผงเครื่องมือ QUICK ACTIONS แล้วคลิกปุ่ม REMOVE BACKGROUN เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รูปภาพที่ไม่มีพื้นหลังแล้วค่ะ แต่หลังจากขั้นตอนนี้แล้วอย่าลืมบันทึกภาพเป็นไฟล์ PNG แบบโปร่งใสด้วยนะคะ

การใช้ปลั๊กอิน REMOVE.BG

วิธีลบพื้นหลังรูป

อีกหนึ่ง วิธีลบพื้นหลังรูป ที่ดีที่สุดใน PHOTOSHOP ก็คือ วิธีลบพื้นหลังขาว โดยการใช้ปลั๊กอินของ REMOVE.BG เพื่อแยกพื้นหลังออกจากวัตถุหรือตัวแบบ ซึ่งปลั๊กอินนี้ใช้ได้ดีกับภาพที่มีขอบที่ซับซ้อนอย่างเช่น ผม และยังสามารถใช้เลเยอร์มาสก์เพื่อลบหรือกู้คืนส่วนต่าง ๆ ของรูปภาพได้ เริ่มต้นโดยการทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. ดาวน์โหลดปลั๊กอินของ REMOVE.BG สำหรับ ลบพื้นหลังรูปฟรี ของ PHOTOSHOP 
  2. คุณสามารถค้นหาปลั๊กอินได้ที่แผงด้านบน PLUGINS > REMOVE.BG FOR ADOBE PHOTOSHOP
  3. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี REMOVE.BG แล้วคลิกปุ่ม REMOVE BACKGROUND ทุกครั้งที่คุณต้องการลบพื้นหลังออกจากรูปภาพที่เปิดอยู่ใน PHOTOSHOP
  4. การประมวลผลของรูปภาพผ่าน REMOVE.BG API ดังนั้นคุณต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้ และคีย์ API (พบได้ในแดชบอร์ดของบัญชีของคุณ)

เครื่องมือ QUICK SELECTION TOOL 

วิธีลบพื้นหลังรูป

มาต่อกันที่ วิธีลบพื้นหลังรูป ด้วยเครื่องมือ QUICK SELECTION TOOL ของ PHOTOSHOP เป็นเครื่องมือที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการประมวลผลแบบเรียลไทม์เพื่อค้นหาขอบของวัตถุและจุดเริ่มต้นของพื้นหลัง เครื่องมือนี้ทำงานได้ดีโดยการ ลบพื้นหลังชัด ๆ ทำให้ภาพดูคมชัดไม่ผิดเพี้ยนจากเดิม แต่หากพิกเซลมีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเพิ่มและลบองค์ประกอบ เริ่มต้นโดยการทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. เปิดภาพของคุณใน PHOTOSHOP แล้วค้นหา QUICK SELECTION TOOL ในเมนูด้านซ้าย (PHOTOSHOP TOOLBOX)
  2. ตรวจสอบ ENHANCE EDGE ในแถบตัวเลือก
  3. คลิกปุ่มและเลื่อนตัวชี้ไปไว้เหนือพื้นที่ที่คุณต้องการเลือก เพื่อค้นหาโทนสีที่ตรงกับการเลือก
  4. หากต้องการเพิ่มในส่วนที่เลือกให้คลิกและลากไปที่พื้นที่ที่ต้องการเพิ่ม
  5. หากต้องการลบส่วนที่เลือกให้กดแป้นพิมพ์ OPTION (MACOS) หรือALT (WINDOWS) แล้วเลื่อนไปที่ส่วนที่คุณต้องการยกเลิกการเลือก 
  6. คุณสามารถเปลี่ยนเครื่องมือเพื่อยกเลิกการเลือก (MINUS) ในแถบเมนูเพื่อยกเลิกการเลือกสิ่งที่คุณวางเมาส์ไว้

เครื่องมือ BACKGROUND ERASER TOOL

วิธีลบพื้นหลังรูป

อีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับ วิธีลบพื้นหลังรูป BACKGROUND ERASER TOOL เป็น เครื่องมือลบพื้นหลังรูปภาใน PHOTOSHOP ที่สามารถมีประสิทธิภาพสูงและช่วยประหยัดเวลาช่วยให้คุณได้รูปภาพที่ไม่มีพื้นหลังเร็วขึ้น เริ่มต้นโดยการทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. เปิดภาพของคุณใน PHOTOSHOP แล้วไปที่แผงเครื่องมือ PHOTOSHOP เลือก BACKGROUND ERASER TOOL 
  2. เลือกขนาดยางลบที่เหมาะสมโดยการคลิกที่แป้นพิมพ์ [ และ ] หรือปรับเปลี่ยนในแถบเมนูด้านบนของหน้าจอ แนะนำให้เริ่มต้นที่ 50PX 
  3. ตั้งค่าขีดจำกัดบนเมนูเพื่อค้นหา FIND EDGES แนะนำค่าในช่วง 20–25%
  4. เริ่มลบพื้นหลังรอบ ๆ ตัววัตถุ โดยใช้เครื่องมือยางลบคลิกค้างไว้ในขณะขยับแปรง ให้ทำกระบวนการนี้จนกว่าพื้นหลังจะหมดไป

เครื่องมือ MAGNETIC LASSO TOOL

วิธีลบพื้นหลังรูป

วิธีสุดท้าย วิธีลบพื้นหลังรูป ด้วยเครื่องมือ MAGNETIC LASSO TOO เป็นเครื่องมือใน PHOTOSHOP ที่นิยมนำมาใช้ใน วิธีลบพื้นหลัง โดยการเลือกพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วเพราะเมื่อคุณเลื่อนเมาส์ไปตรงพื้นที่ที่ต้องการเลือก MAGNETIC จะกำหนดขอบเขตตามทิศทางการเคลื่อนที่ของเมาส์ทันที เริ่มต้นโดยการทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. เปิดภาพของคุณใน PHOTOSHOP แล้วเพิ่มเลเยอร์ปัจจุบันโดยการกด COMMAND+J บน MACOS หรือ CTRL+J บน WINDOWS จากนั้นคลิกไอคอนรูปตาที่เลเยอร์เริ่มต้น เพื่อปิดเลเยอร์
  2. เลือกเครื่องมือ MAGIC LASSO จากแผงเครื่องมือทางด้านซ้าย และเลื่อนเมาส์วาดภาพตามขอบของวัตถุ แล้ววาดจุดสิ้นสุดให้เชื่อมต่อกับจุดเริ่มต้น
  3. บันทึกการเลือกของคุณโดยไปที่ SELECTION > SAVE SELECTION แล้วทำการตั้งชื่อ 
  4. จากนั้นให้ทำการลบพื้นหลังโดยไปที่ SELECT > INVERSE คลิกเลือก DELETE คุณจะเห็นพื้นหลังเป็นสีขาว/เทา แทนที่พื้นหลังภาพก่อนหน้านี้ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รูปภาพแบบไม่มีพื้นหลังแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? สำหรับ 5 วิธีลบพื้นหลังรูป ด้วยโปรแกรม PHOTOSHOP ซึ่งขอบอกเลยว่าวิธีการลบพื้นหลังออกจากรูปภาพเหล่านี้ใน PHOTOSHOP เป็นวิธีที่รวดเร็วและง่ายดายในการดึงวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่าย และการเปลี่ยนพื้นหลังของภาพที่รายละเอียดมาก โดยวิธีข้างต้นจะช่วยทำให้คุณได้รูปภาพที่ไม่มีพื้นหลังได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

สนับสนุนโดย

PAPERINDUSTRYMAG.COM

 

ภาพจาก:

https://bit.ly/3pMJeHS

เว็บบาคาร่าอันดับ1

Categories
เทคนิค

ก้าวแรกสำหรับนักทำเว็บไซต์มือใหม่กับโปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER

ADOBE DREAMWEAVER

ในปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว หลายๆ บริษัททั้งประเทศไทยเองและต่างประเทศต่างก็มีเว็บไซต์ประจำของตัวบริษัทตัวเองในการในเสนอตัวตน แหล่งข้อมูล และรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ผู้รับชมในฐานะลูกค้าผู้รับบริการหรือแม้กระทั่งคนที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมสำหรับมือใหม่หัดทำเว็บไซต์มุ่งสู่เส้นทางมืออาชีพอย่าง ADOBE DREAMWEAVER กัน

ADOBE DREAMWEAVER จุดเริ่มต้นดีๆ ของนักสร้างเว็บไซต์มืออาชีพ

ADOBE DREAMWEAVER

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ADOBE DREAMWEAVER CS6 ใช้สร้างอะไรได้บ้าง ADOBE DREAMWEAVER เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการสร้างเว็บไซต์ และเหมาะสมสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์มือใหม่ โดยสามารถนำรูปภาพหรือข้อความมาประกอบเป็นเว็บเพจ อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ เช่น เสียง ภาพเคลื่อนไหว วิดิโอ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรู้หลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา HTML ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ งั้นเรามารู้จักเจ้า ADOBE DREAMWEAVER ให้มากขึ้นกันดีกว่า โดยโปรแกรมที่จะแนะนำเป็น โปรแกรม DW CS6 นะ

ความเป็นมาของ DREAMWEAVER

ADOBE DREAMWEAVER หรือชื่อเดิมคือ MACROMEDIA DREAMWEAVER เป็นโปรแกรมแก้ไข HTML พัฒนาโดย MACROMEDIA ปัจจุบันควบกิจการรวมกับบริษัท ADOBE SYSTEMS โดย ADOBE DREAMWEAVER มีทั้งในระบบปฏิบัติการ MAC OS / MICROSOFT WINDOWS และ UNIX-LIKE OPERATING SYSTEM

โปรแกรม DREAMWEAVER มีการพัฒนา ตั้งแต่ ธันวาคม ค.ศ. 1997 เป็น DREAMWEAVER 1.0 เป็นเวอร์ชันแรกสำหรับระบบปฏิบัติการ MAC OS จากนั้นออกรุ่น DREAMWEAVER 1.2 เป็นเวอร์ชันแรกสำหรับระบบปฏิบัติการ WINDOWS และรุ่นลุ่กตอนนี้คือ DREAMWEAVER CC 2021 

มาลองใช้โปรแกรมกันเลย

เริ่มจาก ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน ก็ต้องเปิดโปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER จะปรากฏหน้าต่าง WELCOME SCREEN ก่อนการเข้าสู่หน้าโปรแกรมหลัก ซึ่งแต่ละส่วนมีรายละเอียด ดังนี้

ADOBE DREAMWEAVER
  1. OPEN A RECENT ITEM : แสดงชื่อเว็บเพจที่เคยใช้งานมาแล้ว หรือคลิกที่ปุ่ม OPEN เพื่อค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
  2. CREATE NEW : สร้างไฟล์ใหม่ โดยถ้าคลิก HTML จะเป็นการสร้างเว็บเพจพื้นฐานแต่ถ้าคลิกหัวข้ออื่นจะเป็นการสร้างเว็บเพจหรือไฟล์ตามชนิดนั้น เช่น
  • HTML : สร้างหน้าเว็บธรรมดา เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นสร้างเว็บ
  • COLDFUSION : สร้างหน้าเว็บแอพพลิเคชันที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีฝั่งเซิร์ฟเวอร์ COLDFUSION
  • PHP : สร้างหน้าเว็บแอพพลิเคชันที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีฝั่งเซิร์ฟเวอร์ PHP
  • CSS : สร้างไฟล์เก็บรูปแบบตัวอักษร ตาราง สีพื้นหลัง เพื่อนำไปใช้ในทุก ๆ หน้าเว็บเพจ
  • JAVASCRIPT : สร้างไฟล์สคริปต์ที่ทำงานฝั่งไคลเอนต์ และทำงานที่เครื่องของผู้เข้าชมเว็บไซต์
  • DREAMWEAVER SITE : สร้างเว็บไซต์ใหม่
  1. TOP FEATURES (VIDEOS) : เข้าสู่หน้าเว็บ ADOBE TV ดูวิดิโอสาธิตการใช้งานและอธิบายส่วนประกอบของโปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER CS6
  2. เปิดดูคำแนะนำการใช้โปรแกรม
  3. เปิดดูคำแนะนำการใช้โปรแกรม
  4. คลิกออปชันนี้หากไม่ต้องการแสดง WELCOME SCREEN อีกในครั้งต่อไป
ADOBE DREAMWEAVER

มาทำความรู้จักกันต่อใน ส่วนประกอบของโปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER CS6 ในการการใช้งาน ADOBE DREAMWEAVER

  1. MENU BAR เป็นแถบรวบรวมคำสั่งทั้งหมดของโปรแกรม
  • CODE สำหรับแสดงการทำงานในรูปแบบ HTML นอกจากนี้ยังสามารถเขียนคำสั่ง HTML หรือคำสั่งภาษาสคริปต์ ได้ด้วย
  • SPLIT สำหรับแสดงการทำงานแบบ HTML กับการแสดงพื้นที่ออกแบบ โดยจะแสดงส่วนของคำสั่ง ไว้ด้านบนและแสดงเว็บเพจปกติไว้ ด้านล่าง
  • DESIGN สำหรับแสดงเว็บเพจคล้ายกับที่เราเห็นในเบราว์เซอร์ เช่น ข้อความ กราฟิก หรือออปเจ็กต์อื่นๆ และสามารถแก้ไขเนื้อหาลงเว็บเพจได้
  • TITLE สำหรับแสดงชื่อของเว็บเพจ ในส่วนของแถบหัวเรื่อง
  • SAVE และ SAVE AS… ก็จะมีความสงสัยว่า โปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER เมื่อบันทึกจะได้ไฟล์ชนิดใด ส่วนมากเราจะบันทึกเป็นไฟล์ HTML
  1. TOOLBAR เป็นแหล่งรวมเครื่องมือซึ่งใช้ในการวางออบเจ็กต์ชนิดต่าง ๆ ของโปรแกรม ADOBE DREAMWEAVER โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มคำสั่งเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก ซึ่งจะประกอบด้วยกลุ่มคำสั่งดังนี้
  • COMMON ใช้วางออบเจ็กต์ที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ เช่น รูปภาพ ตาราง ไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น
  • LAYOUT ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้จัดโครงสร้างของเว็บเพจ เช่น ตาราง เฟรม และ AP ELEMENT
  • FORMS ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้ในการสร้างแบบฟอร์มรับข้อมูล เช่น ช่องรับข้อความ ปุ่มตัวเลือกต่าง ๆ
  • DATA ใช้วางคำสั่งที่ใช้การจัดการฐานข้อมูล และดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงบนเว็บเพจ
  • SPRY ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้เทคโนโลยีของ AJAX
  • JQUERY MOBILE ใช้สร้างหน้าเพจที่แสดงบนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ตโดยใช้เทคโนโลยีแบบ JQUERY
  • INCONTEXT EDTING ใช้สร้างออบเจ็กต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขเว็บเพจได้
  • TEXT ใช้สำหรับจัดปรับแต่งหรือจัดรูปแบบของตัวอักษรและข้อความสะดวกให้ผู้ใช้งาน เช่น หัวเรื่อง ตัวหน้า ตัวเอียง รวมทั้งแทรกสัญลักษณ์พิเศษต่าง ๆ เช่น $ (DOLLAR) © (COPYRIGHT) เป็นต้น
  • FAVORITES เป็นกลุ่มที่สามารถเพิ่มปุ่มคำสั่งที่ใช้บ่อยจากกลุ่มอื่น ๆ เข้ามาเก็บไว้ใช้งานเอง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
  1. DOCUMENT WINDOWS เป็นพื้นที่สำหรับสร้างหน้าเว็บเพจ และสามารถเลือกพื้นที่การทำงานได้หลายมุมมอง เช่น CODE VIEW / CODE AND DESIGN และ DESIGN VIEW
  2. STATUS BAR เป็นแถบแสดงสถานะ ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ทางด้านซ้ายเรียกว่า TAG SELECTOR ใช้สำหรับแสดงคำสั่ง HTML ของส่วนประกอบในเว็บเพจที่เลือกอยู่ และทางด้านขวาเป็นส่วนที่บอกขนาดหน้าจอการแสดงผลและเวลาที่ใช้ในการดาวน์โหลดเว็บเพจ
  3. PROPERTIES INSPECTOR เป็นส่วนที่กำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ในการปรับแต่งองค์ประกอบของหน้าเว็บเพจ
  4. INSERT BAR เป็นแถบที่ประกอบด้วยปุ่มคำสั่งที่ใช้ในการแทรกออบเจ็กต์ (องค์ประกอบต่างๆ) ลงในเว็บเพจ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่
  5. PANEL GROUP เป็นกลุ่มหน้าต่างพาเนล ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการและออกแบบเว็บเพจ
ADOBE DREAMWEAVER

ข้อดีและข้อเสียในการใช้ DREAMWEAVER

ข้อดีของโปรแกรม 

  • ADOBE DREAMWEAVER CS6 การใช้งาน ช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อก่อนนั้นถ้าเราต้องการสร้างเว็บเพจ เราจะต้องเขียนภาษา HTML ขึ้นมาเพื่อให้แสดงผลผ่าน BROWSER เป็นรูปภาพหรือข้อความออกมา ซึ่งทำให้เราทำงานได้ช้าลง แต่ DREAMWEAVER โปรแกรมจะแสดงหน้าจอที่แสดงผลให้เราสามารถปรับแต่งหน้าตาของเว็บเพจของเราได้เลย โดย DREAMWEAVER จะทำการเขียน HTML ให้เราเองเป็น EDITOR ที่มีประสิทธิภาพตัวหนึ่ง
  • เป็นโปรแกรมจัดการเว็บไซต์ที่ดีสำหรับ ADOBE DREAMWEAVER ยังเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เราจัดการกับเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้น 
  • ช่วยให้เราทำเว็บได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่ไม่เคยทำเว็บมาก่อนก็สามารถใช้ DREAMWEAVER เพียงโปรแกรมเดียวเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นมาได้ง่ายเหมือนกับการเขียนหนังสือ

ข้อเสียของโปรแกรม

  • สำหรับข้อเสียของ DREAMWEAVER นั้นก็มีอยู่ตรงที่ถ้าเราไม่เรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องเราจะได้เว็บไซต์ที่มี CODE เยอะมากทำให้การแก้ไขภายหลังจะทำได้ยาก ต้องพยายามศึกษาตัวอย่างการใช้งานในหลายรูปแบบ อีกข้อนึงคือโปรแกรมตัวนี้มีราคาที่ค่อนข้างแพงสำหรับผู้ที่จะเริ่มหัดทำเว็บไซต์

สรุป DREAMWEAVER จุดเริ่มของนักสร้างเว็บไซต์ฝึกหัด

ADOBE DREAMWEAVER อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งทางสำหรับคนอยากสร้างเว็บไซต์เบื้องต้น แต่ผู้ใช้อาจจะเข้าใจในการเขียนทางคอมพิวเตอร์ระดับหนึ่งถึงเริ่มมี เทคนิคการใช้โปรแกรม และเริ่ม ขั้นตอนการสร้างไซต์ สำหรับคนที่ติดปัญหาเรื่องเงินซื้อโปรแกรม ก็จะมีให้ทดลองฟรีอยู่ ลองหัดลองศึกษา ตามเว็บไซต์และตัวโปรแกรมแนะนำเชื่อว่าคุณก็จะเป็นนักเขียนเว็บไซต์ได้แน่

 

ภาพจาก:

https://i-loadzone.com/adobe-dreamweaver-cs6/
https://tpd.dtam.moph.go.th/index.php/service-it/knowledge-it/programs-it/68-adobe-dreamweaver-cs6
https://bit.ly/3s46C50
https://www.gotoknow.org/posts/599641
https://fixthephoto.com/th/%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%94-dreamweaver.html

Categories
เทคนิค

วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่ ในโปรแกรม Photoshop บน Windows

การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรในโปรแกรม Photoshop ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่นักตัดต่อทุกคนควรทราบ เนื่องจากในกระบวนการออกแบบเกือบทุกการทุกผลงานต้องมีการเพิ่มข้อความ ซึ่งตอนนี้โปรแกรม Photoshop มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถใส่ข้อความลงในรูปได้ ที่สำคัญมีมีฟอนต์สวย ๆ ให้เลือกใช้มากมาย แต่ถ้าคุณต้องการเพิ่มเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่ เข้าไปใน Photoshop ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงแค่ทำตามขั้นตอนในบทความนี้ คุณก็จะได้ฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่และช่วยให้คุณสามารถสร้างผลงานการออกแบบที่สร้างสรรค์ได้มากขึ้น

วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่ ในโปรแกรม Photoshop บน Windows

วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรในโปรแกรม Photoshop บน Windows

สำหรับวิธีการเพิ่มฟอนต์ในโปรแกรม Photoshop คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์จากไลบรารีออนไลน์และเปิดใช้งานฟอนต์ใน Photoshop รวมถึงตรวจสอบปัญหาสิทธิ์การใช้งานที่อาจมาพร้อมกับฟอนต์นั้นด้วยการลงชื่อเข้าใช้ Adobe Creative Cloud เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Photoshop รวมถึงเข้าถึงไลบรารีแบบตัวอักษรขนาดใหญ่ที่มีให้ใน Adobe Fonts ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรในโปรแกรม Photoshop บน Windows ได้ด้วยวิธีด้านล่างนี้

1.ค้นหาและดาวน์โหลดฟอนต์ : มีเว็บไซต์ออนไลน์มากมายที่ให้คุณสามารถเลือกแบบฟอนต์ได้หลากหลาย เราแนะนำให้ใช้ตัวตัวเลือกการกรองเพื่อเน้นไปที่สไตล์ที่คุณต้องการ นอกจากนี้คุณยังสามารถดาวน์โหลดแบบฟอนต์จาก Microsoft Store เพียงแค่คลิกที่ปุ่มดาวน์โหลดและปิดแอปที่ใช้งานอยู่

2.ค้นหาไฟล์ฟอนต์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ : เปิดโฟลเดอร์ดาวน์โหลดแล้วเลื่อนลงไปที่ไฟล์ฟอนต์ที่เพิ่มล่าสุด หากโฟลเดอร์ถูกซิปให้คลิกขวาและเลือก Extract All… เพื่อเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด OTF และ TTF เป็นนามสกุลไฟล์ฟอนต์ทั่วไป

3.การติดตั้งฟอนต์ : โดยทั่วไปใน Photoshop บน Windows มีตัวเลือกในการติดตั้งฟอนต์ โดยมีทั้งหมด 3 ตัวเลือก ดังนี้

วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่ ในโปรแกรม Photoshop บน Windows

ตัวเลือก 1 : คลิกขวาที่ไฟล์ฟอนต์แล้วคลิกติดตั้ง หลังจากนั้นฟอนต์ของคุณก็จะสามารถใช้ได้กับทุกแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่แค่เพียง Photoshop เท่านั้น

ตัวเลือก 2 : ไปที่ Photoshop คลิกที่ Menu > Control Panel > Appearance and Personalisation > Fonts เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถคัดลอกและวางไฟล์ฟอนต์ใหม่ลงในรายการฟอนต์ที่เปิดใช้งานได้

ตัวเลือก 3 : หากต้องการใช้ Font Management Utility โปรดดูเอกสารประกอบสำหรับคำแนะนำในการเพิ่มและเปิดใช้งานฟอนต์

วิธีการเพิ่มฟอนต์ตัวอักษรที่แปลกใหม่ ในโปรแกรม Photoshop บน Windows

วิธีเลือกฟอนต์ในโปแกรม Photoshop

หลังจากดาวน์โหลดฟอนต์ และเพิ่มฟอนต์ที่พร้อมใช้งานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดโปรแกรม Photoshop และเลือกในแท็บตัวอักษร หากคุณต้องการเพิ่มเอฟเฟกต์ข้อความของ Photoshop คุณอาจต้องแรสเตอร์ข้อความ เพื่อทำให้เป็นรูปภาพบิตแมปพิกเซลที่แก้ไขได้ และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพอใจกับข้อความของคุณก่อนหรือไม่ เพราะหลังจากขั้นตอนนี้คุณจะไม่สามารถแก้ไขข้อความได้อีก อย่างไรก็ตามแม้ว่าไลบรารีฟอนต์ฟรีอาจดูเหมือนเป็น สิ่งที่ไร้ขีดจำกัด แต่คุณก็ควรพิจารณาถึงสิทธิ์การใช้งานที่ซ่อนไว้ก่อน เนื่องจากฟอนต์ทุกตัวถือเป็นซอฟต์แวร์ที่มีเจ้าของ จึงต้องมีข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานบางอย่าง ดังนั้นคุณควรตรวจสอบข้อตกลงของใบอนุญาตสำหรับผู้ใช้ก่อนนำมาใช้กับผลงานของคุณ

Categories
เทคนิค

ปรับขนาดรูปภาพด้วยโปรแกรม Photoshop โดยไม่ทำให้ความละเอียดของรูปภาพเสีย

วิธีการปรับขนาดรูปภาพด้วยโปรแกรม Photoshop โดยไม่ทำให้ความละเอียดของรูปภาพเสีย

ความรู้เกี่ยวกับวิธีการปรับขนาดรูปภาพในโปรแกรม Photoshop ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่นักออกแบบ หรือช่างภาพทุกคนควรรู้ เพราะก่อนที่คุณจะทำการอัปโหลดรูปภาพไปยังเว็บไซต์ หรือเตรียมสั่งพิมพ์ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องรู้จักกำหนดขนาดของรูปภาพที่ถูกต้อง ซึ่งสมัยนี้ถือว่าโชคดีอย่างมากที่ Photoshop โปรแกรมแต่งรูปที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกมีเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยทำให้รูปภาพของคุณมีขนาดภาพที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการปรับขนาดรูป Photoshop พร้อมอธิบายวิธีการที่จะช่วยให้คุณจัดการทำขนาดรูปภาพได้ง่าย ๆ

วิธีการปรับขนาดรูปภาพในโปรแกรม Photoshop เพื่อให้ได้ขนาดรูปภาพที่เหมาะสม

วิธีการที่นักออกแบบ หรือช่างภาพหลายคนเลือกใช้ในการปรับขนาดรูปภาพใน Photoshop คือ การปรับขนาดภาพที่เหมาะสมด้วยเครื่องมือภายใต้คำสั่ง Image > Image Size ในแถบเมนู แต่ก่อนที่จะเริ่มปรับขนาดภาพ คุณควรทราบก่อนว่าคุณต้องการรูปภาพที่มีขนาดเท่าไร เช่น Width/Height ของรูปภาพ เมื่อคุณปรับขนาดภาพแล้ว คุณอาจสังเกตเห็นว่าความละเอียดของรูปภาพนั้นลดลง ซึ่งหมายความว่าการปรับขนาดภาพมีความเกี่ยวข้องกันกับความละเอียดในรูปภาพ และเมื่อเริ่มพูดถึงความละเอียดของรูปภาพ หลายคนมักเกิดความสับสนในแง่ของความหนาแน่นของพิกเซล ซึ่งใน Photoshop จะแสดงเป็น ppi (พิกเซลต่อนิ้ว)

ความละเอียดของภาพใน Photoshop

วิธีการปรับขนาดรูปภาพด้วยโปรแกรม Photoshop โดยไม่ทำให้ความละเอียดของรูปภาพเสีย

ความจริงแล้วคุณภาพรูปภาพที่สำบูรณ์แบบใน Photoshop นั้นจะขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพที่ต้องมีความสัมพันธ์กับขนาดของภาพ นั่นหมายความว่า ความละเอียดภาพที่สูงจะทำให้รูปภาพมีความคมชัดขึ้น เมื่อขนาดของรูปภาพเพิ่มขึ้น ppi สัมพัทธ์จะลดลง นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพิมพ์ โดยที่ ppi จะกำหนดจำนวนจุดที่ใช้หมึกต่อนิ้ว (มักเรียกว่า dpi) 

ยกตัวอย่างเช่น รูปภาพขนาด 1 นิ้วคูณ 1 นิ้วที่มีความละเอียด 100 ppi หากเพิ่มขนาดของรูปภาพนี้เป็น 10 นิ้วคูณ 10 นิ้ว จะทำให้ ppi ลดลงเหลือ 10 หากใช้รูปภาพขนาดนี้ต่อไป รูปภาพจะมีพิกเซลเพียง 10 พิกเซลต่อนิ้ว และจะมีลักษณะเป็นพิกเซลและมีขอบหยัก ที่สำคัญคุณสามารถสร้างภาพให้เล็กลงได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่คุณจะประสบปัญหาเมื่อต้องการทำให้ภาพใหญ่ขึ้น

หากคุณจะส่งภาพไปพิมพ์ เราขอแนะนำให้ใช้ dpi 300 ถึงแม้ว่าจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาพและขนาดที่คุณจะพิมพ์ แต่รูปภาพ 300dpi เหมาะสำหรับหน้า A4 และคุณสามารถใช้ dpi ที่ต่ำกว่านี้ได้สำหรับป้ายโฆษณา เนื่องจากผู้คนจะดูจากที่ไกลออกไป

สำหรับรูปภาพดิจิทัล ตัวเลขที่สำคัญที่สุดคือจำนวนพิกเซลในภาพมากกว่าความหนาแน่น ไม่ว่าความหนาแน่นของพิกเซลจะเป็นอย่างไรก็ตาม รูปภาพขนาด 500px คูณ 500px จะเป็น 500px คูณ 500px เสมอ

อย่างไรก็ตามคุณจะสังเกตเห็นว่าการเปลี่ยนความสูง ความกว้าง หรือความละเอียดของรูปภาพ จะเป็นการเปลี่ยน 2 ค่าตามสัดส่วน แต่จำนวนพิกเซลทั้งหมดในรูปภาพจะไม่เปลี่ยนแปลง หากคุณจะเตรียมการพิมพ์ ให้ใส่ความละเอียดที่ต้องการลงในช่องตัวเลข ความกว้างและความสูงที่ได้จะแสดงขนาดสูงสุดที่รูปภาพของคุณสามารถใช้ได้

Categories
เทคนิค

การตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut จากภาพช็อตหนึ่งไปยังภาพอีกช็อตหนึ่งอย่างมืออาชีพ 

การตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut จากภาพช็อตหนึ่งไปยังภาพอีกช็อตหนึ่งอย่างมืออาชีพ 

ผู้สร้างภาพยนตร์มืออาชีพหลายคนจะถ่ายวิดีโอทั้งหมดไว้ก่อนแล้วค่อยนำมาทำการตัดต่อวิดีโอในโปรแกรมตัดต่อภายหลัง นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้ฟุตเทจที่จำเป็นทั้งหมดอย่างครบถ้วน ซึ่งในกระบวนการตัดต่อวิดีโอที่ต้องใช้การวางแผนแบบนี้จำเป็นต้องใช้เทคนิคการตัดต่อแบบ Match Cut จากภาพช็อตหนึ่งไปยังภาพอีกช็อตหนึ่ง ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคนิคการตัดต่อวิดีโอ Match Cut ที่นักตัดต่อวิดีโอหรือผู้สร้างภาพยนตร์มืออาชีพหลายคนเลือกใช้ 

เทคนิคการตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut

การตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut จากภาพช็อตหนึ่งไปยังภาพอีกช็อตหนึ่งอย่างมืออาชีพ 

Match Cut เป็นการตัดต่อวิดีโอที่จับคู่ฉากจากช็อตหนึ่งไปอีกช็อตหนึ่ง โดยที่องค์ประกอบของฉากเริ่มต้นกับฉากถัดไปนั้นจะต้องเข้ากันได้และมีความต่อเนื่อง สอดคล้องกับตรรกะของการกระทำไม่ว่าจะด้วยภาพหรือเสียง ยกตัวอย่างฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดไปจนถึงภาพพระอาทิตย์ตกดินในภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Arabia เป็นการตัดต่อ Match Cut ที่ให้ความรู้สึกลื่นไหลไปกับฉากนั้น
ซึ่งการตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงวิดีโอการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้เพื่อแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงทางกาลเวลาได้เช่นกัน หรือสามารถใช้เชื่อมต่อรูปร่างที่คล้ายคลึงกันกับองค์ประกอบเฟรมเดียวกันได้ ส่วนในเรื่องของเทคนิคการตัดต่อวิดีโอแบบ Match Cut มีอยู่ 2 แบบ โดยแบบแรกเราเรียกว่า “direct” เป็นการจับคู่ภาพหรือเสียงกับเฟรมถัดไป และสามารถใช้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ตรงไปตรงมา ส่วนอีกแบบคือ “expected” เป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากฉากที่จะเกิดขึ้นถัดไป ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ส่วนใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งการจับคู่เสียงและการจับคู่ภาพ

การจับคู่เสียงและการจับคู่ภาพ

หลายคนคงทราบกันดีว่าการตัดต่อวิดีโอมีองค์ประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญ คือ เสียงและภาพ สำหรับการตัดต่อแบบ Match Cut เทคนิคการจับคู่เสียงและการจับคู่ภาพถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการทำให้วิดีโอของคุณนั้นสมบูรณ์แบบ

การจับคู่เสียง : แบ่งเป็นเสียงบทสนทนา/พูด และเสียง Sound สำหรับเสียงบทสนทนาจะเกิดขึ้นเมื่อตัวละครหรือผู้บรรยายกำลังพูดและการตัดต่อจะทำระหว่างคำสองคำที่เหมือนกัน โดยตัวละคร A กำลังอ่านโน้ตหรือจดหมายที่เขียนโดยตัวละคร B จากนั้นจะตัดไปเป็นเสียงของตัวละคร B ที่อ่านโน้ตหรือจดหมายเดียวกันโดยเริ่มจากคำหรือประโยคเดียวกัน ส่วนการตัด Match Cut เสียง Sound ะเกี่ยวกับการจับคู่เสียงที่เกิดขึ้นในทั้ง 2 ช็อต หรือที่เรียกว่าสะพานเสียง อาจเป็นเสียงเดียวกันหรือเสียงบางอย่างที่กลมกลืนกับคลิปถัดไปที่คุณกำลังเปลี่ยน

การจับคู่ภาพ : แบ่งเป็นเฟรม/องค์ประกอบ และการกระทำภายในเฟรม การตัดต่อ Match Cut แบบเฟรม/องค์ประกอบต้องใช้รายละเอียดและตำแหน่งของวัตถุในเฟรมให้ตรงกัน ส่วนการตัด Match Cut แบบการกระทำภายในเฟรม คือการตัดต่อการกระทำภายในเฟรมทั้ง 2 เฟรมให้ตรงกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานที่หรือเวลาเดียวกัน หรือแม้แต่ในกรอบ/องค์ประกอบเดียวกัน

สนับสนุนโดย: ไฮโลไทย ไฮโลไทยเว็บตรง ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นง่าย ผ่านมือถือ ตลอด 24 ชม. HILO-88.COM