Categories
เทคนิค

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิควิดีโอซ้อนวิดีโอแบบง่าย ๆ ในมือถือ 

ในปัจจุบันการตัดต่อวิดีโอเพื่อนำไปใช้งาน หรือแชร์ลงในสื่อโซเชียลมีเดียตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อดังกล่าวได้ง่าย และนอกจากคลิปวิดีโอเหล่านั้นจะให้ความรู้แล้ว ยังให้ความบันเทิงแก่คนดูอีกด้วย บทความนี้จะมา สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิคการซ้อนวิดีโอ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ จากวิดีโอหลักที่นำเสนออยู่ได้ 

ขั้นตอนการ สอนตัดต่อวิดีโอ capcut ด้วยเทคนิควิดีโอซ้อนวิดีโอ

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut

การตัดต่อวิดีโอด้วยเทคนิคซ้อนวิดีโอจากแอพ CapCut ทำได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งเราจะมา สอน ตัดต่อวิดีโอ ด้วยเทคนิคดังกล่าว แต่ก่อนอื่นจะต้องเตรียมคลิปวิดีโอหลัก 1 คลิป และคลิปวิดีโอที่ต้องการจะซ้อนทับลงไปอีก 1 คลิป เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปตัดต่อตามความต้องการได้แล้ว สำหรับใครที่ต้องการจะตัดต่อวิดีโอด้วยเทคนิคดังกล่าว มาดูกันว่าการ สอนตัดต่อวิดีโอcapcut ด้วยเทคนิคซ้อนวิดีโอนี้จะมีขั้นตอนอะไรบ้าง 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การเพิ่มวิดีโอหลักและวิดีโอซ้อน

เมื่อเข้ามาใน Capcut แล้ว กดไปที่เมนู “โปรเจกต์ใหม่” จากนั้นเลือกคลิปวิดีโอหลัก 1 คลิป เสร็จแล้วกด “เพิ่ม” ต่อมาทำการปิดเสียงคลิป ต่อมาเลื่อนเส้นหลักสีขาวที่อยู่ในไทม์ไลน์วิดีโอไว้ด้านหน้าสุด จากนั้นกดไปที่ “ภาพซ้อน” > “เพิ่มโอเวอร์เลย์” เลือกคลิปวิดีโอที่จะซ้อนทับลงไป 1 คลิป เสร็จแล้วกด “เพิ่ม” จากนั้นจัดวางคลิปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. เลือกรูปแบบของวิดีโอซ้อน

ไม่ว่าจะ ใช้แอพอะไรตัดต่อวีดีโอ ต้องปิดเสียงคลิปที่ซ้อนเข้ามาก่อน ให้เลือกเมนู “ระดับเสียง” และปรับระดับเสียงเป็น 0 จากนั้นกด “√” ในกรณีที่ต้องการให้วิดีโอซ้อนเป็นกรอบขนาดเล็ก เลือกเมนู “มาสก์” เสร็จแล้วกด “√” ในกรณีที่ไม่ต้องการให้วิดีโอซ้อนมีกรอบและพื้นหลัง ให้เลือกเมนู “ภาพซ้อน” กดที่วิดีโอ ตามด้วยคำสั่ง “มาสก์” เลือก “ไม่มี” > “√” จากนั้นจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ 

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การลบพื้นหลังวิดีโอซ้อน

ในกรณีที่ไม่ต้องการให้วิดีโอซ้อนมีกรอบและพื้นหลัง เริ่มต้นจากการกดไปที่คำสั่ง “คัตเอาท์” ตามด้วย “ลบพื้นหลัง” เสร็จแล้วปรับขนาดและวางในตำแหน่งที่ต้องการ และถ้าหากต้องการจะตรวจสอบรายละเอียดของวิดีโอให้แน่ใจก็สามารถกดเล่นวิดีโอเพื่อเช็คดูได้ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้เลย สำหรับใครที่สงสัยว่า CapCut ตัดต่อดีไหม ต้องบอกว่าดีสำหรับมือใหม่และมือโปรเลยทีเดียว

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การบันทึกวิดีโอ

เมื่อ ตัดต่อวิดีโอ เสร็จแล้วให้ตรวจสอบความเรียบร้อย โดยกดเล่นวิดีโออีกครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าได้วิดีโอตามที่ต้องการแล้ว และหลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เลือกเมนูตั้งค่าความละเอียดและอัตราเฟรมของวิดีโอที่อยู่ด้านบนสุด แนะนำให้ปรับค่าความละเอียดและอัตราเฟรมของวิดีโอตามประสิทธิภาพของมือถือ จากนั้นกดบันทึกเพียงเท่านี้ก็จะได้วิดีโอตามที่ต้องการแล้ว

สอนตัดต่อวิดีโอcapcut ตัดส่วนเกินออกง่าย ๆ ในมือถือ

สอนตัดต่อวิดีโอ capcut

ในกรณีที่วิดีโอหลักและวิดีโอซ้อนมีความยาวไม่เท่ากัน เราสามารถตัดส่วนเกินของวิดีโอออกไปได้ โดยให้เลื่อนเส้นสีขาวที่อยู่ในช่องไทม์ไลน์ของวิดีโอไปอยู่ในตำแหน่งของวิดีโอส่วนเกิน จากนั้นกดที่คำสั่ง “แบ่งฉาก” กดที่วิดีโอส่วนเกิน ตามด้วยคำสั่ง “ลบ” เพียงเท่านี้วิดีโอที่เป็นส่วนเกินก็จะถูกลบออกแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ตัวไหนดี CapCut ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
เสียง

แนะนำ 3 เว็บแต่งเพลง สำหรับมือใหม่และมือโปรที่อยากทำเพลงด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ 

ในปัจจุบันเทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้มนุษย์สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น เช่นเดียวกับการแต่งเพลง โดยปกติก่อนจะได้เพลงหนึ่งเพลงให้เราฟังนั้นต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ มากมาย ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ในปัจจุบันเราสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการแต่งเพลงได้แล้ว นั่นก็คือ เว็บแต่งเพลง นั่นเอง ซึ่งจะมีทั้งเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการแต่งเนื้อเพลง และเว็บไซต์แต่งดนตรีให้กับเพลงโดยเฉพาะ 

3 เว็บแต่งเพลง สามารถใช้งานง่าย ใช้แต่งเพลงและทำนองได้ไม่กี่ขั้นตอน

เว็บแต่งเพลง

ต้องบอกก่อนว่าเว็บไซต์แต่งเพลงที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้จะมีทั้งเว็บไซต์ที่ออกแบบมาสำหรับแต่งเนื้อเพลงเท่านั้น และเว็บแต่งเพลงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยครีเอทดนตรีหรือท่วงทำนองให้กับเพลงโดยเฉพาะ หากใครที่เพิ่งเริ่มต้น แต่งเพลงเอง สั้นๆ แล้วยังไม่รู้จะแต่งดนตรีหรือใส่ทำนองเพลงยังไงก็สามารถใช้บริการ เว็บ แต่งเพลง ต่อไปนี้ได้เลย ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันว่าจะมีเว็บไซต์ใดที่มีไว้สำหรับแต่งเนื้อเพลง และเว็บไซต์ใดมีไว้สำหรับแต่งดนตรีเพลงโดยเฉพาะ

เว็บแต่งเพลง

Tupleblog

เว็บไซต์แต่งเนื้อเพลงโดยเฉพาะด้วย AI ซึ่งพัฒนาโดย Tupleblog ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือเรียกสั้น ๆ กันว่า “AI” เมื่อเข้าสู่หน้าเว็บไซต์แล้วจะมีช่องให้เติมคำขึ้นต้นเพลง และเลือกความยาวของเนื้อเพลงได้ โดย AI จะเรียนรู้เนื้อเพลงจากเว็บไซต์ Siamzone เมื่อประมวลผลเสร็จแล้วจะทำการ แจกเนื้อเพลงฟรี โดยจะมีเนื้อเพลงปรากฏขึ้นมาตามความยาวที่เรากำหนด

เว็บแต่งเพลง

Song Maker

เว็บไซต์ แต่งเพลงฟรี เปิดตัวในปี 2016 ต้องบอกว่าระบบการทำงานนั้นถูกออกแบบมาให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายมาก ๆ สำหรับมือใหม่ที่อยากลอง แต่งเพลงเองง่ายๆ โดยเริ่มจากแต่งทำนองเสียงดนตรีต่าง ๆ ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้เลย แต่เว็บไซต์นี้จะไม่สามารถใช้เครื่องดนตรีได้หลายชนิดในหนึ่งเพลง หากต้องการใช้เครื่องดนตรีหลายชนิดในหนึ่งเพลงอาจต้องบันทึกแล้วนำไปตัดต่ออีกที 

เว็บแต่งเพลง

AIVA

Aiva เป็นเว็บสำหรับแต่งเสียงดนตรีให้กับเพลง ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 ออกแบบมาให้สามารถใช้ ai ทำเพลง ได้ โดยมีวิธีการทำเพลงง่าย ๆ โดยเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์แล้วครีเอทแทร็คตามที่ต้องการได้เลย ซึ่งจะมีแนวเพลงให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย เรียกว่าเป็น เว็บแต่งเพลงภาษาอังกฤษ ที่ใช้งานง่ายมาก ๆ เพราะ AI จะเป็นตัวจัดการให้เกือบทั้งหมด เมื่อแต่งเสร็จแล้วสามารถดาวน์โหลดเพลงได้ฟรี 3 ครั้ง หลังจากนั้นจะมีค่าบริการ 

เทคนิคการเลือกใช้บริการ เว็บแต่งเพลง ให้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด

เว็บแต่งเพลง

เราจะเห็นได้ว่าเว็บไซต์แต่งเพลงแต่ละเว็บจะมีรูปแบบการใช้งานแตกต่างกันออกไป สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญในการแต่งเพลงก็สามารถเลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือและวิธีใช้งานที่ง่ายและสะดวกที่สุด หรือสำหรับใครที่ไม่ถนัดในการแต่งเพลงด้วยเว็บไซต์ก็สามารถเลือกใช้ แอพช่วยแต่งเพลง ในมือถือได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราใช้เว็บไซต์หรือโปรแกรมใดในการแต่งเพลง แต่อยู่ที่ว่าผลงานที่ได้นั้นตอบโจทย์เรามากแค่ไหน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
กราฟิก

แนะนำ 3 แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ ใช้งานง่าย ทำได้ด้วยตัวเอง 2023 

โลโก้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการออกแบบโลโก้จึงจำเป็นต้องใส่ใจในรายละเอียดมากเป็นพิเศษ สำหรับใครที่ต้องการสร้างโลโก้แบรนด์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ในปัจจุบันก็มีโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้กันมากมาย และบทความนี้เราก็จะมาแนะนำ 3 แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ออกแบบเองได้ไม่ยาก 

บอกต่อ 3 แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ ใช้ได้ทั้งมือใหม่และมือโปร

แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ

ปัจจุบันมือถือถูกพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายด้านมากขึ้น จึงทำให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นการออกแบบงานกราฟิก ต้องบอกว่า กราฟิกดีไซน์ คือ สิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองแล้ว ถึงแม้ว่าการใช้โปรแกรมบางอย่างอาจจะมีความซับซ้อน แต่ก็ยังมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถใช้งานบนมือถือได้ไม่ยาก สำหรับใครที่อยากออกแบบกราฟิกหรือออกแบบโลโก้ให้กับแบรนด์ตัวเอง วันนี้เรามี 3 แอปออกแบบโลโก้ บนมือถือ มานำเสนอด้วย 

แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ

Canva

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Canva เป็นแอพพลิเคชั่น ออกแบบ กราฟิกดีไซน์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งรองรับทั้งระบบ iOS และ Android สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ใน App Store หรือ Play Store ภายในแอปจะมีเท็มเพลตหรือรูปแบบสำเร็จของโลโก้ให้เลือกใช้มากมาย รวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ก็มีค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่ถ้าหากต้องการฟีเจอร์อื่น ๆ ก็สามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Pro ได้ แต่จะต้องเสียค่าบริการ 

แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ

Watercolor Logo Maker

อีกหนึ่งแอป กราฟิก ดีไซน์ พื้น หลัง กราฟิก ที่สามารถใช้ออกแบบโลโก้ได้ง่าย โดยจะมาในรูปแบบที่ให้เราระบายสีน้ำ ซึ่งต้องเลือกรูปทรงและใส่ข้อความด้วยตัวเอง ถือเป็นแอปออกแบบโลโก้ที่ให้พื้นที่กับทุกคนได้แสดงความสามารถและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ สำหรับเวอร์ชั่นฟรีจะมีลายน้ำติดมาด้วย ซึ่งต้องบันทึกไฟล์ JPG เท่านั้น หากต้องการเอาลายน้ำออกและบันทึกเป็นไฟล์ PNG ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม

แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ

Logo Maker – Create a Design

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอปเกี่ยวกับงาน กราฟิกดีไซน์ สวยๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ภายในแอปจะมีโลโก้ต่าง ๆ ที่ถูกแบ่งไว้ตามประเภทของร้าน ทำให้เราสามารถเลือกใช้งานได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การวาดเส้น หรือการเขียนข้อความก็ทำเองได้ง่าย ๆ สำหรับเวอร์ชั่นฟรีจะบันทึกโลโก้เป็นไฟล์ JPG และมีลายน้ำติดมาด้วย หากต้องการลบลายน้ำออกและบันทึกไฟล์เป็น PNG จะต้องเสียค่าบริการเพิ่ม

คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ เลือกอย่างไรดี

แอปออกแบบโลโก้บนมือถือ

อย่างที่ทราบกันว่าแอปสำหรับออกแบบโลโก้บนมือถือ ในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกใช้ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นการพิจารณาคุณสมบัติของแต่ละแอพพลิเคชั่นจึงมีความสำคัญ กราฟิก ดีไซเนอร์ คือ ผู้ที่ออกแบบงานกราฟิกต่าง ๆ และต้องมีความชำนาญในการใช้โปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นมากพอสมควร แต่สำหรับบุคคลทั่วไปที่อยากจะออกแบบ กราฟิก หรือโลโก้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องเลือกแอปที่มีวิธีการใช้งานง่าย และคุณสมบัติโดยรวมต้องตอบโจทย์มากที่สุด

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
มือใหม่

เทคนิคการ แต่งรูป Snapseed คุมโทน ทำได้ง่าย ได้ภาพสีสวยตามที่ต้องการ 

เมื่อพูดถึงแอพแต่งรูปยอดนิยม เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีความคุ้นเคยกับ Snapseed เป็นอย่างดี เพราะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแอพลิคชั่นแต่งรูปที่สามารถปรับแต่งได้ง่าย วิธีการใช้งานไม่ซับซ้อน ทำให้มือใหม่และมือโปรสามารถแต่งรูปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และที่สำคัญเราสามารถ แต่งรูป Snapseed ได้แบบฟรีอีกด้วย ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งใน iOS และ Android 

วิธีการ แต่งรูป Snapseed คุมโทนสีให้ดูเนียนตา

แต่งรูป Snapseed

แบ่งปันเทคนิคการแต่งรูปด้วยแอพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า “Snapseed” โดยจะเน้นการปรับแต่งโทนสีต่าง ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศของภาพตามความต้องการ เรียกได้ว่าเป็นการ แต่งภาพบุคคล Snapseed สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญก็สามารถนำเทคนิคที่จะแนะนำดังต่อไปนี้ไปทำตามและปรับแต่งตามความเหมาะสมได้เลย หากพร้อมแล้วเราไปดูกันว่าการ แต่งรูปSnapseed ด้วยโทนต่าง ๆ มีขั้นตอนอะไรบ้าง

แต่งรูป Snapseed

โทนธรรมชาติ

ก่อนอื่นให้เลือกรูปถ่ายที่มีต้นไม้สีเขียวและท้องฟ้า โดยจะเน้นปรับแต่งให้ท้องฟ้ามีความสดใสมากขึ้น เริ่มต้น แต่งรูป snapseed ธรรมชาติ ด้วยการกดไปที่เครื่องมือ “ปรับแต่งภาพ” ปรับความสว่าง +50, คอนทราสต์ -40, ความอิ่มตัว +30, บรรยากาศ +30, ไฮไลต์ -40, เงา +20 และความอบอุ่น +5 เสร็จกด “√” ต่อมาไปที่ “แปรง” > “ความอิ่มตัว” เลือกสัญลักษณ์รูปตา ระบายส่วนที่เป็นท้องฟ้าทั้งหมด ปรับให้ภาพดูสดใสขึ้น เสร็จแล้วกด “√” และไปที่ “ปรับเฉพาะส่วน” ปรับให้ใบหน้าและผิวของคนสว่างขึ้น

แต่งรูป Snapseed

โทนเกาหลี

เริ่มต้นด้วยการเลือกรูปโทนสีสว่าง เน้นให้มีสีขาวหรือสีครีมเป็นหลัก และปรับความคมชัด โดยกดไปที่ “รายละเอียด” จากนั้นปรับค่าโครงสร้าง +10 และความคมชัด +15 ต่อมากดไปที่เมนู “ปรับแต่งภาพ” ให้ตั้งความสว่าง +35, คอนทราสต์ +29, ความอิ่มตัว +10, บรรยากาศ +15, ไฮไลต์ +12, เงา +22 และความอบอุ่น +15 เสร็จแล้วปรับโทนสีด้วยเมนู “เส้นโค้ง” ปรับเส้น RGB เพิ่มความสว่าง จุดนี้สามารถปรับ แต่งรูป snapseed โทนเกาหลี ให้สว่างตามที่ต้องการได้เลย

แต่งรูป Snapseed

โทนคาเฟ่

สำหรับการ แต่งรูปโทน คาเฟ่ Snapseed ให้เลือกรูปที่ถ่ายในคาเฟ่ โดยจะแต่งออกมาในสไตล์มินิมอล เมื่อเลือกรูปเสร็จแล้วให้กดไปที่ “รายละเอียด” จากนั้นปรับโครงสร้าง +45 และความคมชัด +32 ต่อมากดไปที่เมนู “ปรับแต่งรูป” ตั้งค่าความสว่าง +54, คอนทราสต์ +32, ความอิ่มตัว -10, บรรยากาศ 36, ไฮไลต์ +25, เงา -16 และความอบอุ่น +10 บรรยากาศและโทนสีสว่างจะทำให้ภาพดูคลีนมากขึ้น ต่อมาปรับ “ไวท์บาลานซ์” ลดอุณหภูมิ -5 ตามด้วย “เส้นโค้ง” จากนั้นปรับเส้น RGB ให้ภาพสว่างตามที่ต้องการ

แต่งรูป Snapseed

โทนดาร์ก

เลือกรูปแนวดาร์ก ๆ จากนั้นเข้าไปที่เมนู “รายละเอียด” ปรับโครงสร้าง -50 และความคมชัด +25 ต่อมากดไปที่เมนู “ปรับแต่งภาพ” ตั้งค่าความสว่าง -50, คอนทราสต์ +40, ความอิ่มตัว +10, บรรยากาศ -39, ไฮไลต์ +30, เงา -30 และความอบอุ่น -30 จากนั้นไปที่ “ไวท์บาลานซ์” ลดค่าอุณหภูมิ -10 เพื่อให้รูปภาพออกแนวดาร์ก ๆ โทนสีน้ำเงิน นอกจากนี้สามารถปรับ แต่งรูป snapseedโทนดาร์ก เพิ่มเติมตามความต้องการได้เลย 

คำแนะนำสำหรับมือใหม่เพิ่งหัดแต่งรูป Snapseed

แต่งรูป Snapseed

เทคนิคการแต่งรูปโทนต่าง ๆ ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้รูปภาพของคุณมีความสวยงามตามสไตล์ที่ต้องการ แต่ทั้งนี้การปรับแต่งโทนต่าง ๆ อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เนื่องจากแต่ละรูปภาพมีลักษณะและองค์ประกอบ รวมถึงโทนสีที่ไม่เหมือนกัน 100% เพราะฉะนั้นเมื่อแต่งรูปใน Snapseed ตามเทคนิคข้างต้นแล้ว สามารถปรับแต่งเองเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รูปภาพตามความต้องการได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
เทคนิค

เรียนรู้ พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพลิเคชั่น InShot ในโทรศัพท์มือถือ 

หากพูดถึงแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอ ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้มีให้เลือกใช้กันอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งจะมีทั้งแบบใช้ฟรีและเสียเงิน สำหรับวันนี้เราขอแนะนำแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอที่มีชื่อว่า “InShot” ซึ่งถือเป็นแอพตัดต่อวิดีโอที่ใครหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะใช้งานง่ายและมีลูกเล่นต่าง ๆ ที่สามารถแต่งวิดีโอได้ไม่ยาก บทความนี้เราจะสอน พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพ InShot แบบง่าย ๆ ที่มือใหม่ทำตามได้ไม่ยาก 

ขั้นตอนการเรียนรู้ พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ จากแอพ InShot

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ

อย่างที่ทราบกันดีว่า InShot เป็นแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอที่สามารถใช้งานได้ง่าย แถมยังใช้งานได้ฟรีอีกด้วย แต่ทว่าฟังก์ชั่นบางอย่างนั้นต้องเสียเงิน สำหรับใครที่สงสัยว่า การตัดต่อวิดีโอ คืออะไร วันนี้เราจะมาให้คำตอบกับคุณโดยการสอนเทคนิคการตัดต่อวิดีโอด้วยแอพ InShot ซึ่งบทความนี้จะให้มือใหม่ได้เรียนรู้ พื้นฐานตัดต่อวิดีโอ แบบง่าย ๆ ที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน และจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง มาดูกันเลย 

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มไฟล์วิดีโอและปรับองค์ประกอบพื้นฐาน

เมื่อกดเข้ามาในแอพ InShot แล้วให้เลือกเมนู “วิดีโอ” จากนั้นกดที่ “ใหม่ (+)” และเลือกวิดีโอหรือรูปภาพที่ต้องการจะตัดต่อได้เลย เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้กด “√” ต่อมาจะเริ่มเข้าสู่ ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอ โดยเลือกปรับขนาดของวิดีโอก่อน กดที่เมนู “ผ้าใบ” จากนั้นเลือกขนาดแนวตั้งหรือแนวนอนตามที่ต้องการ ในกรณีที่จะปรับระดับของการเล่นวิดีโอก็สามารถกดเลือก “ความเร็ว” และปรับความเร็ววิดีโอตามที่ต้องการได้เลย

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มลูกเล่นให้กับวิดีโอ

เราจะเริ่ม สอนตัดต่อวีดีโอในโทรศัพท์ ด้วยการเพิ่มลูกเล่น ซึ่งใน InShot จะมีสติกเกอร์ ข้อความ และพื้นหลัง สำหรับการใส่สติกเกอร์ให้กดที่เมนู “สติกเกอร์” เลือกแบบที่ต้องการแล้วกด “√”, การเพิ่มข้อความให้กด “ข้อความ” แล้วพิมพ์ข้อความลงไป เลือกฟอนต์ สีและขนาดตามที่ต้องการ เสร็จแล้วกด “√” ส่วนเมนู “พื้นหลัง” จะมีแบบเบลอ สี ไล่สี และลาย สามารถเลือกแบบที่ชอบและกด “√”

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การเพิ่มเพลงและเอฟเฟกต์

หากต้องการใส่เพลงหรือเอฟเฟกต์ให้กับวิดีโอสามารถกดไปที่เมนู “เพลง” โดยจะมีตัวเลือก “เพลง”, “เอฟเฟก” และ “บันทึก” ปรากฏขึ้นมา หากจะเพิ่มเพลงก็ให้กดที่ “เพลง” และเลือกเพลงที่มีให้ หรือจะ Import เพลงในมือถือด้วยตัวเลือก “เพลงของฉัน” ก็ได้ ส่วนใครที่อยากจะอัดเสียงลงไปในวิดีโอก็ให้กดที่ตัวเลือก “บันทึก” ได้เลย เสร็จแล้วกด “√” สำหรับระดับเสียงสามารถปรับที่ “ปริมาณ” ได้

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ
  1. การบันทึกไฟล์วิดีโอ

หลังจาก สอน ตัดต่อ วีดีโอ มือใหม่ เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการบันทึกไฟล์หรือบันทึกวิดีโอที่ได้ตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มต้นด้วยการกดที่คำสั่ง “บันทึก” ซึ่งอยู่ด้านขวาบนของหน้าจอ จากนั้นเลือกความละเอียดของภาพ, เฟรมเรต และขนาดโดยประมาณของวิดีโอได้เลย เสร็จแล้วกด “บันทึก” หลังจากนั้นเมื่อดาวน์โหลดจนครบ 100% แล้วจะได้วิดีโอที่ตัดต่อตามที่ต้องการ 

พื้นฐานตัดต่อวิดีโอ วิธีลบลายน้ำ InShot ได้แบบง่าย ๆ แบบไม่ต้องเสียเงิน

พื้นฐาน ตัดต่อวิดีโอ

แอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอ ฟรีมักจะมีลายน้ำติดมาด้วย เช่นเดียวกับ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ อย่าง InShot ในกรณีที่ต้องการลบลายของ InShot ออก สามารถแตะที่ลายน้ำแล้วกดเครื่องหมายกากบาทเพื่อลบลายน้ำออก หลังจากนั้นกดตัวเลือก “ลบฟรี” ต่อมาจะมีโฆษณาปรากฏขึ้น ให้รอโฆษณาเล่นจนครบตามเวลาที่กำหนด เสร็จแล้วปิดด้วยปุ่มกากบาทที่อยู่มุมขวาบนได้เลย เพียงเท่านี้ลายน้ำของ InShot ก็จะหายไปแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
เสียง

เทคนิคการ แทรกเสียงใน powerpoint แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มือใหม่ทำได้ไม่ยาก 

PowerPointเป็นโปรแกรมนำเสนอในชุดโปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ซึ่งสามารถใช้งานบน PC, Mac รวมถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้เราได้สร้างผลงานนำเสนอ ภายในโปรแกรมจะมีเท็มเพลตและองค์ประกอบอื่น ๆ ให้เลือกใช้งาน เราสามารถเพิ่มข้อความ รูปภาพ และวิดีโอลงไปได้ โดยรวมถือว่าใช้งานง่าย แต่ทว่าการเพิ่มเสียงหรือ แทรกเสียงใน powerpoint นั้น เป็นสิ่งที่มือใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ขั้นตอนและวิธีการ แทรกเสียงใน powerpoint ง่าย ๆ

แทรกเสียงใน powerpoint

สำหรับมือใหม่หรือใครก็ตามที่ยังไม่รู้วิธีการ ทําpowerpoint เป็นวีดีโอ มีเสียง บทความนี้จะมาสอนขั้นตอนและวิธีการแทรกเสียงในโปรแกรม PowerPoint บอกเลยว่าวิธีการทำนั้นไม่ยากเลย แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอน แนะนำให้สร้างผลงานนำเสนอที่ต้องการจะ แทรกเสียง ใน powerpoint ก่อน และควรเตรียมเพลงหรือเสียงดนตรีที่จะใช้เพิ่มเข้าไปในงานนำเสนอให้พร้อมด้วย เสร็จแล้วมาดูกันว่าการแทรกเสียงต้องทำอย่างไรบ้าง 

แทรกเสียงใน powerpoint

ขั้นตอนที่ 1

ขั้นตอนแรกเปิด PowerPoint ที่ต้องการจะทำการแทรกเสียง จากนั้นคลิกที่แถบ “แทรก” เลือก “เสียง” > “เสียงบนพีซีของฉัน” ต่อมาเลือก เสียงดนตรีใส่ powerpoint หรือเสียงอื่น ๆ ที่ต้องการ จากนั้นคลิก “แทรก” จะสังเกตเห็นรูปลำโพงปรากฏขึ้น ให้จัดวางไว้ในตำแหน่งด้านขวาบน ต่อมาคลิกรูปลำโพง ตามด้วยคลิก “เล่นแบบเบื้องหลัง” หลังจากนั้นพาวเวอร์พอยต์จะทำการเซ็ตค่าให้อัตโนมัติ ซึ่งเสียงพื้นหลังอาจดังกว่าเสียงบันทึก เพราะฉะนั้นให้ตั้งค่าที่ “ระดับเสียง” เลือก “เบา”

แทรกเสียงใน powerpoint

ขั้นตอนที่ 2

กรณีที่เราตั้งค่าการเล่นเท่านั้น แต่ไม่ได้ตั้งค่าภาพเคลื่อนไหว เสียงพื้นหลังและเสียงอื่น ๆ จะไม่เล่นพร้อมกับสไลด์ ซึ่งจะมีปัญหาในตอนแทรกเสียงพื้นหลังที่ใส่เอฟเฟกต์หรือลูกเล่นต่าง ๆ เพราะมันจะไม่เล่นพร้อมกันนั่นเอง ฉะนั้นเมื่อ ใส่เพลงใน powerpoint เล่นต่อเนื่อง แล้วให้ตั้งค่าโดยการคลิกที่แถบ “ภาพเคลื่อนไหว” > ▷ เริ่ม: เลือก “พร้อมก่อนหน้านี้” เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เสียงดังกล่าวเล่นพร้อมกับสไลด์พาวเวอร์พอยต์แล้ว

แทรกเสียงใน powerpoint

ขั้นตอนที่ 3

เมื่อแทรกเสียงพื้นหลังเสร็จแล้ว เรายังสามารถ โหลดเสียงใส่powerpointฟรี ในแต่ละสไลด์ได้ด้วย โดยคลิกที่สไลด์ที่ต้องการแทรกเสียง จากนั้นคลิกแถบ “แทรก” เลือก “เสียง” > “เสียงบนพีซีของฉัน” และเลือกเสียงที่บันทึกไว้ ข้อแนะนำในการบันทึกเสียง คือ เมื่อนำมาใช้กับพาวเวอร์พอยต์ให้บันทึกทีละสไลด์เพื่อให้ง่ายต่อการแทรกเสียง และควรบันทึกชื่อไฟล์เป็นชื่อของสไลด์นั้น ๆ ที่ต้องการจะแทรกเสียง และเมื่อคลิกเลือกเสียงแล้ว ต่อมาคลิก “แทรก” จะมีรูปลำโพงปรากฏขึ้นมา ให้จัดวางไว้ด้านขวาบน

แทรกเสียงใน powerpoint

ขั้นตอนที่ 4

ต่อมาไปตั้งค่าที่ ▷ ตอนต้น: เลือก “อัตโนมัติ” จากนั้นคลิก “√” ในช่องซ่อนระหว่างการนำเสนอ ซึ่งถ้าหากไม่ตั้งค่าจะทำให้รูปลำโพงปรากฏขึ้นบนหน้าจอ หลังจากนั้นคลิกแถบ “ภาพเคลื่อนไหว” ไปที่ ▷ เริ่ม: เลือก “พร้อมก่อนหน้านี้” เพียงเท่านี้ก็จะได้เสียงที่เราอัดเพื่อนำมาใช้กับพาวเวอร์พอยต์แล้ว เสร็จแล้วลองกดเล่นสไลด์ดู สำหรับใครที่ อัดเสียง ใน PowerPoint แล้ว ไม่มี เสียง สามารถอัดเสียงในโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นในมือถือแล้วนำไฟล์ดังกล่าวมาแทรกทีหลังได้

แนะนำเทคนิคการปรับเสียง แทรกเสียงใน powerpoint ให้เบาลง

แทรกเสียงใน powerpoint

นอกจากขั้นตอนและวิธีการแทรกเสียงโปรแกรม powerpoint ที่กล่าวมาข้างต้น เรามีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับมือใหม่ด้วย โดยในกรณีที่เสียงพื้นหลังดังเกินไป เราสามารถปรับเสียงให้เบาลงได้ในโปรแกรมอื่น ๆ เพราะพาวเวอร์พอยต์สามารถปรับได้เพียงเท่านี้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมอัดเสียงเข้ามาช่วยในการปรับเสียงให้เบาลง จากนั้นค่อยแทรก ไฟล์เสียง powerpoint เข้าไปในโปรแกรมทีหลัง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
กราฟิก

วิธี ออกแบบโลโก้ออนไลน์ สำหรับคนขายชานมกาแฟ โดยใช้โปรแกรม Canva 

Canva เป็นโปรแกรมออกแบบกราฟิกออนไลน์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยในโปรแกรมนี้จะมี Infographic Template รูปแบบต่าง ๆ ให้เราสามารถเลือกใช้ในการออกแบบโลโก้และภาพกราฟิกต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย สำหรับมือใหม่หรือใครที่ขายของแล้วอยากจะมีโลโก้สวย ๆ เป็นของตัวเอง สามารถ ออกแบบโลโก้ออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Canva ได้เลย ซึ่งบทความนี้เราจะแนะนำวิธีออกแบบโลโก้สำหรับสินค้าประเภทชานมและกาแฟ 

ขั้นตอนการ ออกแบบโลโก้ออนไลน์ สำหรับสินค้าในโปรแกรม Canva

ออกแบบโลโก้ออนไลน์

หลายคนอาจสงสัยว่า อินโฟกราฟิก คืออะไร และเกี่ยวกับการออกแบบโลโก้อย่างไร ต้องบอกว่า Canva เป็นโปรแกรมออกแบบกราฟิกที่มีอินโฟกราฟิกเท็มเพลตให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ซึ่งสามารถใช้งานและ โหลดอินโฟกราฟิก ฟรี แต่ในกรณีที่อยากได้ฟีเจอร์หรือลูกเล่นอื่น ๆ เพิ่มเติมจะต้องเสียเงิน ซึ่งสามารถใช้ ออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ได้ง่าย ๆ โดยการเข้าไปในโปรแกรมแล้วลงทะเบียนหรือล็อกอิน 

ออกแบบโลโก้ออนไลน์

การออกแบบโลโก้ด้วยตัวอย่างเทมเพลต

กดเมนู “สร้างดีไซน์” > “โลโก้ 500 x 500 พิกเซล” เลือก ตัวอย่างอินโฟกราฟิก หรือโลโก้ที่เมนู “เท็มเพลต” พิมพ์คีย์เวิร์ดคำว่ากาแฟหรือชานมในช่องค้นหาและเลือกรูปแบบที่ต้องการ คลิกที่ตัวอักษรภายในรูปภาพเท็มเพลตที่เลือกมาเพื่อเปลี่ยนข้อความ จากนั้นคลิกที่ “Open Sauce Semibold Font” แล้วเลือกฟอนต์ที่ชอบ ส่วนการเลือกสีตัวอักษรจะอยู่ด้านบน ต่อมาจัดองค์ประกอบให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ นอกจากนี้สามารถเลือกใส่องค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเข้าไปได้ เช่น รูปกาแฟ เมล็ดกาแฟ หรือชานมไข่มุก รวมถึงช่องทางการติดต่อ 

ออกแบบโลโก้ออนไลน์

การออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

คลิกที่ “สร้างดีไซน์” > “โลโก้ 500 x 500 พิกเซล” คลิกที่ “องค์ประกอบ” เลือกรูปทรงของโลโก้ที่จะใช้ ต่อมาพิมพ์คีย์เวิร์ดคำว่า “กาแฟ” หรือ “ชานม” เลือกรูปกาแฟหรือชานมที่ชอบ จัดวางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ หากจะใส่ข้อความให้คลิกที่ “ข้อความ” แล้วพิมพ์ชื่อแบรนด์และข้อมูลอื่น ๆ ลงไป โดยสามารถเปลี่ยนฟอนต์ที่เมนูด้านบน ส่วนการใส่เอฟเฟกต์ข้อความให้คลิกที่ “เอฟเฟกต์” และเลือกเอฟเฟกต์ตามต้องการ สุดท้ายใส่โลโก้ Facebook, Line และเบอร์ติดต่อตามรูปแบบ อินโฟกราฟิก เทคโนโลยี ที่ต้องการได้เลย

วิธีการบันทึกภาพโลโก้หลังจาก ออกแบบโลโก้ออนไลน์ และปรับแต่งเสร็จแล้ว

ออกแบบโลโก้ออนไลน์

เมื่อออกแบบโลโก้เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการบันทึกไฟล์ โดยมีวิธีบันทึกง่าย ๆ ด้วยการคลิกที่ปุ่ม “แชร์” ที่อยู่ทางด้านบนขวา ต่อมาคลิก “ดาวน์โหลด” จากนั้นมาเลือกนามสกุลหรือประเภทไฟล์ ซึ่งเราแนะนำให้เลือกประเภทไฟล์เป็น PNG หรือ JPG ก็ได้ เสร็จแล้วปรับขนาดตามความต้องการ และคลิก “√” ที่ช่องแบ็คกราวน์โปร่งใส ถัดมาให้คลิกที่ “ดาวน์โหลด” เพียงเท่านี้เราก็จะได้โลโก้ฉลากสินค้าเพื่อใช้ขายกาแฟและชานมตามที่ต้องการแล้ว ซึ่งโปรแกรม Canva จะบอกได้ว่า อินโฟกราฟิก ประกอบด้วยอะไรบ้าง นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
มือใหม่

เรียนรู้พื้นฐานการ แต่งรูป Photoshop มือใหม่ เบื้องต้น ฉบับเริ่มต้น 2023 

หากพูดถึง Photoshop แล้ว ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งมีการใช้งานมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว เนื่องจากมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน แทบจะครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ สำหรับบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักหรือเรียนรู้พื้นฐานการ แต่งรูป Photoshop มือใหม่ เพื่อเตรียมตัวก่อนใช้งานจริง ซึ่งจะเป็นการอธิบายกระบวนการต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ เพื่อให้มือใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น 

ขั้นตอนการ แต่งรูป Photoshop มือใหม่ แบบพื้นฐาน ก่อนการใช้งานจริง

แต่งรูป Photoshop มือใหม่

เชื่อว่ามีหลายคนที่ยังไม่ชำนาญกับการแต่งรูปด้วยโปรแกรม Photoshop เราจึงอยากชวนผู้ที่เป็นมือใหม่มาปรับพื้นฐานการใช้งาน Photoshop เบื้องต้นก่อน โดยบทความนี้จะไม่ได้มาสอนหรืออธิบาย วิธี แต่ง ภาพ photoshop ตัดต่อภาพ แบบละเอียด แต่จะเป็นการอธิบายถึงกระบวนการต่าง ๆ ในการ แต่งรูป Photoshopมือใหม่ ว่ามีวิธีใช้งานเบื้องต้นอย่างไรบ้าง เพื่อให้มือใหม่ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนจะลงมือแต่งรูปด้วยตัวเอง 

แต่งรูป Photoshop มือใหม่

การนำเข้ารูป

ขั้นตอนแรกสอนแต่งรูป photoshop ขั้นเทพ ไปที่โฟลเดอร์ ดึงไฟล์รูปภาพที่ต้องการแต่งไปวางใน Photoshop สำหรับการซูมเข้า-ออก สามารถทำได้โดยกด Alt ค้างไว้ จากนั้นใช้เมาส์ซูมเข้า-ออก หากจะเลื่อนซ้าย-ขวา กด Ctrl และเลื่อน Scroll Mouse หรือถ้าต้องการกลับมาใช้ขนาดเท่าเดิมให้กด Ctrl + 0 จะได้ขนาดปกติ เมื่อนำรูปเข้ามาแล้วจะสังเกตเห็นเส้นสีฟ้า เราสามารถขยายให้พอดีได้ หากต้องการขยายให้อยู่กึ่งกลางสามารถกด Alt ค้างไว้แล้วขยายให้เต็มเฟรม เสร็จแล้วกด Enter หากจะปรับขนาดใหม่กด Ctrl + T

แต่งรูป Photoshop มือใหม่

การใส่ข้อความและเอฟเฟกต์

วิธีใส่ข้อความเพื่อ แต่งภาพ photoshop อาร์ตๆ ให้คลิกที่เครื่องมือ Text ที่มีสัญลักษณ์เป็นตัว T จากนั้นเลือกตำแหน่งที่จะใส่ข้อความลงในรูปภาพ ต่อมาพิมพ์ข้อความที่ต้องการ ในกรณีที่จะปรับ Scale ขนาดฟอนต์ ให้กดดับเบิลคลิกที่เลเยอร์ของภาพ จากนั้นเลือกฟอนต์จากเมนูด้านบน สำหรับการเปลี่ยนสีฟอนต์ให้กดเลือกที่แถบสีด้านบนเช่นกัน ส่วนการ แต่งรูป photoshop โทน โดยใส่เอฟเฟกต์ให้คลิก Fx ในแถบล่างถัดจากเลเยอร์ ต่อมาเลือกเอฟเฟกต์ที่ต้องการ ตามด้วยสี และคลิก OK 

แต่งรูป Photoshop มือใหม่

การบันทึกไฟล์

เมื่อ แต่งภาพ photoshop สีสดใส ในแบบที่ต้องการแล้ว สามารถบันทึกไฟล์โดยกด Ctrl + S หรือจะคลิกที่ File > Save ก็ได้ สำหรับผู้ที่สมัครใช้งาน Creative Cloud สามารถบันทึกไฟล์ไว้ใน Cloud ได้เลย ซึ่งสามารถนำไปใช้งานต่อในเครื่องอื่นโดยการล็อกอินบัญชี Adobe และดึงงานไปแก้ไขเพิ่มตามที่ต้องการ สำหรับการบันทึกไฟล์ หลังจากกด Save ให้พิมพ์ชื่อไฟล์ และกด Save หรือ On your computer ก็ได้ ต่อมาจะมีหน้าต่างโฟลเดอร์ปรากฏขึ้น ให้ตั้งชื่อและเลือกนามสกุลไฟล์ และคลิก Save > OK

คำแนะนำสำหรับการ แต่งรูป Photoshop มือใหม่ ที่เพิ่งใช้งาน 

แต่งรูป Photoshop มือใหม่

สำหรับการ แต่งภาพ photoshop ให้คมชัด ถ้าเป็นไปได้ในระหว่างการแต่งรูปควรฝึกนิสัยในการกด “Save” งานอย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้งานถึง 10 นาที แล้วกดบันทึกไฟล์เป็นระยะ ๆ โดยสามารถบันทึกไฟล์ด้วยการกด Ctrl + S เพราะในระหว่างการทำงานอยู่นั้นอาจเกิดข้อผิดพลาดจนทำให้งานหายได้ โดยเฉพาะการใช้ โปรแกรมแต่งรูป photoshop ฟรี ในการตัดต่อหรือแต่งรูปเป็นเวลานาน โอกาสที่โปรแกรมจะ Error ก็มีมากขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

Categories
มือใหม่

เทคนิคการใช้ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut ขั้นพื้นฐาน ฉบับมือใหม่เพิ่งเริ่มต้น 

CapCut เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอยอดฮิตที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่ม Tiktoker และ Youtuber ทั้งหลายที่ทำคลิปอยู่เป็นประจำ มักจะใช้ CapCut ในการตัดต่อวิดีโอ เพราะถือเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย และสามารถใช้ได้ทั้งในสมาร์ทโฟน Android และ iOS รวมถึงใช้งานบน PC บทความนี้ขอแนะนำเทคนิคการใช้งาน โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut มาดูกันว่าเราจะตัดต่อวิดีโอได้อย่างไรกันบ้าง 

ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอด้วย โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut บนคอมพิวเตอร์

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut

หากพูดถึงขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรม CapCut ต้องบอกก่อนว่านอกจากจะสามารถใช้งานในมือถือได้อย่างสะดวกแล้ว การใช้งานในคอมพิวเตอร์ก็ง่ายเช่นเดียวกัน เนื่องจากตัวโปรแกรมถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะใช้ capcut ในโน๊ตบุ๊ค หรือในคอมพิวเตอร์ก็จะไม่ยุ่งยาก สำหรับมือใหม่ที่อยากจะทำคลิปลงโซเชียลด้วยตัวเอง โปรแกรมตัดต่อวิดีโอcapcut ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว มาดูกันว่าจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง 

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การติดตั้งโปรแกรม

ขั้นตอนแรกเสิร์ชคำว่า “CapCut” ใน Google จากนั้นคลิกไปที่ลิงค์แรกที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ต่อมาเลื่อนลงด้านล่างแล้วคลิกที่ “Download for Windows” หลังจากดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ทำการติดตั้งโดยคลิกที่ไฟล์ ตามด้วย “Agree” และ “Install now” เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว คลิก “Start now” จากนั้นเริ่มตัดต่อวิดีโอในโปรแกรม capcut ตามความต้องการได้เลย ซึ่งสามารถใช้งาน CapCut download PC Windows 10 ได้เช่นกัน 

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การตัดต่อวิดีโอ

เมื่อเข้าสู่โปรแกรมแล้ว คลิก “Start creating” > “Import” ลากไฟล์วิดีโอลงช่องไทม์ไลน์ จากนั้นเลือกใช้ฟีเจอร์พื้นฐานต่าง ๆ ของโปรแกรม capcutดาวน์โหลดฟรี ไม่ว่าจะเป็น Audio (สำหรับเพิ่มเสียงหรือเพลง), Text (สำหรับใส่ข้อความ), Stickers (สำหรับใส่สติกเกอร์), Effects (สำหรับเพิ่มเอฟเฟกต์ต่าง ๆ), Transitions (การเชื่อมต่อระหว่างคลิป), Filters (สำหรับใส่ฟิลเตอร์) และ Adjustment (การปรับแต่งสำหรับมืออาชีพ) 

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut
  1. การบันทึกไฟล์

หลังจากตัดต่อวิดีโอเสร็จแล้ว คลิกที่คำสั่งด้านขวาบนที่ชื่อว่า “Export” แล้วตั้งชื่อไฟล์ตามความต้องการ จากนั้นปรับการตั้งค่าและคลิกที่ “Export” เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วสามารถแชร์วิดีโอดังกล่าวลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตามที่ต้องการได้เลย หรือในกรณีที่ไม่ต้องการแชร์วิดีโอก็ให้คลิกคำสั่ง “OK” เพียงเท่านี้ก็จะได้วิดีโอ capcut ตัดต่อ สำหรับใช้งานในขั้นตอนต่อไปแล้ว 

How to ดูคีย์ลัดของโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut ใช้งานได้สะดวกขึ้น

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ capcut

โปรแกรมตัดต่อภาพหรือตัดต่อวิดีโอมักจะออกแบบมาให้มีคีย์ลัดเพื่อการใช้งานที่สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับโปรแกรม CapCut ที่มีคีย์ลัดให้ใช้งาน ซึ่งคีย์ลัดของโปรแกรม แอพตัดต่อวิดีโอ capcut อาจแตกต่างจากโปรแกรมอื่น ๆ เราสามารถดูคีย์ลัดได้จากเมนูด้านขวาบนของหน้าจอที่ชื่อว่า “Shortcut” ซึ่งอยู่ใกล้กับเมนู “Export” เมื่อคลิกเข้าไปจะแสดงคีย์ลัดต่าง ๆ ของโปรแกรม ซึ่งจะช่วยให้เราตัดต่อวิดีโอได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
เสียง

เทคนิคการ แทรกเสียงใน canva เพื่อใช้ในงานนำเสนอบนคอมพิวเตอร์ 

การแทรกเสียงเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กับงานนำเสนอหรือวิดีโอต่าง ๆ ที่ต้องมีเสียงเป็นองค์ประกอบเพื่ออธิบายถึงเรื่องราวที่ต้องการจะสื่อสารกับผู้คนให้เข้าใจ โดยการแทรกเสียงลงในคลิปวิดีโอนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ในโปรแกรม Canva เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่หลายคนจะนิยมใช้กัน สำหรับใครที่ต้องการจะ แทรกเสียงใน canva เข้ากับงานนำเสนอหรือวิดีโอต่าง ๆ มาดูกันว่าจะทำได้อย่างไร 

ขั้นตอนการ แทรกเสียงใน canva สำหรับวิดีโอนำเสนอจาก YouTube

แทรกเสียงใน canva

หากใครที่สร้างวิดีโอหรืองานนำเสนอต่าง ๆ ใน canva ไม่มีเสียง สามารถใช้เทคนิคการแทรกเสียงโดยเพิ่มเสียงเพลงและเสียงพูดเข้าไปได้ สำหรับบทความนี้ขอแนะนำเทคนิคการ แทรกเสียงในcanva เพื่อเป็นองค์ประกอบในวิดีโอและงานนำเสนอ ซึ่งเสียงดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือเสียงพูดอธิบาย จะช่วยเพิ่มอรรถรสและความเข้าใจให้กับคนดูได้ มาดูกันว่าการแทรกเสียงด้วยโปรแกรม Canva จะมีขั้นตอนอะไรบ้าง 

แทรกเสียงใน canva

การดาวน์โหลดวิดีโอเข้าในคอมพิวเตอร์

ขั้นตอนแรกก่อนจะ ใส่ YouTube ใน Canva ให้เข้าไปใน YouTube แล้วค้นหาวิดีโอที่ชอบ หลังจากนั้นคลิกเล่นวิดีโอ สังเกตที่ลิงก์ด้านบน โดยให้ลบคำที่อยู่หน้าตัว y (youtube) ออกให้หมดแล้วพิมพ์ “ss” แทน เสร็จแล้วกด Enter ต่อมาจะเข้าสู่เว็บไซต์ที่สามารถดาวน์โหลดคลิปได้ ให้คลิกที่ “ดาวน์โหลด” ซึ่งไฟล์จะถูกบันทึกไว้ในโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า “Download” เราสามารถย้ายวิดีโอไปไว้ในโฟลเดอร์อื่นเพื่อให้หาง่ายขึ้นได้

แทรกเสียงใน canva

การอัปโหลดและปรับแต่งวิดีโอ

เข้าสู่หน้าโปรแกรม Canva คลิกที่เมนู “อัปโหลด” > “อัปโหลดสื่อ” เลือกไฟล์วิดีโอในโฟลเดอร์แล้วคลิก “Open” เมื่ออัปโหลดเสร็จแล้วให้ลากวิดีโอไปไว้ในสไลด์ canva แทรกไฟล์วิดีโอทีละสไลด์ และปรับย่อขนาดตามที่ต้องการ หากจะครอบตัดวิดีโอสามารถดับเบิลคลิกแล้วกดไปที่เครื่องมือรูปกรรไกร ตัดคลิปตามที่ต้องการแล้วคลิก “เสร็จแล้ว” หากจะตกแต่งวิดีโอด้วยรูปภาพก็ให้คลิกที่ “องค์ประกอบ” > “กราฟิก” และเลือกไอคอนมาใช้ได้เลย หรือหากต้องการพื้นหลังใหม่ก็สามารถเข้าไปเลือกใน “แม่แบบ” ได้

แทรกเสียงใน canva

การแทรกเสียง

การแทรกยูทูบในลิงก์ไอคอนยูทูบของ Canva ให้คลิกที่ “เพิ่มเติม” > “YouTube” ติดตั้งให้เรียบร้อยแล้วจะมีสัญลักษณ์ YouTube ปรากฏขึ้นมาด้านซ้าย ต่อมากดค้นหาวิดีโอที่ต้องการใช้แล้วคลิกลงในสไลด์ ซึ่งสามารถปรับขนาดให้พอดี ส่วนการแทรกเสียงลงไปให้คลิกที่เมนู “เสียง” และค้นหาเพลงหรือเสียงที่ต้องการได้เลย หากจะใช้ให้คลิกลากลงไปที่สไลด์ ทั้งนี้หากใครสงสัยว่า canva แทรกไฟล์เสียง mp3 ได้ไหม ต้องบอกว่า Canva จะมีข้อจำกัดในการแทรกเสียง โดยจะไม่สามารถแทรกเสียงเพลงทับซ้อนกันได้

แทรกเสียงใน canva

การใส่เสียงพูดประกอบวิดีโอ

ในกรณีที่ต้องการจะใส่เสียงพูดประกอบลงไปด้วยก็จะมีเทคนิคง่าย ๆ คือ ให้คลิกไปที่เมนู “อัปโหลด” > “บันทึกตัวคุณเอง” สำหรับ วิธีอัดเสียงใน canva จะสังเกตเห็นว่ามุมขวาบนจะมีปุ่มสีแดงสำหรับบันทึกเสียง สามารถกดแล้วอัดเสียงได้เลย เสร็จแล้วคลิก “บันทึกและเสร็จสิ้น” ตามด้วย “บันทึกและกลับไปยังการแก้ไข” เพียงเท่านี้ก็จะได้คลิป canva ใส่เสียงพูด หรือเสียงที่บันทึกเมื่อสักครู่ ต่อมาปรับย่อขนาดให้เล็กลงได้เลย

แทรกเสียงใน canva

การซ่อนคลิปเสียงและบันทึกไฟล์

สำหรับการซ่อนคลิปเสียง ให้คลิกปุ่มที่ 2 (โปร่งใส) ซึ่งอยู่ด้านขวาบนใกล้กับคำว่า “ตำแหน่ง” ให้ปรับค่าโปร่งใสเป็น (0) จากนั้นคลิปวิดีโอที่เป็นเสียงบันทึกก็จะถูกซ่อนไว้ เสร็จแล้วลองกดพรีวิวเพื่อเช็คความเรียบร้อย หลังจากนั้นสามารถบันทึกงานได้ที่จุด 3 จุดในมุมขวาบนของ Canva ต่อมาคลิก “ดาวน์โหลด” สำหรับประเภทไฟล์ให้เลือก MP4 และช่องเลือกหน้าให้เลือกทุกหน้าได้เลย เสร็จแล้วกด “ดาวน์โหลด” เพียงเท่านี้ก็จะได้คลิปวิดีโอที่มีเสียงประกอบตามที่ต้องการแล้ว 

เคล็ดลับในการโหลดเพลง แทรกเสียงใน canva ให้ง่ายและรวดเร็ว

แทรกเสียงใน canva

ในกรณีที่ต้องการจะโหลดเพลงหรือเพิ่มเพลงลงในวิดีโอบน Canva เราจำเป็นต้องเตรียมคลิปเสียงไว้ล่วงหน้า โดยเพลงหรือเสียงจะต้องผ่านการดาวน์โหลดและบันทึกไว้ในโฟลเดอร์ที่หาง่ายที่สุด เพื่อให้เวลาจะนำไปใช้งานจะช่วยให้เราค้นหาคลิปเสียงได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถอัปโหลดเพลงหรือเสียงที่เตรียมไว้ไปยังแพลตฟอร์มได้ด้วย หลังจากนั้นก็สามารถแทรกเสียงใน canva ได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/