Categories
เสียง

วิธีใส่เพลงในวิดีโอง่าย ๆ ด้วยโปรแกรม VideoStudio

คุณรู้หรือไม่? ว่ากระบวนการตัดต่อวิดีโอที่สมบูรณ์แบบนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือวิธีใส่เพลงประกอบวิดีโอ เนื่องจากเสียงเพลงประกอบวิดีโอนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ชม ซึ่งเสียงเพลงถือเป็นตัวกำหนดมู้ดและโทนของวิดีโอได้ เช่น วิดีโอโฆษณาที่เรามักจะได้ยินเสียงคำบรรยาย เสียงเพลงประกอบ และเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างชัดเจนทั้งตื่นเต้น สนุก เศร้า ดีใจ ซึ่งคุณสามารถเพิ่มเสียงเพลงประกอบในวิดีโอได้ง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ เช่น VideoStudio และเมื่อคุณมีเพลงที่ต้องการเพิ่มแล้ว บทความนี้จะพาคุณไปพบกับวิธีง่าย ๆ สำหรับการเพิ่มเพลงลงในวิดีโอของคุณด้วยโปรแกรม VideoStudio 

4 Step วิธีใส่เพลงในวิดีโอง่าย ๆ ด้วยโปรแกรม VideoStudio

วิธีใส่เพลงในวิดีโอง่าย ๆ ด้วยโปรแกรม VideoStudio

สำหรับวิธีใส่เพลงในวิดีโอของคุณด้วยโปรแกรมตัดต่อวิดีโออย่างโปรแกรม VideoStudio นั้นมีขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามกันได้ โดยเราได้รวบรวมขั้นตอนการใส่เพลงในวิดีโอของคุณด้วยโปรแกรม VideoStudio มาได้ทั้งหมด 4 Step ดังนี้

1.เริ่มเปิดโปรแกรม VideoStudio แล้วทำการเพิ่มวิดีโอ หรือรูปภาพ ที่คุณต้องการใส่เพลงลงในไทม์ไลน์ของโปรแกรม แล้วให้ลากและวางไฟล์เพลงที่ต้องการใส่ในวิดีโอลงในคลังของคุณ

2.VideoStudio ยังมีฟังก์ชั่นเสนอเพลงที่ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ให้แก่คุณ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้เพลงเหล่านั้นได้อย่างอิสระทั้งสำหรับการใช้งานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์ โดยคุณสามารถเข้าถึงไลบรารีนี้ด้วยการไปที่บนแถบเครื่องมือไทม์ไลน์ แล้วคลิกปุ่มเพลงอัตโนมัติ คุณก็จะสามารถค้นหาและสำรวจเพลงและแทร็กต่าง ๆ ได้ โดยใช้รายการดรอปดาวน์ กด Play เพื่อดูตัวอย่างเพลงที่เลือก นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าถึงไลบรารีเพลงในแผงไลบรารีภายใต้เพลง ScoreFitter ซึ่งคุณสามารถนำเข้าซาวด์แทร็กจากไฟล์เนื้อหาของคุณเองเข้าไปยังห้องสมุดแล้วเพิ่มลงในไทม์ไลน์เองได้ ซึ่งแทร็ก ScoreFitter ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ตรงกับความยาวของโปรเจ็กต์วิดีโอของคุณโดยอัตโนมัติ หากต้องการเปิดใช้งานสิ่งนี้ ให้คลิกที่ ” Auto Trim ” ก่อนที่จะเพิ่มแทร็กในไทม์ไลน์ของคุณ

3.เมื่อคุณเลือกแทร็กเสียงที่ชอบจากเมนูไลบรารีเพลงอัตโนมัติได้แล้ว ให้เลือก “Add to Timeline” เพลงจะถูกเพิ่มลงในแทร็กเพลง และคุณสามารถลากเพลงไปยังตำแหน่งใหม่ในไทม์ไลน์และตัดแต่งได้โดยการลากที่จับด้านท้าย ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาของเพลงถูกปรับตามความยาวของคลิปวิดีโอโดยอัตโนมัติ

4.การเพิ่มเอฟเฟกต์จาง หรือการเฟดเพลงพื้นหลังทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโปรเจ็กต์วิดีโอ โดยให้คลิกปุ่มเฟดเอาต์ในพื้นที่เพลงอัตโนมัติ หรือคุณสามารถเข้าถึงการควบคุมนี้ได้ด้วยการคลิกขวาที่แทร็กเสียงในไทม์ไลน์ของคุณแล้วเลือก “fade in” และ “fade out” เมื่อคุณทำการเพิ่มเอฟเฟกต์และแก้ไขวิดีโอแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะแชร์วิดีโอทางออนไลน์ผ่าน YouTube, Facebook, Instagram, Twitter และเว็บไซต์โซเชียลมีเดียอื่น ๆ หรือคุณสามารถบันทึกวิดีโอลงในคอมพิวเตอร์ของคุณได้

บทสรุป

วิธีใส่เพลงในวิดีโอง่าย ๆ ด้วยโปรแกรม VideoStudio

จากข้อมูลข้างต้นคุณจะเห็นได้ว่าเสียงนั้นมีความสำคัญต่อการกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ที่ได้รับชมวิดีโอ และวิธีใส่เพลงประกอบในวิดีโอด้วยโปรแกรม VideoStudio ทั้ง 4 Step นี้เป็นขั้นตอนที่ทำตามได้ง่ายมาก ๆ แถมยังช่วยให้โปรเจ็กต์วิดีโอของคุณนั้นออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและรวดเร็ว เนื่องจาก VideoStudio เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานได้ง่าย แม้แต่ผู้ใช้งานครั้งแรกก็สามารถสร้างวิดีโอได้เหมือนกับผู้ที่มีประสบการณ์ตัดต่อวีดีโอมานานแล้ว โดยโปรแกรมนี้มีเครื่องมือสำหรับตัดต่อวิดีโออย่างครบถ้วนทั้งการจับภาพจากกล้องเข้าคอมพิวเตอร์ การตัดต่อวีดีโอ ใส่ Effect ต่าง ๆ แทรกดนตรีประกอบ แทรกคำบรรยาย ไปจนถึงบันทึกวิดีโอที่ตัดต่อลง VCD DVD หรือแม้กระทั่งเผยแพร่ผลงานทางเว็บไซต์

สนับสนุนโดย: HILO-88.COM ไฮโลไทย เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เดิมพันขั้นต่ำ 10 บาท ถอนได้ไม่อั้น

Categories
เสียง

วิธีการบันทึกและตัดต่อเสียงของคุณด้วยแอป GarageBand บน iPhone หรือ iPad

เมื่อก่อนหากคุณต้องการตัดต่อเสียง หรือสร้างเพลง ทำดนตรี คุณจะต้องจ่ายเงินให้กับโปรแกรมตัดต่อเสียงมากมาย แต่โชคดีตอนนี้คุณสามารถเข้าถึงโปรแกรมตัดต่อเสียงได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์ iPhone หรือ iPad คุณก็จะสามารถเข้าใช้งานแอป GarageBand เพื่อตัดต่อเสียง หรือสร้างดนตรีและทำเพลงด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ 

แอป GarageBand เป็นแอปพลิเคชันสำหรับ iOS ที่คุณสมบัติที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น การเล่นเสียงเพลง บันทึกเสียง และแชร์เพลง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังมีเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดจากทั่วโลกให้เลือกใช้ และยังมีคลังเสียงที่มีอะไรใหม่ ๆ เพิ่มมาตลอดเวลา คุณสามารถค้นหาและดาวน์โหลดเสียง ลูป และการแซมเพิล (sampling) ฟรีจากคอลเลกชันขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลก ซึ่งบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการบันทึกและตัดต่อเสียงของคุณด้วยแอป GarageBand ฉบับง่าย ๆ 

วิธีการบันทึกและตัดต่อเสียงด้วยแอป GarageBand บน iPhone หรือ iPad

วิธีการบันทึกและตัดต่อเสียงของคุณด้วยแอป GarageBand บน iPhone หรือ iPad

คุณสามารถถึงเข้าแอป GarageBand เพื่อบันทึกและตัดต่อเสียงของคุณได้ฟรี เพียงแค่มีโทรศัพท์ iPhone หรือ iPad ก็สามารถสร้างแทร็กเสียงของคุณและตัดต่อเสียงบน GarageBand ได้แล้ว แต่ก่อนการตัดต่อเสียงเสียงให้เปิดแอปบน iPhone ของคุณแล้วเลือก “สร้างโปรเจกต์ใหม่” จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

1. การบันทึกเสียงของคุณ

เปิดแอป GarageBand ที่ด้านบนของหน้าจอจะมี 2 ตัวเลือกได้แก่ Live Loops หรือ Tracks ให้เลือก Tracks จากนั้นเลื่อนค้นหาเครื่องบันทึกเสียงแล้วเลือกเสียง ก่อนที่จะเริ่มบันทึก ให้คลิกที่เครื่องหมายบวกที่มุมบนขวาของหน้าจอ ที่นี่คุณสามารถเปลี่ยนจำนวนแถบที่คุณกำลังบันทึกได้ หากคุณไม่มีเพลงประกอบ ให้กด 8 แถบในหน้าจอถัดไป แล้วเลือกอัตโนมัติ และเสร็จสิ้นที่มุมบนขวา ‎สังเกตเครื่องเมตรอนอมควรเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีขาว เริ่มบันทึกเพียงกดปุ่มบันทึกวงกลมสีแดงที่ด้านบนของหน้าจอ และคลิกที่ปุ่มเดียวกันเพื่อหยุดการบันทึก หากต้องการย้ายจากหน้าจอการบันทึกเสียงไปยังหน้าจอแก้ไข ให้คลิกไอคอนที่ 3 จากด้านซ้ายบนแถบเครื่องมือ หน้าจอแก้ไขก็จะปรากฏขึ้น

2. การแก้ไขเสียงของคุณ

หากคุณต้องการเพิ่มแทร็กใหม่ในแอป GarageBand ให้ดึงส่วนที่มีไมโครโฟนทางด้านซ้ายของหน้าจอแล้วคลิกปิดเสียง ไอคอนปิดเสียงควรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และแทร็กเสียงของคุณควรเปลี่ยนเป็นสีขาว จากนั้นคลิกที่สี่เหลี่ยม 3 อันที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ เลื่อนไปที่ตัวเลือก Audio Recorder การบันทึกใหม่นั้นควรปรากฏบนแทร็กใหม่เมื่อคุณกลับไปที่หน้าจอแก้ไข

ตัดแต่งเสียง : หากต้องการตัดแต่งคลิปเสียง ให้กดที่ส่วนท้ายของคลิปแล้วลากจุดสิ้นสุดไปยังตำแหน่งที่ต้องการ

วิธีการบันทึกและตัดต่อเสียงของคุณด้วยแอป GarageBand บน iPhone หรือ iPad

เปลี่ยนระดับเสียง/เฟดเข้า/เฟดออก : หากต้องการเปลี่ยนระดับเสียงของแทร็ก ให้แตะไอคอนเครื่องดนตรีที่ด้านซ้ายของหน้าจอ จากนั้นคลิกที่การทำงานอัตโนมัติและหน้าจอจะมืดลงโดยมีเส้นสีเทาอยู่เหนือแทร็กแต่ละเส้น คุณสามารถย้ายบรรทัดนั้นขึ้นลงเพื่อเปลี่ยนระดับเสียงของแทร็กทั้งหมด หรือสร้างคีย์เฟรม (จุดเปลี่ยน) บนบรรทัดเพื่อเปลี่ยนระดับเสียงของส่วนเฉพาะได้ ในการสร้าง Fade In คุณจะต้องสร้างที่จุดเริ่มต้นของคลิปเสียงที่มีระดับเสียงต่ำและจุดอื่นที่คุณต้องการให้จางหายที่ระดับเสียงที่คุณต้องการ ส่วนการสร้าง Fade Out คุณจะต้องทำสิ่งที่ตรงกันข้าม Fade In จากนั้นภาพหน้าจอจะแสดงคลิปที่มีทั้ง Fade In และ Fade Out เมื่อรับระดับเสียงเสร็จแล้ว ให้กด “เสร็จสิ้น” ที่มุมบนขวาของหน้าจอ

3. ส่งออกโปรเจกต์เสียงของคุณ

คุณสามารถส่งออกโปรเจกต์เสียงในแอป GarageBand ได้โดยคลิกที่ปุ่มด้านบนซ้ายของหน้าจอซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำ จากนั้นกดเพลงของฉัน ให้แตะเลือกที่มุมบนขวาของหน้าจอ จากนั้นเลือกโปรเจกต์เสียงที่ต้องการส่งออก ที่ด้านล่างของหน้าจอ คุณจะมี 5 ตัวเลือก เลือกตัวเลือกแชร์ทางด้านซ้ายสุดของไอคอนเหล่านั้น คุณสามารถแชร์โปรเจกต์เสียงเป็นเพลงริงโทน แล้วเลือกคุณภาพสูง เมื่อคุณกด Share เสร็จแล้ว คุณจะมีตัวเลือกที่พร้อมใช้งานทั้งหมดเพื่อแชร์ไฟล์ที่ส่งออก ให้เลือก Open In จากนั้นเลือก Save to Files และคลิก Save ที่มุมบนขวาของหน้าจอ 

ไฮโลไทยได้เงินจริง

Categories
เสียง

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

สิ่งสำคัญของการตัดต่อคลิปวิดีโอ นอกจากโปรแกรมตัดต่อวิดีโอแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกันคือโปรแกรมตัดต่อเสียง เนื่องจากเสียงถือว่ามีบทบาทที่สำคัญสำหรับวิดีโอ เพราะเสียงทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจสิ่งที่วิดีโอต้องการจะสื่อและดึงดูดความสนใจได้ดี ซึ่งคลิปวิดีโอคอนเทนต์ที่ดีที่สุดควรมีเสียงที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงซาวด์ประกอบ และเสียงเอฟเฟกต์ นั่นหมายความว่าเสียงเป็นองค์ประกอบหลักของวิดีโอที่สำคัญพอ ๆ กันกับเนื้อหาและแสงสีในวิดีโอ ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะมีโปรแกรมตัดต่อเสียงมากมาย แต่บางครั้งคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับโปรแกรมเหล่านั้น โชคดีที่ในบทความนี้เราจะแนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณสามารถตัดต่อเสียงเองได้ง่าย ๆ ที่สำคัญฟรีอีกด้วย

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี

นี่คือโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ ที่ให้คุณสามารถใช้งานได้ฟรี โดยมีเครื่องมือสำหรับงานตัดต่อเสียงมากมาย และใช้งานง่าย เข้าถึงสะดวก ซึ่งเราได้รวบรวมมาทั้งหมด 6 โปรแกรม ดังนี้

1.TwistedWave Audio Editor

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

เริ่มต้นที่โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมันมีความสามารถเทียบเท่ากับคุณสมบัติของโปรแกรมตัดต่อเสียง iOS และ MAC ที่ต้องชำระเงิน เช่น การทำให้เสียงเป็นมาตรฐาน การขยายเสียง ความเร็ว ระดับเสียง การบันทึกเสียงแบบไม่บีบอัด และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ TwistedWave รุ่นฟรีรองรับคลิปเสียงเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น นำเข้าไฟล์ของคุณในรูปแบบโมโน และสามารถส่งออกไปยัง Google Drive และ SoundCloud ของคุณได้

2.Audio Trimmer

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

มาต่อกันที่ Audio Trimmer โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่ทำให้การตัดแต่งเสียงของคุณง่ายขึ้น เพียงแค่ต้องเลือกไฟล์ที่คุณต้องการแก้ไข และเลือกปุ่มอัปโหลดเพื่อเริ่มแก้ไข ซึ่งโปรแกรมนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย เช่น แก้ไขแทร็ก Mp3 ได้อย่างง่ายดาย รองรับอุปกรณ์พกพา สามารถทำเสียงริงโทนออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนเพื่อตัดต่อไฟล์เสียง 

3.Bear Audio Tool

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

Bear Audio Tool โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่ดีที่สุด ด้วยความที่ใช้ HTML 5 จึงช่วยให้คุณแก้ไขไฟล์เสียงได้โดยที่ไม่ต้องอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ โปรแกรมนี้มีตัวเลือกการส่งออกที่หลากหลาย ทำให้มันได้รับความนิยมมากขึ้น พร้อมด้วยเอฟเฟกต์เสียงและคลังเพลงที่ปลอดลิขสิทธิ์ และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย เช่น ตัวเลือกการนำเข้าออฟไลน์และออนไลน์, ไลบรารีเสียงในตัว, ฟังก์ชันเลิกทำและทำซ้ำ, ตัดแต่งและจัดเรียงคลิปใหม่, ระดับเสียง ปิดเสียง หรือจาง และเอฟเฟกต์เสียงอื่น ๆ อีกมากมาย

4.Apowersoft Free Online Audio Editor

แนะนำโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี สะดวกสบายใช้งานง่าย

ตอนนี้คุณสามารถตัดต่อเสียงได้ง่ายและสะดวกด้วยโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ Apowersoft Free Online Audio Editor เพียงแค่คุณติดตั้งตัวเรียกใช้งานก็สามารถเข้าถึงโปรแกรมนี้ได้แค่คลิกเดียว และโปรแกรมนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย เช่น สามารถแก้ไขเสียงได้ไม่จำกัดจำนวนไฟล์ มีเครื่องมือสำหรับแก้ไขเสียงฟรี ที่สำคัญรับประกันความปลอดภัยสำหรับไฟล์เสียงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

บทสรุป

จากข้อมูลข้างต้น โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่เราได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ ถือว่าเป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงที่จะช่วยให้ไฟล์เสียงของคุณมีคุณภาพที่ดีขึ้น ทำให้การสร้างวิดีโอของคุณมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งคุณคงทราบแล้วว่าเสียงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยในวิดีโอของคุณสื่อสารกับผู้ชมได้ดีที่สุด และการที่วิดีโอของคุณใช้เสียงที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงซาวด์ประกอบ และเสียงเอฟเฟกต์ก็จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ 

Categories
กราฟิก

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความให้มีชีวิตชีวามากขึ้น

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

โปรแกรม Illustrator เป็นโปรแกรมวาดรูป หรือออกแบบงานด้านกราฟิกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และด้วยความที่ Illustrator มีเครื่องมือที่ครบครัน จึงทำให้มันสามารถสร้างผลงานการออกแบบสร้างสรรค์ได้อย่างหลากหลาย รวมถึงการสร้างข้อความ 3 มิติ ที่เป็นอีกหนึ่งไอเดียการออกแบบที่นักออกแบบหลายคนนิยมนำมาใช้กับผลงานการออกแบบของตนเอง ซึ่งเอฟเฟกต์สำหรับสร้างข้อความ 3 มิตินั้นมีหลากหลายสไตล์ที่ทำให้ผลงานชิ้นนั้นมีความรู้สึกหรูหรามากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ 3 มิติ คุณสามารถเรียนรู้ได้ในบทความนี้ซึ่งเราจะพูดถึงวิธีสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator โดยใช้ข้อความสั้นหนึ่งคำและเอฟเฟกต์การหมุน 3 มิติ

วิธีการสร้างข้อความ 3 มิติใน Illustrator ด้วยเอฟเฟกต์การหมุน 3 มิติ

สำหรับวิธีการสร้างข้อความ 3 มิติในโปรแกรม Illustrator ซึ่งในบทความนี้เราจะเลือกใช้เอฟเฟกต์ 3D Extrude & Bevel อีกทั้งคุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มการแรเงาและพื้นผิวที่ละเอียดสำหรับเอฟเฟกต์ 3D ใน Illustrator ซึ่งขั้นตอนแรกคุณจะต้องสร้างตัวอักษร 3 มิติก่อนแล้วค่อยสร้างข้อความ 3 มิติใน Illustrator

วิธีการสร้างตัวอักษร 3 มิติ

1.เปิดโปรแกรม Illustrator เลือกใช้เครื่องมือ Type Tool (T) และเปิดแผง Character (Window > Type > Character) เลือกตัวอักษร Etna และกำหนดขนาดประมาณ 250 พิกเซล คลิกที่อาร์ตบอร์ดและเพิ่มข้อความของคุณ จากนั้นตั้งค่าสีเป็น R=255 G=150 B=0 แล้วคัดลอกข้อความนั้น (Control+C) 

2.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความของคุณถูกต้องและคลิกเลือกข้อความนั้น แล้วไปที่ Effect > 3D > Rotate จากนั้นระบุแอตทริบิวต์ที่คุณต้องการแล้วคลิก OK เพื่อสร้างตัวอักษร 3 มิติ

3.คลิกเลือกข้อความของคุณ แล้วไปที่ Object > Expand Appearance จากนั้นเลิกจัดกลุ่ม (Shift+Control+G) แล้ว clipping mask (Alt+Control+7) จากนั้น Ungroup (Shift+Control+G) เลือกรูปร่างที่ล้อมรอบข้อความทั้งหมดของคุณและลบออก จากนั้นเลือกรูปร่างที่ประกอบเป็นข้อความของคุณและแปลงเป็นเส้นทางผสมเดียว (Object > Compound Path > Make หรือ Control+8)

4.จากนั้นไปที่ Effect > Stylize > Drop Shadow ระบุแอตทริบิวต์ที่และคลิกตกลง

วิธีการสร้างข้อความ 3 มิติ

1.หลังจากที่คุณสร้างตัวอักษร 3 มิติในโปรแกรม Illustrator เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นการสร้างข้อความ 3 มิติให้กด Control+F เพื่อเพิ่มสำเนาข้อความ แล้วเปลี่ยนสีเป็น R=153 G=153 B=153 

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

2.เลือกข้อความสีเทาและไปที่ Effect > 3D > Extrude & Bevel คลิกปุ่ม More Options และระบุแอตทริบิวต์ทั้งหมดที่คุณต้องการ อย่าลืมกดเลือกที่ช่อง Draw Hidden Faces แล้วคลิก OK 

3.เลือกข้อความสีเทา แล้วไปที่ Object > Expand Appearance เลือก Direct Selection Tool (A) เลือกรูปร่างที่ประกอบด้านหน้าของข้อความ และลบออก 

4.เลือก Move Tool (V) และเลือกกลุ่มรูปร่างของคุณพร้อมกับ คลิกที่ขอบของพาธผสมเพื่อไฮไลต์ จากนั้นคลิกปุ่มVertical Align Top จากแผง Align (Window > Align)

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

5.เลือกเส้นสีส้มจากแผง Layers (Window > Layers) เพิ่มสำเนาด้านหน้า (Control+C > Control+F) และนำไปไว้ด้านหน้า (Shift-Control+]) เติมรูปร่างใหม่นี้ด้วยสีขาว (R=255 G=255 B=255) และลบเอฟเฟกต์ Drop Shadow ออกจากแผง Appearance 

6.เลือกเส้นสีขาวพร้อมกับเลือกกลุ่มของรูปร่าง แล้วคลิกปุ่มสร้าง Make Mask จากแผง Transparency (Window > Transparency) และเปลี่ยนแปลง Blending Mode เลือก Exclusion 

Categories
มือใหม่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

นักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพหลายคนคงจะคุ้นเคยกับโปรแกรม Premiere Pro โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากโปรแกรมนี้มีเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับการตัดต่อวิดีโอโดยเฉพาะสามารถทำงานได้ครอบคลุมและใช้งานได้ง่าย จึงไม่ต้องแปลกใจที่กลุ่มนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพหลายคนต่างชื่นชอบใช้งานโปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่คนไหนที่กำลังมองหาช่องทางการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้โปรแกรม Premiere Pro ในบทความนี้เราก็จะแนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่ ขอบอกเลยว่าวิดีโอเหล่านี้จัดทำขึ้นโดยนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพทั้งนั้น

โปรแกรม Premiere Pro ทำอะไรได้บ้าง

ก่อนที่เราจะไปดูวิดีโอเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Premiere Pro เราจะทำความรู้จักกับโปรแกรมนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่ง Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอจาก Adobe ที่หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่าบริษัทนี้ให้บริการโปรแกรมที่เน้นการใช้งานเพื่อการออกแบบสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น Illustrator Photoshop After Effect หรือ Media Encoder และด้วยความที่ Adobe มีโปรแกรมที่หลากหลายจึงทำให้ Premiere Pro นั้นสามารถทำงานได้อย่างรอบด้านและครบครัน อีกทั้งยังสามารถช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้แบบครบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการตัดคลิปหรือตัดเป็นท่อน ๆ เพื่อนำไปตัดต่อเป็นคลิปยาว ซึ่งสามารถตัดเสียงหรือเพิ่มเสียงต่าง ๆ เข้ามาในคลิปได้อย่างง่ายดาย 

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

ถึงแม้ว่าโปรแกรม Premiere Pro จะมาพร้อมกับคำแนะนำเบื้องต้นแล้ว แต่การตัดต่อวิดีโอขั้นพื้นฐานคุณอาจจะต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม หากคุณต้องการใช้โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดได้โดยคลิกที่นี่ และด้านล่างนี่คือคอลเลกชันแนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro ที่เราได้รวบรวมไว้ ซึ่งวิดีโอเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเครื่องมือและคุณสมบัติต่าง ๆ ของโปรแกรม Premiere Pro ได้มากขึ้น

1.วิดีโอสอนวิธีที่เร็วที่สุดในการตัดต่อวิดีโอด้วย Premiere Pro 

เริ่มต้นด้วยวิดีโอสอนจาก Nathaniel Dodson ที่ได้รวบรวมวิดีโอที่กระชับและละเอียด เพื่อสอนวิธีตัดต่อวิดีโอของคุณอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาจะสอนการตัดต่อวิดีโอ 3 จุด พร้อมแนะนำคุณตลอดทุกขั้นตอนในการสร้าง สิ่งที่เราชื่นชอบเกี่ยวกับวิดีโอนี้คือการนำเสนอคีย์ลัดบนแป้นพิมพ์พร้อมคำอธิบายโดยละเอียดแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมาก ๆ ในการเรียนรู้ และใช้เวลาเพียง 12 นาทีในการเรียนรู้กระบวนการทั้งหมด คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

2.วิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro จาก Adobe

บริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์โดยตรงอย่าง Adobe มีวิดีโอสอนการใช้งานมากกว่าร้อยรายการบนเว็บไซต์ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ที่มีประสบการณ์คุ้นเคยกับโปรแกรมอยู่แล้ว วิดีโอสอนครอบคลุมหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสอนวิธีเปลี่ยนเป็น Premiere Pro จากโปรแกรมอื่น, วิธีการนำเข้าสื่อ, การทำงานร่วมกับกราฟิก, การผสมเสียง และเพิ่มทรานซิชันหรือแอนิเมชัน คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

3.วิดีโออธิบายแถบเครื่องมือ Premiere Pro

การเรียนรู้เกี่ยวกับใช้ฟังก์ชันเครื่องมือพื้นฐานใน Premiere Pro จะช่วยสร้างความรู้พื้นฐานที่แข็งแกร่งและทำให้ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอของคุณเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเรียนรู้คีย์ลัดบนแป้นพิมพ์สำหรับแต่ละเครื่องมือ ยิ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องแตะไปที่แถบเครื่องมืออีกต่อไป แถมยังลดเวลาในการกระบวนการตัดต่อวิดีโอของคุณอีกด้วย คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

Categories
มือใหม่

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

ใครที่เป็นนักตัดต่อวาดภาพต้องคุ้นเคยหรือเคยได้ยินชื่อโปรแกรม Flame Painter โปรแกรมสำหรับสร้างผลงานศิลปะ การออกแบบ หรือเอฟเฟกต์แสงที่แปลกใหม่ด้วยแปรงออร์แกนิกเหมือนจริงที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงงานศิลปะของคุณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคุณสามารถใช้งาน Flame Painter ได้ทั้งบน Mac OS, Windows, iPad และ iPhone สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การใช้โปรแกรม Flame Painter และกำลังมองหาเทคนิคการเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมนี้อยู่ คุณสามารถเรียนรู้ได้ในบทความนี้ ซึ่งเราจะพูดถึงการเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ เพื่อช่วยให้คุณสร้างผลงานภาพวาดที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ได้อย่างง่ายดาย

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

โปรแกรม Flame Painter ใช้ทำอะไรได้บ้าง

Jean-Michel Basquiat จิตรกรผิวสีชาวอเมริกันชื่อดังในยุค 80s ได้กล่าวไว้ว่า “โปรแกรม Flame Painter เป็นเครื่องมือที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นอย่างแท้จริงในการสร้างภาพศิลปะ Impressionism ที่สวยงาม” ซึ่ง Flame Painter ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มศิลปิน CG มืออาชีพ, นักออกแบบ, คนทั่วไปที่สนใจการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพวาด เนื่องจากมันไม่เพียงแค่นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ ในการวาดภาพอย่างสร้างสรรค์ แต่ผู้ใช้งานยังสามารถออกแบบอินเทอร์เฟซที่สวยงามและใช้งานง่ายได้ด้วยตัวเอง ทำให้คุณเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับแปรงที่ใช้ลงสี และการไล่ระดับสี ซึ่งเราเชื่อว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้บุคคลทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถค้นพบและปลุกความเป็นศิลปินภายในตัวเองขึ้นมาได้ โดยส่วนใหญ่ Flame Painter ถูกนำมาใช้ในการสร้างเอฟเฟกต์เปลวไฟบนผลงานภาพวาดกันเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่มันมีนวัตกรรมที่แปลกใหม่ เช่น แปรงที่มีคุณสมบัติการปรับแต่งที่ไร้ขีดจำกัด และตัวเลือกที่ขยายออกไปสำหรับเลเยอร์เวกเตอร์ ทำให้คุณสามารถนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปใช้กับผลงานที่สร้างสรรค์ได้หลากหลายชิ้นงาน เช่น การออกแบบตัวละคร ศิลปะดิจิทัลอย่างกราฟิกเกม จึงไม่แปลกที่ Flame Painter จะถือเป็นอีกหนึ่งซอฟต์แวร์ศิลปะดิจิทัลที่ดีที่สุด

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดเอฟเฟกต์แสง

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

1.เปิดโปรแกรม Flame Painter 

เมื่อคุณเปิด Flame Painter ขึ้นมา คุณจะพบกับหน้าต่าง New Artwork ซึ่งคุณจะสามารถกำหนดขนาดของภาพวาดและความละเอียดของมันได้ อีกทั้งคุณยังสามารถเปิดงานศิลปะที่มีอยู่แล้วในเครื่องได้ โดยเลือกจากด้านซ้ายมือของหน้าต่าง

2.ทำความรู้จักกับอินเทอร์เฟซผู้ใช้

สังเกตทางด้านซ้ายมือคือแผงเครื่องมือ ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือทั้งหมดของโปรแกรมได้ และช่วยให้คุณสามารถแก้ไขลักษณะการทำงานของแปรงของคุณได้ง่าย ๆ รวมทั้งการตั้งค่าขนาด การผสม และความทึบ

3.กำหนดค่าคุณสมบัติของแปรงของคุณในแผงเครื่องมือสำหรับการสร้างแปรง

คุณสามารถแก้ไขคุณสมบัติของแปรงที่คุณเลือกได้และในขณะเดียวกันก็สามารถกำหนดลักษณะการทำงานของอนุภาคแปลงได้ เช่น ขนาด และความทึบ อีกทั้งคุณยังสามารถบันทึกการตั้งค่าแปรงของคุณได้ที่มุมขวาของหน้าต่างตรงแผงเครื่องมือสร้างแปรง หรือรีเซ็ตการตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้นได้

4.แผงสีและแผงเลเยอร์

คุณสามารถเข้าถึงแผงสีและปรับการตั้งค่าเฉดสี ความอิ่มตัว และค่าของสีที่เลือกได้บนแผงเลเยอร์ คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือกการผสมสีต่าง ๆ ที่สามารถใช้เพื่อปรับลักษณะพิเศษที่ปรากฏบนภาพวาดได้ง่าย ๆ 

5.บันทึกภาพวาดของคุณเพื่อนำไปใช้งานในโปรแกรมศิลปะอื่น ๆ

เมื่อบันทึกไฟล์ผลงานของคุณ คุณสามารถเลือกจากรูปแบบไฟล์ภาพมาตรฐานทั่วไปได้ รวมถึง PSD และ TIF ซึ่งเหมาะสำหรับการส่งออกไปยังโปรแกรมวาดภาพอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน Flame Painter ยังมีรูปแบบไฟล์ของตัวเองอย่าง FPA ช่วยให้คุณสามารถบันทึกงานศิลปะของคุณได้

Categories
เทคนิค

วิธีการสร้าง Layer Mask ใน Photoshop เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่สะดุดตาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ช่างภาพที่ต้องแต่งรูปเอง หรือนักตัดต่อรูปภาพคงจะคุ้นเคยกับเครื่องมือ Layer Mask ใน Photoshop ซึ่งเครื่องมือเลเยอร์มาสก์จะช่วยปกปิดหรือเปิดเผยองค์ประกอบต่าง ๆ ของรูปภาพ โดยคุณสามารถแก้ไขแต่ละเลเยอร์ขององค์ประกอบรูปภาพได้ ซึ่งเราสามารถเพิ่ม Layer Mask ให้กับรูปภาพใดก็ได้ใน Photoshop เพื่อการแก้ไขรูปภาพได้อย่างรวดเร็ว สามารถย้อนกลับ หรือสร้างเอฟเฟกต์ที่สะดุดตาให้กับรูปภาพได้

Layer Mask เป็นเครื่องมือใน Adobe Photoshop ที่สามารถใช้ซ่อนพื้นที่เฉพาะของเลเยอร์ที่เลือกภายในไฟล์รูปภาพ หรือเพื่อทำให้พื้นที่อื่น ๆ ของเลเยอร์มองเห็นได้โดยใช้เครื่องมือแปรงเพื่อเน้นส่วนของเลเยอร์รูปภาพ ภาพขนาดย่อของมาสก์เลเยอร์ จะอยู่ที่มุมล่างขวาของพื้นที่ทำงานของคุณ ซึ่งจะแสดงพื้นที่ของเลเยอร์ที่มองเห็นเป็นสีขาว และพื้นที่ของเลเยอร์ที่มองไม่เห็นเป็นสีดำ ส่วนพื้นที่สีเทาบนภาพขนาดย่อของเลเยอร์มาสก์จะระบุพื้นที่ระหว่างความทึบและความโปร่งใสทั้งหมด

วิธีการสร้าง Layer Mask ใน Photoshop เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่สะดุดตาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

วิธีการสร้าง Layer Mask ในโปรแกรม Photoshop 

สำหรับการสร้าง Layer Mask ในโปรแกรม Photoshop เป็นวิธีการที่ง่ายมาก ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงรูปภาพได้ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับหรือแก้ไขรูปภาพในลักษณะที่มีสไตล์ ซึ่งเราสามารถสร้างเลเยอร์มาสก์บนโปรแกรม Photoshop ได้ดังนี้

1.เปิดโปรแกรม Photoshop สร้างเลเยอร์ใหม่ โดยคลิกไปที่ปุ่ม “เพิ่มเลเยอร์” ในแผงเลเยอร์เพื่อสร้างเลเยอร์ใหม่ สำหรับการใช้งาน หรือกดที่แป้นพิมพ์ลัดสำหรับเพิ่มเลเยอร์ใหม่ คือ Shift+Ctrl+N จากนั้นก็เพิ่มรูปภาพที่คุณต้องการแก้ไข

2.เพิ่มเลเยอร์มาสก์ของคุณ ในแผงเลเยอร์ โดยให้คลิกที่เลเยอร์ที่คุณต้องการจากนั้นคลิกปุ่มเลเยอร์มาสก์ที่ด้านล่างของแผงเลเยอร์ ซึ่งไอคอนเลเยอร์มาสก์จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีวงกลมอยู่ข้างใน และภาพขนาดย่อของเลเยอร์มาสก์จะปรากฏขึ้นข้างภาพขนาดย่อของเลเยอร์รูปภาพในแผงเลเยอร์

วิธีการสร้าง Layer Mask ใน Photoshop เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่สะดุดตาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

3.เพิ่มสีดำเพื่อปกปิด โดยเลือกภาพขนาดย่อของเลเยอร์มาสก์ในแผงเลเยอร์ เพื่อให้เป็นเลเยอร์ที่ใช้งานอยู่ จากนั้นเลือกเครื่องมือแปรง แล้วทาสีดำทับส่วนต่าง ๆ ของรูปภาพที่คุณต้องการปกปิดด้วยเครื่องมือแปรงของคุณ ซึ่งแปรงที่มีขอบที่กำหนดไว้จะสร้างเส้นทึบระหว่างองค์ประกอบทึบแสงและโปร่งใส ในขณะที่แปรงที่มีขอบอ่อนจะทำให้สีซีดจางได้

4.เพิ่มสีขาวเพื่อเปิดเผยส่วนของรูปภาพที่คุณต้องการให้ปรากฏ โดยเลือกใช้เครื่องมือแปรง และเลือกสีขาว เพื่อระบายสีส่วนใดก็ได้ของรูปภาพที่คุณต้องการให้ปรากฏ ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อคุณสร้างเลเยอร์มาสก์ครั้งแรก เลเยอร์ทั้งหมดจะมีค่าเริ่มต้นเป็นสีขาว 

5.เพิ่มสีเทาเพื่อให้รูปภาพดูกลมกลืน โดยการเลือกเครื่องมือแปรงและเลือกเฉดสีเทา แล้วทาสีทับส่วนใดส่วนหนึ่งของเลเยอร์ที่คุณต้องการให้มองเห็นได้บางส่วนหรือจางลง ยิ่งสีเทาเข้มเท่าใด พื้นที่ของภาพก็จะยิ่งโปร่งใสมากขึ้นเท่านั้น

ทำไมต้องใช้เลเยอร์มาสก์บนโปรแกรม Photoshop

วิธีการสร้าง Layer Mask ใน Photoshop เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่สะดุดตาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ความจริงแล้วจุดประสงค์ของ Layer Mask คือการแก้ไขความทึบและความโปร่งใสของเลเยอร์ โดยทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถย้อนกลับไปการตั้งค่าเดิมได้ หากคุณใช้เครื่องมือยางลบใน Photoshop เพื่อลบส่วนหนึ่งของเลเยอร์รูปภาพ จะทำให้ส่วนนั้นของรูปภาพหายไปและไม่สามารถเรียกคืนได้ (เว้นแต่คุณจะใช้ฟังก์ชัน “ย้อนกลับ” ซึ่งสามารถเลิกทำส่วนที่เหลือของงานได้ ) ซึ่งเลเยอร์มาสก์ช่วยให้ช่างภาพที่ต้องแต่งรูปเอง หรือนักตัดต่อรูปภาพ สามารถทำการเปลี่ยนแปลงที่สามารถย้อนกลับได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเลิกการทำตามลำดับ และเลเยอร์มาสก์ยังสามารถใช้เพื่อสร้างการไล่ระดับสีแบบโปร่งใสทั่วทั้งเลเยอร์ได้

ufabet เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

Categories
เทคนิค

วิธีการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าด้วยโปรแกรม Photoshop

เขาว่ากันว่ารูปภาพเปรียบเสมือนสมุดบันทึกเหตุการณ์ในอดีตเก็บไว้ในรูปภาพ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นนานรูปภาพเหล่านั้นก็มักจะมีรอยขีดข่วน ทำให้คุณรู้สึกว่ารูปภาพค่อนข้างเก่าใช่ไหมคะ? อย่าเพิ่งกังวลไป เนื่องจากคุณสามารถลบรอยนั้นได้ด้วยวิธีการรีทัชโดยใช้เครื่องมือใน Photoshop โปรแกรมตัดต่อภาพยอดนิยมที่เหล่านักตัดต่อรูปภาพเลือกใช้งาน ซึ่งบทความนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับวิธีง่าย ๆ สำหรับการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าด้วยโปรแกรม Photoshop 

เครื่องมือสำหรับการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าใน Photoshop

เครื่องมือในโปรแกรม Photoshop สามารถช่วยทำให้คุณรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าได้ง่าย ๆ ซึ่งเครื่องมือรีทัชนี้จะช่วยแก้ไขภาพเก่าของคุณในกลับมาสมบูรณ์แบบและดูสะอาดเหมือนเพิ่งถ่ายใหม่ ๆ โดยเราจะเน้นไปที่เครื่องมือรีทัช 3 อย่างที่จะใช้รีทัช โดยเฉพาะ เพื่อลบรอยขีดข่วน หรือจุดบกพร่องบนภาพเก่าที่คุณไม่ต้องการ เครื่องมือรีทัชเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับนักออกแบบ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ใช้ Photoshop ทำงานเกือบทั้งหมด

วิธีการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าด้วยโปรแกรม Photoshop

Spot Healing Brush

เครื่องมือสำหรับลบรอยขีดข่วนและตกแต่งส่วนที่ต้องการของรูปภาพ เพียงแค่คลิกไปบนพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขบนภาพ โปรแกรมก็จะทำการลบรอยขีดข่วนของภาพโดยอัตโนมัติ

Healing Brush Tool

เครื่องมือที่จะต้องคัดลอกพื้นที่ที่ต้องการและนำไปแทนที่พื้นที่ที่ต้องตกแต่ง และมีลักษณะคล้ายกับการทำงานของ Spot Healing Too

วิธีการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่า

สำหรับวิธีการรีทัช เพื่อลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าในโปรแกรม Photoshop นักรีทัชส่วนใหญ่มักเลือกใช้เครื่องมือรีทัช 3 อย่างข้างต้น ด้วยขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้

1.วิธีใช้ Spot Healing Brush Tool

เปิดไฟล์รูปภาพที่ต้องการแก้ไข

คลิกที่ Spot Healing Brush ในเมนูเครื่องมือหรือกด J บนแป้นพิมพ์ แล้วเลือกใช้ขนาดแปรง 25px

คลิกขวาบนพื้นที่รูปภาพ จากนั้นหน้าจอโปรแกรมจะปรากฏหน้าต่างสำหรับกำหนดค่าเครื่องมือ หรือจะกำหนดที่แถบตัวเลือก (Options Bar) ได้ เราแนะนำให้เลือกใช้ขนาดแปรง 25px

คลิกเมาส์ลงบนพื้นที่รูปภาพที่ต้องการลบรอยขีดข่วน

อย่าพยายามเลือกพื้นที่จุดเดียวมากเกินไป เพราะขนาดแปรงหรือพื้นที่ใหญ่มากเท่าไร Photoshop ก็จะผสมผสานและสร้างพื้นที่ใหม่มากขึ้นเท่านั้น บางครั้งสิ่งนี้อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แปลกประหลาดและไม่คาดคิดได้

วิธีการรีทัชลบรอยขีดข่วนบนภาพเก่าด้วยโปรแกรม Photoshop

2.วิธีใช้ Healing Brush Tool 

เปิดไฟล์รูปภาพที่ต้องการแก้ไข

คลิกที่เครื่องมือ Healing Brush Tool ในเมนูเครื่องมือ Tool Box หรือค้นหาจากเครื่องมือรีทัชได้โดยการกด Shift ค้างไว้แล้วกดปุ่ม J บนแป้นพิมพ์ 

คลิกขวาบนพื้นที่รูปภาพ จากนั้นหน้าจอโปรแกรมจะปรากฏหน้าต่างสำหรับกำหนดค่าเครื่องมือ หรือจะกำหนดที่แถบตัวเลือก (Options Bar) ได้ เราแนะนำให้กำหนดขนาดของเครื่องมือที่ Diameter ให้มีขนาดใหญ่กว่าส่วนที่ต้องการแก้ไขเล็กน้อย

จากนั้นกำหนดค่า Hardness เพื่อให้ความคมชัดของขอบการใช้เครื่องมือกับรูปภาพมีความกลมกลืนกัน

กำหนดค่า Spacing ให้มีค่าน้อยที่สุด เพื่อทำให้รูปภาพละเอียดขึ้น

กำหนดรูปทรงของเครื่องมือที่ Angle และกำหนดองศาการเอียงตัวของเครื่องมือ Roundness

เลือกพื้นที่ที่จะคัดลอกโดยต้องเป็นพื้นที่ที่มีสีกลมกลืนกับพื้นที่ที่ต้องการแก้ไข แล้วกดแป้นพิมพ์ Alt + คลิกเมาส์ เพื่อเลือกพื้นที่นั้น

เลื่อนเมาส์ไปยังพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขและและเลือกเครื่องมือ Healing Brush ไปที่พื้นที่ที่ต้องการแก้ไข จากนั้นพื้นที่ที่คัดลอกไว้จะถูกนำไปแทนที่บนพื้นที่ที่เลือก

หากพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขมีพื้นที่กว้าง ให้คลิกเมาส์และลากเมาส์ไปบนพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขได้เลย

ผู้สนับสนุน: ไฮโลไทย อันดับ1 เล่นไฮโลออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชม. HILO-88.COM

Categories
เทคนิค

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุด สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุด สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์

คนที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์ และการบรรยายในรายการที่สามารถรับชมและรับฟังได้ทางอินเทอร์เน็ต ต้องทราบดีว่าโปรแกรมตัดต่อเสียงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้รายการของคุณมีผลลัพธ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ในยุคนี้มีโปรแกรมตัดต่อเสียงดี ๆ มากมายทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน แต่หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อเสียงเจ๋ง ๆ สักตัวที่ไม่ว่าไม่ว่าคุณจะแก้ไขเนื้อหาประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพอดแคสต์หรือคำบรรยายทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ง่ายดายและยอดเยี่ยม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุด สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์ และการบรรยาย เพื่อช่วยให้คุณตัดต่อเสียงได้ง่าย ๆ เพิ่มช่วงการเปลี่ยนภาพและควบคุมเดซิเบลได้ ทำให้เสียงโปรเจ็กต์ของคุณสมบูรณ์แบบ

4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างพอดคาสต์

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุด สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์

ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์ และการบรรยายต้องไม่พลาดกับ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุดที่เราได้รวบรวมมาในวันนี้ ซึ่งเสียงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพอดคาสต์ เนื่องจากพ็อดคาสท์เป็นเทปบันทึกเสียงหรือวิดีโอต้นฉบับ แต่ในบางครั้งก็อาจเป็นเทปบันทึกรายการโทรทัศน์หรือรายการวิทยุที่ออกอากาศจริง ดังนั้นการตัดต่อเสียงจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ และการใช้โปรแกรมตัดต่อเสียงดี ๆ จะยิ่งช่วยให้รายการของคุณแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

1.Audacity

โปรแกรมฟรีที่สามารถปรับแต่งเสียง บันทึกเสียง เล่นเสียง และผสมเสียงหรือทำ effect ด้วยฟิลเตอร์ต่าง ๆ ได้ เช่น การเปลี่ยน การลดเสียงรบกวน หรือแม้แต่ “การตัดความเงียบ” นอกจากนี้ Audacity ยังเป็นเวิร์กสเตชันเสียงดิจิทัล (DAW) ที่ใช้งานได้ง่าย ๆ 

2.Davinci Resolve

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่สามารถตัดต่อเสียงได้ ใช้แก้ไขสีของวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอแบบง่าย ๆ ไปจนถึงการตัดต่อภาพยนต์ที่ต้องใช้เทคนิค Effect ระดับสูง สำหรับ “การแก้ไขเสียง” มันค่อนข้างจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้สำหรับไฟล์เสียงของคุณภายในโปรแกรม

3.Ocenaudio

โปรแกรมทำเพลงฟรีที่รวบรวมครบทุกความต้องการของคุณ ช่วยให้คุณสามารถตัดไฟล์เสียงได้ภายในไม่กี่วินาที เพราะโปรแกรมใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเสียงสูง เสียงต่ำ ภายในเนื้อเพลง หรือภายในช่วงเรียวไทม์ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้เอฟเฟกต์พื้นฐานบางอย่างได้ เช่น เฟดอิน อีควอไลเซอร์กราฟิก ตลอดจนความสามารถในการย้อนกลับหรือเพิ่มความเร็วไฟล์ของคุณ นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังสนับสนุนการเปิดไฟล์เพลงขึ้นมาพร้อมกันได้ถึง 2 ไฟล์

4.WavePad Sound Editor

โปรแกรมแก้ไขไฟล์เสียง หรือ โปรแกรมแต่งเสียงฟรีที่มีคุณสมบัติหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อเสียง (Cut Copy Paste) ได้ง่าย ๆ หรือการเพิ่มลูกเล่นเสียง เอฟเฟค (Sound Effect) ต่าง ๆ หรือความสามารถในการตัดเสียงรบกวน (Noise) ทำเสียงให้เงียบ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้โปรแกรมยังรองรับไฟล์ที่มีอัตรา Samepl Rate ที่ระหว่าง 6 – 96 kHz ทั้งระบบเสตอริโอ หรือโมโน และตั้งแต่แบบ 8 บิต จนถึง 32 บิต อีกทั้งยังมีลูกเล่นเสียงต่าง ๆ มากมาย ทำให้คุณประหยัดเวลา และสะดวกในการใช้งาน

สิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ฟังพ็อดคาสท์

แนะนำ 4 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ดีที่สุด สำหรับการสร้างพอดคาสต์ บทสัมภาษณ์

นอกจากโปรแกรมตัดต่อเสียงจะมีความสำคัญสำหรับการสร้างพ็อดคาสท์แล้ว การเลือกใช้เพลงก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตพ็อดคาสท์ไม่ควรมองข้าง โดยปกติแล้วคุณสามารถเริ่มต้นสร้างพอดแคสต์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีไมโครโฟนพื้นฐาน, ซอฟต์แวร์ตัดต่อเสียง และหัวข้อ ซึ่งสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ผู้ฟังมี 2 อย่าง คือเนื้อหาของพ็อดคาสท์ที่ดีและการเลือกเพลงอินโทรที่เข้ากับเนื้อหา และต้องถูกลิขสิทธิ์ด้วยนะคะ

Categories
เสียง

เคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

เคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

ปัจจุบันการเผยแพร่เพลงสามารถทำได้ง่าย ๆ เนื่องจากตอนนี้มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่หลากหลายมากขึ้น เช่น YouTube joox spotify เป็นต้น ทำให้ผู้ฟังสามารถเข้าถึงผลงานเพลงของคุณได้ง่ายขึ้น แต่คุณจะทำเพลงให้ติดตลาดหรือติดชาร์ตได้อย่างไร? นี่แหละคือสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าเพลงของคุณนั้นดีขนาดไหน ดังนั้นในบทความนี้เราจะพูดถึงเคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากคำแนะนำของ Chris Hill นักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ ซึ่งนี่คือเคล็ดลับยอดนิยมของเขาในการทำให้เพลงได้รับความสนใจในตลาด

เคล็ดลับทำเพลงของ Chris Hill นักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

กระบวนการทำเพลงนั้นค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งแต่ละแนวเพลงจะมีทำนองดนตรีที่ค่อนข้างแตกต่างกันมาก ซึ่งมันแล้วแต่คนชอบ เราจึงไม่สามารถวัดได้ว่าแนวเพลงไหนได้รับความสนใจมากที่สุด สำหรับนักร้องและนักแต่งเพลงที่กำลังมองหาเคล็ดลับการทำเพลงให้ติดตลาดหรือติดชาร์ต เราขอแนะนำเคล็ดลับดี ๆ จาก Chris Hill นักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ที่ดีและประสบความสำเร็จมากที่สุดในการหางาน และข้อมูลข้างล่างนี่คือเคล็ดลับการทำเพลงของเขา

1. Soundcloud

เคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

สำหรับนักทำเพลง เครื่องมืออันล้ำค่าที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าไปฟังเพลงของคุณได้ง่าย ๆ คือ Soundcloud แอปพลิเคชันยอดนิยมที่เปิดโอกาสให้คุณมีผู้เข้าชมจำนวนมาก ที่สำคัญแอปนี้ใช้งานได้ฟรี และใช้งานง่ายเหมาะสำหรับผู้อัปโหลดเพลงและผู้ฟังเพลง ซึ่งคุณสามารถหาแรงบันดาลใจให้กับงานของคุณเองได้ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น Soundcloud มีวิธีนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบกลุ่มหรืออัลบั้ม ที่ไม่เหมือนแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั่นคือแนะนำเพลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยรวบรวมแนวเพลงจากประวัติการฟังเพลงของผู้ใช้และสามารถฟังเพลงแบบแบบออฟไลน์ได้

2. Youtube

เคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

ตอนนี้ YouTube ขึ้นแท่น Social Media Platform ที่คนไทยใช้งานมากที่สุด คนทำเพลงส่วนใหญ่ใช้แพลตฟอร์ม YouTube เพื่อเผยแพร่ผลงานเพลงของตัวเอง เพราะมันเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมจำนวนมากจากทั่วโลก ทำให้ผู้ฟังได้เห็นถึงการแสดงของนักแสดงทำให้ผู้ชมรู้จักคุณมากในฐานะนักแสดง นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถใช้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ 

3. ส่งเสริมการขายบนเว็บไซต์และสื่ออื่น ๆ

เคล็ดลับทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจากนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ

นอกจากยอดวิวแล้ว สิ่งหนึ่งที่นักทำเพลงอยากได้หลังการเผยแพร่เพลงเงินนั่นคือรายได้จากการขายเพลง ซึ่งการสร้างเว็บไซต์ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีประโยชน์ในการอ้างถึงบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้งหมดของคุณ การมีเว็บไซต์จะทำให้ผลงานของคุณได้รับการเชื่อถือในระดับมืออาชีพเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเคล็ดลับการทำเพลงยังไง? ให้ดังติดตลาดจาก Chris Hill ซึ่งทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้ต่างมีประโยชน์ช่วยตีตลาดหรือดันติดชาร์ตของคุณให้คนทั่วโลกได้รู้จัก แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เพลงดังได้นั่นก็เนื้อเพลงและทำนองดนตรี อีกทั้งคุณต้องรู้จักเลือกแพลตฟอร์มที่จะช่วยส่งเสริมเพลงของคุณและต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ชมเข้าถึงได้ง่ายอย่างเช่น Soundcloud, Youtube และเว็บไซต์