Categories
มือใหม่

วิธีใช้แอป LumaFusion สำหรับการตัดต่อวิดีโอบน iPad

สำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มตัดต่อวิดีโอจากไหนเราแนะนำให้ลองเลือกใช้อุปกรณ์ตัดต่อที่คุณมีอยู่แล้วอย่าง iPad ซึ่งในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันสำหรับตัดต่อวิดีโอให้ดาวน์โหลดมากมายอย่างแอป LumaFusion แอป Video Editor ที่ดีที่สุดบน iPad และได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเทียบกับแอปประเภทเดียวกันในท้องตลาด ซึ่งตัวแอปมีฟีเจอร์พื้นฐานมากมายอย่างเช่น การแก้ไขแบบหลาย Layer, ใส่เอฟเฟกต์, ทรานซิชัน, เพิ่มข้อความต่าง ๆ และใส่เพลงประกอบ ถือว่ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโปรแกรมตัดต่อชื่อดังอย่าง Adobe Premiere หรือ Adobe Rush เลยก็ว่าได้ แอป LumaFusion เป็นแอปที่ต้องเสียเงินซื้อแบบครั้งเดียวจบ ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน จึงเหมาะสำหรับนักตัดต่อมือใหม่ที่ต้องการแอปพลิเคชันดี ๆ ที่มีเครื่องมือที่หลากหลาย สำหรับวิธีใช้แอป LumaFusion ก็ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้วิธีการใช้แอปนี้ได้ในบทความนี้เลยค่ะ

วิธีใช้แอป LumaFusion สำหรับการตัดต่อวิดีโอบน iPad

วิธีใช้แอป LumaFusion สำหรับนักตัดต่อมือใหม่

1.การนำเข้าคลิปลงในแอป LumaFusion

เมื่อคุณได้ถ่ายทำฟุตเทจของคุณเรียบร้อยแล้ว และต้องการนำเข้าคลิปไปยังแอป LumaFusion แอปนี้รองรับรูปแบบไฟล์วิดีโอทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น MP4, M4V, Quicktime และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังรองรับไฟล์เสียงและภาพมาตรฐานส่วนใหญ่ โดยกดปุ่มด้านบน 3 จุด แล้วเลือกแหล่งอินพุตของคุณ อาจจะรวมถึง iCloud Drive, Dropbox, Google Drive หรือที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก เมื่อคุณนำเข้าคลิปแล้ว ก่อนทำการตัดต่อวิดีโอ ให้คุณสร้างโปรเจกต์ก่อน โดยแตะปุ่ม + ที่ด้านล่างของอินเทอร์เฟซ และตั้งชื่อโปรเจกต์ของคุณ จากนั้นคุณก็สามารถลากคลิปจากช่อง “นำเข้า” ลงในไทม์ไลน์ได้

2.ตัดแต่งและตัดต่อคลิปของคุณ

หากคุณต้องการตัดจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของคลิป วิธีที่ง่ายที่สุดคือการลากจากปลายคลิปด้านใดด้านหนึ่งโดยใช้นิ้วหรือปากกาทัชสกรีน หากต้องการแบ่งคลิปตรงกลาง ให้แตะที่ใดก็ได้บนไทม์ไลน์แล้วเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา แถบเลื่อนจะอยู่ตรงกลางหน้าจอ ให้คุณเลือกจุดที่ต้องการแยกคลิปได้ เมื่อคุณเลือกได้แล้ว ให้กดที่ไอคอนกรรไกรที่ด้านล่างของหน้าจอ

3.การแก้ไขเสียง

การใช้เครื่องมือแก้ไขเสียงของ LumaFusion นั้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือแยกเสียงออกจากคลิปของคุณในไทม์ไลน์ก่อน จากนั้นเลือกช่องสัญญาณเสียงแล้วแตะไอคอนแก้ไข (รูปดินสอ) ที่ด้านล่างของหน้าจอ วิธีนี้จะแสดงตัวเลือกต่าง ๆ มากมาย เช่น เครื่องมือระดับเสียง การเลื่อนและการบิดเบือน

4.การส่งออกวิดีโอของคุณ

เมื่อคุณแก้ไขวิดีโอเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการแชร์ สิ่งที่คุณต้องทำคือแตะปุ่มแชร์/ส่งออกที่ด้านล่างขวาของหน้าจอ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถส่งออกผลงานวิดีโอของคุณ และคุณยังสามารถบันทึกลงในม้วนฟิล์มของ iPad ไปยังไดรฟ์ iCloud หรือแม้แต่แชร์โดยตรงไปยัง YouTube หรือ Vimeo ได้

วิธีใช้แอป LumaFusion สำหรับการตัดต่อวิดีโอบน iPad

บทส่งท้าย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข้างต้นเกี่ยวกับวิธีการใช้แอป LumaFusion นี้เป็นเพียงคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่ผู้ใช้งาน LumaFusion ควรทราบ ซึ่งแอปนี้มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งอีกมากมายที่รอให้นักตัดต่อมือใหม่อย่างคุณไปลองสัมผัสด้วยตัวเองบน iPhone และ iPad แต่จะให้ได้ประโยชน์สูงสุด คุณจะต้องใช้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นของ iPad หากคุณต้องการดาวน์โหลดแอป LumaFusion ให้ไปที่ซื้อแอปได้ที่ App Store ในราคา 980.67 บาท ขอบอกเลยว่าแค่คุณมีแอป LumaFusion บน iPad คุณก็สามารถตัดต่อวิดีโอเองได้ง่าย ๆ อย่างสมบูรณ์แบบ

ผู้สนับสนุน: ไฮโลไทย แทงไฮโลออนไลน์ เว็บตรง ได้เงินจริง HILO-88.COM

Categories
มือใหม่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

นักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพหลายคนคงจะคุ้นเคยกับโปรแกรม Premiere Pro โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากโปรแกรมนี้มีเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับการตัดต่อวิดีโอโดยเฉพาะสามารถทำงานได้ครอบคลุมและใช้งานได้ง่าย จึงไม่ต้องแปลกใจที่กลุ่มนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพหลายคนต่างชื่นชอบใช้งานโปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่คนไหนที่กำลังมองหาช่องทางการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้โปรแกรม Premiere Pro ในบทความนี้เราก็จะแนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่ ขอบอกเลยว่าวิดีโอเหล่านี้จัดทำขึ้นโดยนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพทั้งนั้น

โปรแกรม Premiere Pro ทำอะไรได้บ้าง

ก่อนที่เราจะไปดูวิดีโอเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Premiere Pro เราจะทำความรู้จักกับโปรแกรมนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่ง Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอจาก Adobe ที่หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่าบริษัทนี้ให้บริการโปรแกรมที่เน้นการใช้งานเพื่อการออกแบบสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น Illustrator Photoshop After Effect หรือ Media Encoder และด้วยความที่ Adobe มีโปรแกรมที่หลากหลายจึงทำให้ Premiere Pro นั้นสามารถทำงานได้อย่างรอบด้านและครบครัน อีกทั้งยังสามารถช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้แบบครบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการตัดคลิปหรือตัดเป็นท่อน ๆ เพื่อนำไปตัดต่อเป็นคลิปยาว ซึ่งสามารถตัดเสียงหรือเพิ่มเสียงต่าง ๆ เข้ามาในคลิปได้อย่างง่ายดาย 

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับนักตัดต่อวิดีโอมือใหม่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

ถึงแม้ว่าโปรแกรม Premiere Pro จะมาพร้อมกับคำแนะนำเบื้องต้นแล้ว แต่การตัดต่อวิดีโอขั้นพื้นฐานคุณอาจจะต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม หากคุณต้องการใช้โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดได้โดยคลิกที่นี่ และด้านล่างนี่คือคอลเลกชันแนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro ที่เราได้รวบรวมไว้ ซึ่งวิดีโอเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเครื่องมือและคุณสมบัติต่าง ๆ ของโปรแกรม Premiere Pro ได้มากขึ้น

1.วิดีโอสอนวิธีที่เร็วที่สุดในการตัดต่อวิดีโอด้วย Premiere Pro 

เริ่มต้นด้วยวิดีโอสอนจาก Nathaniel Dodson ที่ได้รวบรวมวิดีโอที่กระชับและละเอียด เพื่อสอนวิธีตัดต่อวิดีโอของคุณอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาจะสอนการตัดต่อวิดีโอ 3 จุด พร้อมแนะนำคุณตลอดทุกขั้นตอนในการสร้าง สิ่งที่เราชื่นชอบเกี่ยวกับวิดีโอนี้คือการนำเสนอคีย์ลัดบนแป้นพิมพ์พร้อมคำอธิบายโดยละเอียดแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมาก ๆ ในการเรียนรู้ และใช้เวลาเพียง 12 นาทีในการเรียนรู้กระบวนการทั้งหมด คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

แนะนำวิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอจากนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

2.วิดีโอสอนการใช้โปรแกรม Premiere Pro จาก Adobe

บริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์โดยตรงอย่าง Adobe มีวิดีโอสอนการใช้งานมากกว่าร้อยรายการบนเว็บไซต์ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ที่มีประสบการณ์คุ้นเคยกับโปรแกรมอยู่แล้ว วิดีโอสอนครอบคลุมหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสอนวิธีเปลี่ยนเป็น Premiere Pro จากโปรแกรมอื่น, วิธีการนำเข้าสื่อ, การทำงานร่วมกับกราฟิก, การผสมเสียง และเพิ่มทรานซิชันหรือแอนิเมชัน คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

3.วิดีโออธิบายแถบเครื่องมือ Premiere Pro

การเรียนรู้เกี่ยวกับใช้ฟังก์ชันเครื่องมือพื้นฐานใน Premiere Pro จะช่วยสร้างความรู้พื้นฐานที่แข็งแกร่งและทำให้ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอของคุณเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเรียนรู้คีย์ลัดบนแป้นพิมพ์สำหรับแต่ละเครื่องมือ ยิ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องแตะไปที่แถบเครื่องมืออีกต่อไป แถมยังลดเวลาในการกระบวนการตัดต่อวิดีโอของคุณอีกด้วย คุณสามารถรับชมวิดีโอสอนได้โดยคลิกที่นี่

Categories
มือใหม่

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

ใครที่เป็นนักตัดต่อวาดภาพต้องคุ้นเคยหรือเคยได้ยินชื่อโปรแกรม Flame Painter โปรแกรมสำหรับสร้างผลงานศิลปะ การออกแบบ หรือเอฟเฟกต์แสงที่แปลกใหม่ด้วยแปรงออร์แกนิกเหมือนจริงที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงงานศิลปะของคุณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคุณสามารถใช้งาน Flame Painter ได้ทั้งบน Mac OS, Windows, iPad และ iPhone สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การใช้โปรแกรม Flame Painter และกำลังมองหาเทคนิคการเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมนี้อยู่ คุณสามารถเรียนรู้ได้ในบทความนี้ ซึ่งเราจะพูดถึงการเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ เพื่อช่วยให้คุณสร้างผลงานภาพวาดที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ได้อย่างง่ายดาย

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

โปรแกรม Flame Painter ใช้ทำอะไรได้บ้าง

Jean-Michel Basquiat จิตรกรผิวสีชาวอเมริกันชื่อดังในยุค 80s ได้กล่าวไว้ว่า “โปรแกรม Flame Painter เป็นเครื่องมือที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นอย่างแท้จริงในการสร้างภาพศิลปะ Impressionism ที่สวยงาม” ซึ่ง Flame Painter ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มศิลปิน CG มืออาชีพ, นักออกแบบ, คนทั่วไปที่สนใจการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพวาด เนื่องจากมันไม่เพียงแค่นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ ในการวาดภาพอย่างสร้างสรรค์ แต่ผู้ใช้งานยังสามารถออกแบบอินเทอร์เฟซที่สวยงามและใช้งานง่ายได้ด้วยตัวเอง ทำให้คุณเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับแปรงที่ใช้ลงสี และการไล่ระดับสี ซึ่งเราเชื่อว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้บุคคลทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถค้นพบและปลุกความเป็นศิลปินภายในตัวเองขึ้นมาได้ โดยส่วนใหญ่ Flame Painter ถูกนำมาใช้ในการสร้างเอฟเฟกต์เปลวไฟบนผลงานภาพวาดกันเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่มันมีนวัตกรรมที่แปลกใหม่ เช่น แปรงที่มีคุณสมบัติการปรับแต่งที่ไร้ขีดจำกัด และตัวเลือกที่ขยายออกไปสำหรับเลเยอร์เวกเตอร์ ทำให้คุณสามารถนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปใช้กับผลงานที่สร้างสรรค์ได้หลากหลายชิ้นงาน เช่น การออกแบบตัวละคร ศิลปะดิจิทัลอย่างกราฟิกเกม จึงไม่แปลกที่ Flame Painter จะถือเป็นอีกหนึ่งซอฟต์แวร์ศิลปะดิจิทัลที่ดีที่สุด

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดเอฟเฟกต์แสง

การเริ่มต้นใช้ Flame Painter สำหรับการสร้างผลงานภาพวาดและเอฟเฟกต์ที่แปลกใหม่

1.เปิดโปรแกรม Flame Painter 

เมื่อคุณเปิด Flame Painter ขึ้นมา คุณจะพบกับหน้าต่าง New Artwork ซึ่งคุณจะสามารถกำหนดขนาดของภาพวาดและความละเอียดของมันได้ อีกทั้งคุณยังสามารถเปิดงานศิลปะที่มีอยู่แล้วในเครื่องได้ โดยเลือกจากด้านซ้ายมือของหน้าต่าง

2.ทำความรู้จักกับอินเทอร์เฟซผู้ใช้

สังเกตทางด้านซ้ายมือคือแผงเครื่องมือ ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือทั้งหมดของโปรแกรมได้ และช่วยให้คุณสามารถแก้ไขลักษณะการทำงานของแปรงของคุณได้ง่าย ๆ รวมทั้งการตั้งค่าขนาด การผสม และความทึบ

3.กำหนดค่าคุณสมบัติของแปรงของคุณในแผงเครื่องมือสำหรับการสร้างแปรง

คุณสามารถแก้ไขคุณสมบัติของแปรงที่คุณเลือกได้และในขณะเดียวกันก็สามารถกำหนดลักษณะการทำงานของอนุภาคแปลงได้ เช่น ขนาด และความทึบ อีกทั้งคุณยังสามารถบันทึกการตั้งค่าแปรงของคุณได้ที่มุมขวาของหน้าต่างตรงแผงเครื่องมือสร้างแปรง หรือรีเซ็ตการตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้นได้

4.แผงสีและแผงเลเยอร์

คุณสามารถเข้าถึงแผงสีและปรับการตั้งค่าเฉดสี ความอิ่มตัว และค่าของสีที่เลือกได้บนแผงเลเยอร์ คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือกการผสมสีต่าง ๆ ที่สามารถใช้เพื่อปรับลักษณะพิเศษที่ปรากฏบนภาพวาดได้ง่าย ๆ 

5.บันทึกภาพวาดของคุณเพื่อนำไปใช้งานในโปรแกรมศิลปะอื่น ๆ

เมื่อบันทึกไฟล์ผลงานของคุณ คุณสามารถเลือกจากรูปแบบไฟล์ภาพมาตรฐานทั่วไปได้ รวมถึง PSD และ TIF ซึ่งเหมาะสำหรับการส่งออกไปยังโปรแกรมวาดภาพอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน Flame Painter ยังมีรูปแบบไฟล์ของตัวเองอย่าง FPA ช่วยให้คุณสามารถบันทึกงานศิลปะของคุณได้

Categories
มือใหม่

วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง

เมื่อก่อนแอปตัดต่อวิดีโอส่วนใหญ่มักมีราคาที่ค่อนข้างแพง บางแอปราคาไม่คุ้มกับคุณสมบัติการใช้งาน แต่ทุกวันนี้มีแอปตัดต่อวิดีโอมากมายที่ช่วยให้คุณสามารถตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ แถมยังราคาถูกคุ้มค่ากับการใช้งานอย่างแอป Filmic Pro แอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้น ซึ่ง Filmic Pro เป็นแอปถ่ายและปรับแต่งวิดีโอบนสมาร์ตโฟนที่ทันสมัยและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากแอปนี้ได้ถูกนำไปใช้ในการถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลง Stupid Love ของ Lady Gaga และเพลง Lose You to Love Me ของ Selena Gomez ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นศิลปินระดับโลก นั่นจึงหมายความว่าไม่ว่าคุณจะเป็นนักตัดต่อระดับมืออาชีพหรือนักตัดต่อระดับมือสมัครเล่นก็สามารถใช้แอป Filmic Pro ตัดต่อวิดีโอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง 

วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง

แอป Filmic Pro สำหรับการตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

แอป Filmic Pro เป็นแอปพลิเคชันสร้างและตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้น และตัวแอปมีราคาอยู่ที่ 449 บาท ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแอปได้ทาง App Store หลังคุณทำการติดตั้งแอปบน iPhone ของคุณเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเรามาเรียนรู้วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโออย่างมืออาชีพ โดยวิธีใช้แอปมีทั้งหมดดังนี้

วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐาน

1.ส่วนควบคุมพื้นฐานของแอป

เปิดแอป Filmic Pro ในแนวนอน เพราะจะทำให้คุณสามารถดูส่วนควบคุมทั้งหมดได้อย่างถูกต้อง สิ่งแรกที่ควรสังเกตคือวงกลมสีขาวบนหน้าจอ มันคือตัวควบคุมการรับแสง และสี่เหลี่ยมสีขาวคือตัวควบคุมโฟกัส คุณสามารถย้ายสิ่งเหล่านี้ไปรอบ ๆ หน้าจอของคุณจนกว่าคุณจะพอใจกับตำแหน่งได้ ด้วยความที่วงกลมและสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นสีขาว แอปจึงตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในฉาก ดังนั้นหากมีสิ่งใดเข้ามาในช็อต แอปจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่จุดนั้น หากคุณต้องการตั้งค่าเหล่านี้ใหม่เพื่อให้การเปิดรับแสงและโฟกัสคงที่ เพียงแตะวงกลมหรือสี่เหลี่ยม มันก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งหมายความว่ามันถูกล็อค และแตะอีกครั้งหากต้องการปลดล็อก

วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง

2.การเลือกเลนส์กล้องของคุณ 

คุณสามารถเลือกเลนส์กล้องของคุณได้ โดยคลิกไปที่ไอคอนรูปกรวยเล็ก ๆ ที่ด้านล่างขวาของหน้าจอ คุณก็จะสามารถเลือกเลนส์อัลตร้าไวด์ เลนส์ไวด์ เลนส์เทเล หรือเปลี่ยนเป็นโหมดเซลฟี่ได้

3.การตั้งค่าสมดุลแสงขาว

หากต้องการตั้งค่าสมดุลแสงขาวในฉากของคุณ ให้แตะวงกลม 3 วงที่ซ้อนทับกันที่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอ จากนั้นป๊อปอัปจะปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งคุณสามารถเลื่อนไปบริเวณรอบ ๆ เพื่อปรับสมดุลแสงขาวของอุณหภูมิและโทนสีได้ หาก AWB ที่ด้านล่างขวาของหน้าจอเป็นสีน้ำเงิน แสดงว่าเลือกสมดุลแสงขาวอัตโนมัติ แต่หากคุณแตะ มันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงแสดงว่าล็อค และหากต้องการออกจากป๊อปอัป ให้แตะพื้นที่ด้านนอกป๊อปอัป

วิธีใช้แอป Filmic Pro ขั้นพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง

4.บันทึกและดูคลิปของคุณ

เริ่มบันทึกวิดีโอ โดยแตะวงกลมสีขาวที่ด้านขวาของหน้าจอ และในขณะที่คุณกำลังบันทึก คุณยังสามารถปรับการตั้งค่าที่ระบุไว้ด้านบนได้ตามต้องการ นอกจากนี้คุณยังสามารถคลิกปุ่มสีขาวที่มุมซ้ายของหน้าจอเพื่อปรับการควบคุมด้วยตนเอง โดยการปรับวงล้อเพื่อเล่นกับโฟกัสและการเปิดรับแสง หากต้องการดูคลิปของคุณ ให้แตะปุ่มเล่น ซึ่งมันจะเปิดคลังคลิปของคุณขึ้นมา แตะช่องที่มีเครื่องหมายเพื่อเลือกมากกว่าหนึ่งคลิป และแตะปุ่มฟิล์มเพื่อบันทึกลงในม้วนฟิล์ม 

Categories
มือใหม่

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับถ่ายภาพ HDR ที่ช่างภาพมือใหม่ไม่ควรพลาด

คุณทราบหรือไม่? ว่าการตั้งค่ากล้องถ่ายรูป มีหลากหลายโหมดให้คุณได้เลือกปรับใช้งาน แต่มีอีกหนึ่งโหมดที่น่าสนใจที่ช่างภาพทุกคนไม่ควรมองข้าม นั่นคือ โหมด HDR เป็นโหมดที่ช่วยดึงเอาเงาที่ลึกที่สุดและไฮไลท์ที่สว่างที่สุดของฉากในรูปภาพออกมา โหมดนี้มีประโยชน์สำหรับการภาพถ่ายสถานที่กลางแจ้งต่าง ๆ เช่น รูปภาพวิวทิวทัศน์ แต่ภาพถ่าย HDR ก็มักมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการองค์ประกอบของรูปภาพ ซึ่งบทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับภาพถ่าย HDR และปัญหาที่คุณอาจเจอเมื่อเริ่มต้นใช้งานโหมด HDR

ภาพถ่าย HDR คืออะไร?

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับถ่ายภาพ HDR ที่ช่างภาพมือใหม่ไม่ควรพลาด

หลายคนคงกำลังสงสัยว่าภาพถ่าย HDR คืออะไร? ซึ่งโดยปกติแล้วสายตาของมนุษย์สามารถมองเห็นแสงได้ประมาณ 11 สต็อป แต่กล้องถ่ายรูปจะทำให้คุณสามารถเห็นแสงได้ประมาณ 3 สต็อป ซึ่งหมายความว่า คุณจะต้องตั้งค่ากล้องเพื่อถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพในฉากเดียว หากคุณเลือกใช้ซอฟต์แวร์ HDR (High Dynamic Range) คุณจะเห็นแสงได้อย่างชัดเจนทั่วทั้งภาพถ่าย ทำให้ภาพถ่ายของคุณดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ปกติแล้วในการถ่ายภาพมันจะมีช่วงความแตกต่างของภาพอยู่ 2 ช่วงนั่นคือช่วงมืดและช่วงสว่าง HDR ถือเป็นวิธีการรวมภาพตั้งแต่ 3 ภาพขึ้นเข้าด้วยกัน เพื่อปรับสมดุลของภาพให้ดูเด่นชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความละเอียด และความเด่นชัดของภาพให้สูงขึ้น นอกจากนี้กล้องถ่ายรูปส่วนใหญ่มักมีคุณสมบัติ HDR เฉพาะที่ให้คุณปรับการตั้งค่าได้อย่างอิสระ

การสร้างภาพถ่าย HDR ให้คุณลองพิจารณาไปที่การตั้งค่าของกล้องถ่ายรูป แล้วเลือกโหมด Bracketing หรือ BKT โหมดนี้จะทำให้กล้องถ่ายภาพต่อเนื่องที่มีค่าแสงต่างกันให้โดยคุณต้องตั้งค่าเป็น 2 EV, 0 EV และ +2 EV และกล้องส่วนใหญ่ในยุคนี้ก็สามารถรวมภาพทำ HDR ได้อย่างอัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่เนียนเท่ากับการทำด้วยโปรแกรมอย่างเช่น โปรแกรม Lightroom 

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับถ่ายภาพ HDR ที่ช่างภาพมือใหม่ไม่ควรพลาด

ภาพของฉากเดียวกันที่ถ่ายด้วยการเปิดรับแสงที่แตกต่างกันจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ภาพมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ภาพที่ 2 ที่เป็นการ ตั้งค่า 2 EV, 0 EV และ +2 EV ซึ่งเป็นภาพ HDR จะแสดงคอนทราสต์น้อยกว่าเล็กน้อย และมีรายละเอียดมากขึ้นในเงามืด ทำให้สีของภาพถ่ายดูสดใสและอิ่มตัวมากขึ้น

ปัญหาที่คุณอาจเจอเมื่อถ่ายภาพ HDR

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับถ่ายภาพ HDR ที่ช่างภาพมือใหม่ไม่ควรพลาด

การสร้างภาพถ่าย HDR ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ช่างภาพ แต่บางครั้งภาพ HDR ในอินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยความเกินจริง และดูเหมือนว่าปัญหาจะเกิดจากการประมวลผลภาพ HDR แบบอัตโนมัติที่มากเกินไป ซึ่งความจริงแล้วโหมด HDR เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีเป้าหมาย คือการขยายช่วงไดนามิกของรูปภาพของคุณ รูปภาพ HDR ที่ดีนั้นต้องมีความละเอียดอ่อนและดูเป็นธรรมชาติ และคุณไม่จำเป็นต้องลบคอนทราสต์ของภาพออกเพราะว่ามันทำให้ทุกอย่างในภาพถ่ายดูมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

Categories
มือใหม่

6 เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว

6 เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว

ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าการถ่ายภาพสินค้าถือว่ามีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย และช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้า ซึ่งเราจะเห็นว่าผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มักตัดสินใจถ่ายภาพสินค้าเอง เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งการถ่ายภาพที่ดีนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เสมอไป เนื่องจากสมัยนี้เราสามารถใช้แค่สมาร์ทโฟนเพียงแค่เครื่องเดียวถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาน่าสนใจได้

อย่างไรก็ตาม การภาพถ่ายถือเป็นตัวแทนที่บอกเล่าถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของสินค้าให้แก่ลูกค้าได้รับรู้ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า เนื่องจากลูกค้าไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้าจริง จึงต้องตัดสินใจผ่านภาพถ่ายและคําโฆษณาที่เขียนบอกเล่าเท่านั้น ดังนั้นคุณควรต้องถ่ายภาพสินค้าให้ชัดเจน และบอกรายละเอียดให้ครบถ้วน รวมถึงการสื่ออารมณ์ของสินค้าให้ตรงกับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปพบกับเทคนิคง่าย ๆ สำหรับการถ่ายภาพสินค้าอย่างไรให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้า

6 เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าด้วยสมาร์ทโฟน

สำหรับเทคนิคการถ่ายภาพสินค้าด้วยมือถือสิ่งสำคัญที่สุด คือการจัดองค์ประกอบภาพ เครื่องมือที่ใช้ และการตั้งค่ากล้อง รวมถึงวิธีการจัดแสงวัตถุหรือฉาก ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ฟรีมากมาย เช่น ช่อง YouTube แต่สำหรับวันนี้ได้จะพาคุณไปดูเทคนิคง่าย ๆ ที่คุณไม่ควรพลาดเกี่ยวกับการถ่ายภาพสินค้าด้วยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว

1.การใช้แสงธรรมชาติ

การถ่ายภาพสินค้าที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแสงที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการจัดแสงในสตูดิโอจะช่วยให้คุณควบคุมฉากของคุณได้มากที่สุด แต่อุปกรณ์ค่อนข้างมีราคาแพง หากคุณต้องการประหยัดต้นทุน การใช้แสงธรรมชาติก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะให้รูปลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติและใช้ประโยชน์ได้ง่ายมาก แถมยังฟรีอีกด้วย

2.ห้ามซูม

การซูมรูปภาพจะทำให้ความละเอียดของภาพลดลงและคุณภาพของภาพลดลง ดังนั้นหากคุณต้องการภาพสินค้าที่เต็มเฟรมให้พยายามเข้าใกล้สินค้าของคุณให้มากขึ้น 

3.ปิดแฟลช

คุณสมบัติแฟลชของสมาร์ทโฟนจะทำให้ผลลัพธ์ของภาพไม่ตรงตามที่คุณต้องการ เช่น ภาพที่พร่ามัว สว่างจ้า และมีสีไม่ดี ทำให้เกิดความยุ่งยากในการแต่งรูป แต่หากคุณต้องการแสงที่ดีขึ้นให้ถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว

4.ทำความสะอาดผลิตภัณฑ์

ฟังดูเหมือนอาจจะดูง่าย ๆ แต่มันกลับเป็นเทคนิคที่ใครหลายคนมักมองข้ามไปชั่วขณะ ซึ่งก่อนที่คุณจะทำการถ่ายภาพสินค้าคุณควรทำความสะอาดสินค้าให้ดี เพื่อขจัดคราบฝุ่นหรือรอยเปื้อน เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ลดลง

5.การใช้ขาตั้งกล้อง

ไม่ว่าคุณจะใช้กล้อง DSLR หรือสมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพสินค้า การใช้ขาตั้งกล้องจะช่วยลดการสั่นของกล้อง ช่วยให้คุณได้ภาพถ่ายที่คมชัด 

6.การถ่ายหลายช็อต

การถ่ายภาพฉากหลาย ๆ ภาพจากมุมและสไตล์ที่ต่างกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อคุณกลับไปแก้ไขในภายหลัง

การแต่งรูปภาพสินค้า

6 เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว

เมื่อคุณได้ถ่ายภาพสินค้าที่คมชัดมาเป็นชุดแล้ว ให้ลองพิจารณาการใช้โปรแกรมแต่งรูปภาพ เพื่อแก้ไขรูปภาพให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด เราขอแนะนำแพลตฟอร์มการแก้ไขภาพอย่าง Lightroom ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมรูปลักษณ์ของภาพถ่ายได้มากขึ้น โดย Lightroom จะทำให้คุณสามารถปรับระดับแสง คอนทราสต์ สี และอื่น ๆ เพื่อให้รูปภาพสินค้าออกมาดูดีที่สุด แต่อาจต้องใช้เวลาการฝึกฝนเพื่อทำความคุ้นเคยกับกระบวนการใช้งานสักระยะหนึ่ง 

Categories
มือใหม่

3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ

3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ

คุณเคยประสบปัญหาถ่ายภาพด้วยกล้อง แล้วภาพถ่ายดูเอียง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่? ซึ่งปัญหานี้มักเกิด เมื่อเราถ่ายภาพอาคารหรือวัตถุตั้งตรงประเภทใดก็ตามที่สูงด้วยกล้องถ่ายรูป แล้ววัตถุในรูปภาพดูเอียง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ และหลายคนมักแก้ไขปัญหานี้ด้วยการปรับแต่งภาพ วิธีการปรับแต่งภาพนั้นมีหลากหลายวิธี แต่ช่างภาพส่วนใหญ่มักแก้ไขปัญหาภาพเอียงด้วยวิธีการใช้โปรแกรมแต่งรูป และการปรับเลนส์กล้องถ่ายรูป ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อทำให้รูปภาพของคุณนั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น

3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาตรงอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับวิธีการปรับแต่งภาพด้วยโปรแกรมแต่งรูป และการปรับเลนส์กล้องถ่ายรูปนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่เหล่าช่างภาพส่วนใหญ่เขาใช้กัน ซึ่งมันทำให้ผลลัพธ์ของรูปภาพนั้นดูเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบมากขึ้น ในบางครั้งคุณถ่ายภาพอาคารแล้วรู้สึกว่าตัวอาคารในรูปภาพดูเหมือนจะเอนเอียงแปลก ๆ นั่นเป็นเพราะมุมระยะห่างส่วนบนของอาคารมากกว่ามุมส่วนล่าง ดังนั้นเราจึงมี 3 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ภาพถ่ายของคุณดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติด้วย Lightroom, Photoshop และเลนส์ Tilt-Shift

1. Lightroom Classic

คุณทราบหรือไม่? ว่าการปรับแต่งภาพด้วยโปรแกรม Lightroom Classic นั้นเป็นวิธีที่รวดเร็วและง่ายดาย เนื่องจากมันมีเครื่องมือที่จะช่วยปรับแต่งภาพเอียงให้ดูสมดุลมากขึ้น และยังมีพรีเซ็ตอัตโนมัติที่สามารถประเมินภาพถ่ายและทำปรับเปลี่ยนเองแทนคุณได้ สำหรับการแก้ไขภาพเอียงด้วย Lightroom Classic ให้โมดูล Develop และไปที่แผง Transform ซึ่งจะมีตัวเลือกที่ตั้งไว้ล่วงหน้าให้เลือก ได้แก่ off, Auto, Guided, Level, Vertical, และ Full โดยปกติ Auto จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ค่อนข้างดี แต่คุณก็สามารถปรับภาพด้วยตนเองได้เช่นกัน 

3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ

จากภาพด้านบนจะเป็นการตั้งค่าโดยใช้แถบเลื่อน Vertical ติดลบที่ -43 เพื่อให้ส่วนบนของเฟรมกว้างขึ้น และแถบเลื่อน Horizontal ที่เป็นบวกเล็กน้อยที่ +4 เพื่อช่วยปรับสมดุลน้ำหนักภาพของฉาก

2. Photoshop CC

ช่างภาพหลายคนต่างชื่นชอบการปรับแต่งภาพด้วยโปรแกรม Photoshop CC ซึ่งโปรแกรมนี้ช่วยให้คุณแก้ไขรูปภาพที่เอียงให้กลับมาดูสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ โดยเปิดรูปภาพใน Photoshop CC (หรือเมื่อเปิดไฟล์ดิบ) แล้วใช้ Camera Raw เพื่อทำการปรับแต่งภาพแบบเดียวกับที่เราทำใน Lightroom Classic หากเปิดไฟล์ raw หน้าต่างกล่องโต้ตอบนี้จะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และหากคุณต้องการเปิดไฟล์ประเภทอื่นให้ไปที่ Filter>Camera Raw Filter (Shift+Ctrl+A หรือ Shift+Cmd+A บน Mac) จากนั้นไปที่แท็บ Geometry เพื่อแสดงการควบคุมประเภทเดียวกับที่เราพบใน Lightroom Classic แต่เราไม่พบตัวเลือก Constrain Crop ให้ใช้การปรับด้วยตนเองโดยใช้แถบเลื่อน ดังนั้น Lightroom Classic จึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับ โปรแกรม Photoshop CC

3 วิธีการปรับแต่งภาพเอียงให้กลับมาดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ

3. เลนส์ Tilt-Shift

นอกจากนี้การใช้โปรแกรมปรับแต่งภาพแล้ว การใช้เลนส์ Tilt-Shift ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการปรับแต่งภาพที่เอียงให้กลับมาดูสมบูรณ์แบบได้ โดยการหมุนแป้นหมุน Shift บนเลนส์จนกว่าแนวตั้งจะยืดออก แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง แม้ว่าเลนส์และตัวกล้องจะอยู่ในแนวใดก็ตาม คุณอาจพบว่ามีการเอนเอียง ให้ลองหมุนกลับในอีกทางหนึ่ง และให้ตรวจดูว่าเลนส์กล้องของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเลนส์ Tilt-Shift ส่วนใหญ่มีสวิตช์พิเศษที่ช่วยให้เลนส์หมุนได้โดยไม่ทำให้องค์ประกอบภาพเสียหาย

ไฮโลไทยเว็บตรง

Categories
มือใหม่

แนะนำ 5 แอป Teleprompter ที่ดีที่สุด ช่วยให้การถ่ายวิดีโอ และการอ่านสคริปต์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น

แนะนำ 5 แอป Teleprompter ที่ดีที่สุด

ปัจจุบันเทคโนโลยี Teleprompter (เครื่องบอกบท หรือ เครื่องบอกสคริปต์) ไม่ได้มีไว้ใช้แค่ถ่ายวิดีโอรายงานข่าวสารสำหรับนักข่าวโทรทัศน์เท่านั้น เพราะในสมัยนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า และทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างสรรค์ Content และบุคคลทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา ก็สามารถใช้งานเทคโนโลยี Teleprompter ได้ง่าย ๆ ผ่านทางแอปพลิเคชันในแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนของคุณ 

แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มดาวน์โหลดแอป teleprompter คุณอาจต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป Teleprompter ที่ได้รับความนิยมและผ่านการทดสอบว่าสามารถช่วยให้การถ่ายวิดีโอ และการอ่านสคริปต์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นเสียก่อน ซึ่งวันนี้ผู้เขียนก็มี 5 แอป Teleprompter มาแนะนำทุกคน โดยแอปเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบและถูกยอมรับว่าเป็นแอป Teleprompter ที่ดีที่สุด โดย vloggers และผู้สร้างสร้างสรรค์ Content นับพันคน ส่วนจะมีแอปไหนบ้างนั้น ติดตามได้จากบทความนี้เลยค่ะ



5 แอป Teleprompter สำหรับถ่ายวิดีโอเพื่อพรีเซนต์งาน

สำหรับใครที่ต้องถ่ายวิดีโอเพื่อพรีเซนต์งาน หรือรายงานข่าวสารที่ต้องมีการอ่านสคริปต์แอป Teleprompter สามารถช่วยให้การอ่านสคริปต์ในวิดีโอของคุณราบรื่นดูเป็นธรรมชาติได้ เดิมทีเครื่อง teleprompter ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องอ่านบอกสคริปต์สำหรับนักข่าวโทรทัศน์ โดยระบบจะใช้หน้าจอกระจก ซึ่งด้านสะท้อนแสงติดตั้งอยู่ที่มุมด้านบนของจอภาพที่แสดงสคริปต์ที่เขียนไว้ล่วงหน้า แต่เนื่องจากสิ่งที่เราเห็นในกระจกจะพลิกกลับในแนวนอน สคริปต์บนจอภาพจึงแสดงกลับด้าน ดังนั้นสิ่งที่สะท้อนจากหน้าจอกระจกจริงๆ จะสามารถอ่านได้ 

ด้วยความที่มอนิเตอร์บน teleprompters แบบดั้งเดิมจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ 2 หน้าจอเพื่อดึงข้อมูล จึงไม่เหมาะกับงานทั่วไปที่ต้องใช้สมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอ ดังนั้นการใช้แอป teleprompter จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่ง 5 แอปที่เรานำมาแนะนำทุกคนวันนี้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งของ Apple และ Android 

แนะนำ 5 แอป Teleprompter ที่ดีที่สุด

Parrot Teleprompter

เริ่มกันที่ Parrot Teleprompter เป็นแอป teleprompter ถ่ายวิดีโอพร้อมอ่านสคริปต์สำหรับผู้ใช้ Apple และ Android ด้วยซอฟต์แวร์ยอดนิยมที่ใช้งานง่าย เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเร็ว การเลื่อนข้อความ เปลี่ยนขนาดตัวอักษร เปลี่ยนสีพื้นหน้าและพื้นหลัง แม้แต่พลิกสคริปต์ได้หากคุณต้องการ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ มากมาย ได้แก่ ความสามารถในการซิงค์สคริปต์ไฟล์ .txt ผ่าน Dropbox ซึ่งจะนำคุณไปยังตำแหน่งที่กำลังอ่านคุณอยู่ในสคริปต์

PromptSmart

มาต่อกันที่ PromptSmart ถือเป็นอีกหนึ่งแอป teleprompter ฟรีที่ใช้ถ่ายวิดีโอพร้อมอ่านสคริปต์สำหรับ iOS และ Android มีคุณสมบัติการสั่งงานด้วยเสียงที่ใช้งานง่าย ด้วยการใช้เทคโนโลยี VoiceTrackTM โดยแอปจะฟังคำพูดของคุณเพื่อให้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนในสคริปต์และปรับความเร็วในการเลื่อนตาม วิธีนี้จะช่วยให้คุณการแสดงของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการอ่านสคริปต์

แอปนี้มีทั้งเวอร์ชันฟรีมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์มากมาย และเวอร์ชันที่ต้องเสียเงินเพื่อปลดล็อกการบันทึกวิดีโอ (บนแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวกัน) การใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่อัตโนมัติ การมิเรอร์ข้อความ และการปรับสีข้อความและพื้นหลัง

Teleprompter Pro Lite

Teleprompter Pro Lite เป็นอีกหนึ่งแอป teleprompter ที่ใช้งานถ่ายวิดีโอพร้อมอ่านสคริปต์ได้ง่าย ๆ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนอุปกรณ์ iOS หรือ Android มีคุณสมบัติมาตรฐานไม่ว่าจะเป็นการเลือกแบบอักษร การควบคุมขนาดข้อความ การควบคุมความเร็วการเลื่อน (แม้ในระหว่างการเรียกใช้) และการนำเข้าสคริปต์ แอปนี้มีทั้งเวอร์ชันฟรี และเวอร์ชันที่ต้องเสียเงินเพื่อปลดล็อกโหมดมิเรอร์ ที่จะทำให้คุณสามารถใช้จอภาพเป็นอุปกรณ์สำหรับชุดเครื่องมือ teleprompter การเลือกสีแบบอักษรและพื้นหลัง การควบคุม Bluetooth และความสามารถในการเข้าถึงสคริปต์ได้ไม่จำกัด

BIGVU

หากคุณกำลังมองหาแอป teleprompter พร้อมกับความสามารถในการตัดต่อวิดีโอได้ด้วย เราขอแนะนำ BIGVU แอปยอดนิยมที่ทำหน้าที่เป็นทั้งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ และ teleprompter ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคำบรรยายและสร้างวิดีโอ HD ขณะอยู่ในโหมด teleprompter ได้ทั้งแนวตั้งหรือแนวนอนและในอัตราส่วนภาพต่างๆ แอปนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนอุปกรณ์ iOS หรือ Android แอป BIGVU เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการเข้าใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีโซเชียลมีเดียหรืออีเมลของคุณได้ และด้วยความที่แอปผสานรวมกับ YouTube คุณก็สามารถอัปโหลดวิดีโอของคุณโดยตรงไปยังช่อง YouTube ได้อย่างง่ายดาย และคุณสามารถอัปเดตเป็นเวอร์ชันพรีเมียม (เสียเงิน) เพื่อลบลายน้ำ เพิ่มเพลงประกอบ และใช้งานคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย

Video Teleprompter

Video Teleprompter เป็นอีกหนึ่งแอป teleprompter ที่โดดเด่น เพราะมันมีคุณสมบัติที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างงานนำเสนอที่กำหนดเองด้วยรูปภาพ วิดีโอ และองค์ประกอบอื่นๆ เปรียบเสมือนสตูดิโอวิดีโอแบบพกพาขนาดเล็กเลยก็ว่าได้ อีกทั้งมันยังให้คุณปรับพื้นที่ข้อความ เพื่อให้คุณสามารถขยับเข้าไปใกล้กล้องมากขึ้น ทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังมองเลนส์โดยตรงขณะอ่านสคริปต์ แอปนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนอุปกรณ์ iOS หรือ Android

ผู้สนับสนุน: HILO-88 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง บริการ ไฮโลไทย บาคาร่า สล็อต และอื่น ๆ อีกมากมาย รับรองความมั่นคง ปลอดภัย 100%

Categories
มือใหม่

4 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนมือถือสุดเจ๋ง เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และสายคอนเทนต์ไม่ควรพลาด

วิดีโอกลายเป็นสื่อรูปแบบหนึ่งที่เหล่าคนทำงานสายคอนเทนต์ใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการสร้างวิดีโอ นั่นก็คือ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โดยสมัยนี้มีโปรแกรมตัดต่อวิดีโอให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้งแบบเสียเงิน และแบบฟรี อีกทั้งเรายังสามารถเลือกใช้งานได้บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และบนมือถือ

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วิดีโอกลายเป็นสื่อรูปแบบหนึ่งที่สำคัญในการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับทำการตลาดให้กับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นช่องทางจาก Facebook และ Instagram Stories ไปจนถึง YouTube ผู้บริโภคล้วนแล้วต้องการดูวิดีโอเกี่ยวกับสินค้านั้น ๆ โดยตามรายงานจาก The State of Video Marketing ในปี 2019 โดย HubSpot กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้ว ผู้บริโภคกว่า 87% ต้องการดูวิดีโอเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้าของแบรนด์เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การตัดสินใจซื้อนั้นง่ายขึ้น

หากคุณเป็นเหมือนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก คุณอาจใช้โทรศัพท์เพื่อสร้างเนื้อหาวิดีโอของคุณได้ หรือใครที่ต้องเดินทางตลอดเวลา การใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนมือถือถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณสร้างวิดีโอได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขณะเดินทาง แถมยังทำให้วิดีโอของคุณดูมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนก็มี 4 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนมือถือสุดเจ๋งมาแนะนำทุกคน ขอบอกก่อนเลยว่าโปรแกรมเหล่านี้ที่เราคัดเลือกมาล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ ช่วยให้เหล่าเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และคนทำงานสายคอนเทนต์สามารถสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอได้อย่างง่ายดาย

4 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนมือถือสุดเจ๋ง ใช้งานง่าย สะดวกและรวดเร็ว

ในปัจจุบันโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ให้ใช้งานฟรีมีหลากหลาย ไม่ว่าคุณจะตัดตัดต่อวิดีโอลง Facebook Instagram และYouTube โปรแกรมที่เราคัดเลือกมาในวันนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและแก้ไขวิดีโอบนอุปกรณ์มือถือได้อย่างง่ายดาย แถมยังสะดวกและรวดเร็ว มีให้เลือกใช้งานทั้งเวอร์ชั่นให้บริการฟรีและเวอร์ชั่นเสียเงินเพิ่มเติม เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก คนทำงานสายคอนเทนต์ รวมไปถึงผู้ที่ต้องการตัดต่อวิดีโอ โดยโปรแกรมตัดต่อวิดีโอเหล่านี้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่การปรับขนาดฟุตเทจไปจนถึงการเพิ่มสติ๊กเกอร์ โลโก้สินค้า และการใส่ฟิลเตอร์ให้กับคลิปวิดีโอของคุณ

Quik

เริ่มกันที่โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่มีชื่อว่า Quik เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขวิดีโอขณะเดินทาง เพียงคุณกดถ่ายวิดีโอ แล้วแก้ไข และโพสต์ลงใน Quik ก็จะช่วยให้คุณค้นหาฟุตเทจของคุณได้ง่ายขึ้น สามารถแก้ไขคลิปโดยอัตโนมัติ และเพิ่มช่วงการเปลี่ยนภาพวิดีโอได้ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขฟุตเทจเดิมได้ด้วยตนเอง มีเพลงให้เลือกใส่ในวิดีโอได้กว่า 100 เพลง สามารถซิงค์วิดีโอกับเพลงโดยอัตโนมัติ มีแบบตัวอักษรข้อความและอีโมจิให้เลือกใช้หลากหลาย
พร้อมใช้งานสำหรับ iOS และ Android
ค่าใช้จ่าย : Quik สามารถใช้งานได้ฟรี แต่ผู้ใช้สามารถอัปเกรดเป็น GoPro Plus ระดับพรีเมียมได้ในราคา 179 ต่อเดือน พร้อมทดลองใช้งานฟรี 30 วัน

Splice

สำหรับมือใหม่เริ่มใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ เราขอแนะนำ Splice แอปพลิเคชันที่มีรูปแบบอินเทอร์เฟซที่ง่ายต่อการใช้งาน ถูกออกแบบมาเพื่อตัดแต่งและตัดครอบวิดีโอ มีสเปเชียลเอฟเฟกต์ รวมถึงฟังก์ชั่นอื่น ๆ มากมาย สามารถเลือกชื่อและรูปแบบการเปลี่ยนภาพของคุณได้ มีคลังเพลงและเสียงให้ใช้ฟรี สามารถซิงค์วิดีโอของคุณตามจังหวะเพลงประกอบได้ นอกจากนี้ Splice ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงของ Apple Store สูง ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจำนวนมาก
พร้อมใช้งานสำหรับ iOS
ค่าใช้จ่าย : สามารถใช้งานได้ฟรี

iMovie

สำหรับผู้ใช้ Apple คงจะเคยเห็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอนี้ภายใน iphone ของคุณ iMovie เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมากเพื่อใช้สร้างและตัดต่อวิดีโอ ด้วยอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย ตัดคลิปวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มเพลง และบันทึกเสียงพากย์ได้อย่างง่ายดาย วิดีโอมีความละเอียด 4K พร้อมเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์วิดีโอให้เลือกใช้มากมาย ที่สำคัญไม่ติดลายน้ำ แต่ใช้งานได้เฉพาะในอุปกรณ์ Apple เท่านั้น
พร้อมใช้งานสำหรับ iOS
ค่าใช้จ่าย : สามารถใช้งานได้ฟรี

PicPlayPost

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอด้วยการสร้างวิดีโอจากรูปภาพ PicPlayPost ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะแอปใช้งานง่าย ช่วยให้คุณสร้างสไลด์โชว์และภาพตัดปะอัตโนมัติได้ สามารถรวมรูปภาพ วิดีโอ และ GIF ได้สูงสุดถึง 365 รายการ พร้อมการอัปโหลดเสียงบรรยาย หรือเพลงประกอบ และปรับความเร็ววิดีโอได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มลายน้ำแบบกำหนดเองและโลโก้แบรนด์ตลอดจนพื้นหลังที่กำหนดเองได้
พร้อมใช้งานสำหรับ iOS และ Android
ค่าใช้จ่าย : สามารถใช้งานได้ฟรี และสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ภายในแอป

นี่คือโปรแกรมตัดต่อวิดีโอเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในปัจจุบันยังมีโปรแกรมตัดต่อวิดีโอดี ๆ อีกมากมาย โปรแกรมที่เราคัดมานี้สามารถดาวน์โหลดไว้ในมือถือของคุณได้ฟรี ดังนั้นอย่ารอช้ารีบคว้าโทรศัพท์ของคุณ มากดดาวน์โหลดกันเลยค่ะ

Categories
มือใหม่

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Sony Vegas Pro 15 สำหรับนักตัดต่อวีดีโอมือใหม่

นักตัดต่อวิดีโอมืออาชีพหลายคนคงจะเคยใช้งานหรือเคยได้ยินชื่อโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 กันใช่ไหมคะ? ซึ่งโปรแกรมนี้มีคุณสมบัติที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักตัดต่อมืออาชีพและมือใหม่ บนแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์นี้มีตัวเลือกการตัดต่อวิดีโอที่น่าสนใจมากมาย พร้อมกับปลั๊กอินเพิ่มเติม (โปรแกรมเสริม) ที่ช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ

Sony Vegas เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากโปรแกรมไม่ค่อยหนักเครื่องคอมพิวเตอร์มาก และยังใช้งานง่าย มาพร้อมกับเครื่องมือคำสั่งที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้อย่างสร้างสรรค์ ทำให้วิดีโอของคุณดูโดดเด่น อีกทั้งคุณยังสามารถเลือกตั้งค่าล่วงหน้าสำหรับการส่งออกที่หลากหลาย รวมถึงวิดีโอ YouTube HD

สำหรับนักตัดต่อวีดีโอที่ยังใหม่กับโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 อาจพบปัญหาการใช้งานใช้ช่วงแรก ๆ และหากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการตัดต่อวิดีโอบนแพลตฟอร์มนี้ ข้อมูลของบทความนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณ

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Sony Vegas Pro 15 ครั้งแรก

Sony Vegas Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำคุณก้าวเข้าไปสู่การผลิตวิดีโอที่โดดเด่น พร้อมการใช้งานที่ง่ายด้วยอินเทอร์เฟซที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ มีการจัดการสื่อที่ครอบคลุม และการตัดต่อเสียงขั้นสูง เหมาะกับงานจริงจังระดับมืออาชีพ รองรับไฟล์วิดีโอความละเอียดสูง พร้อมเติมเต็มให้กระแสความคิดสร้างสรรค์ของคุณเพิ่มพูนขึ้น ในปัจจุบัน Vegas Pro 15 สามารถช่วยให้คุณแก้ไขวิดีโอ 360° ได้ด้วยการนำเสนอเทมเพลต 360° ที่หลากหลาย ให้คุณสามารถสร้างประสบการณ์การรับชมวิดีโอที่สมจริงมากยิ่งขึ้น หลังจากที่คุณตรวจสอบแล้วว่าอุปกรณ์ของคุณสามารถรองรับการใช้งานโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 ต่อมาเรามาเรียนรู้วิธีเริ่มต้นใช้งาน Sony Vegas Pro 15 กันเลยค่ะ

การนำเข้าคลิปวิดีโอ

ก่อนอื่นเข้าโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 แล้วให้ไปที่ตัวเลือกไฟล์จากมุมบนซ้ายของหน้าจอ จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้

  • กดตัวเลือกการนำเข้า จากเมนูแบบเลื่อนลง
  • เมนูด้านข้างจะปรากฏขึ้นทันทีที่คุณต้องเลือกตัวเลือกสื่อ ในไม่ช้าจะเปิดเบราว์เซอร์ไฟล์ให้คุณเลือกไฟล์ที่คุณต้องการตัดต่อ
  • เมื่อคุณกดปุ่มตกลงบนหน้าต่างเบราว์เซอร์ ภายในไม่กี่วินาทีไฟล์ของคุณจะปรากฏบนหน้าจอผ่านแท็บเครื่องมือ และตอนนี้คุณสามารถลากคลิปไปยังไทม์ไลน์เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย

หน้าต่างไทม์ไลน์

หน้าต่างไทม์ไลน์ของโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 จะประกอบไปด้วยแทร็กเสียงและวิดีโอทั้งหมดที่คุณอาจต้องใช้ในการตัดต่อแก้ไขเพิ่มเติม ในการเลือกนี้ คลิปเสียงจะมีเพลงและเอฟเฟกต์เสียงอื่น ๆ ในขณะที่ส่วนของแทร็กวิดีโอจะมีข้อความ วิดีโอ และรูปภาพ ผู้ใช้ยังสามารถใช้ตัวเลือกเพิ่มแทร็กวิดีโอเพื่อเพิ่มพื้นที่ไทม์ไลน์เพิมเติมได้ตามความต้องการ

การใส่เอฟเฟกต์

เมื่อเนื้อหาที่มีอยู่ในหน้าต่างไทม์ไลน์ของคุณสามารถแก้ไขได้ ผู้ใช้สามารถทำให้วิดีโอโดดเด่นและน่าสนใจได้ด้วยการใส่เอฟเฟกต์พิเศษต่าง ๆ โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

  • หากต้องการเพิ่มเอฟเฟกต์ ให้กดตัวเลือกเอฟเฟกต์จากแท็บทางด้านซ้ายของหน้าจอ
  • เลือกเอฟเฟกต์ที่ต้องการจากเมนูเอฟเฟกต์
  • คลิกแล้วลากเอฟเฟกต์ของคุณไปยังคลิปวิดีโอที่มีอยู่ในหน้าไทม์ไลน์ คุณต้องการใส่เอฟเฟกต์ นอกจากนี้คุณยังสมารถแก้ไขอัตราส่วนเอฟเฟกต์ได้
  • เมื่อคุณปรับเอฟเฟกต์ของคุณให้เข้ากับวิดีโอแล้ว ให้ปิดตัวแก้ไขและเอฟเฟกต์จะทำงาน

การใช้ Masking

โปรแกรม Sony Vegas Pro 15 จะมีเครื่องมืออเนกประสงค์ Masking ที่ใช้สำหรับตัดวัตถุต่างๆ จากคลิปวิดีโอ โดยไม่ต้องใช้ฉากสีเขียว โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ก่อนอื่นให้คลิกขวาที่ไฟล์วิดีโอที่คุณต้องการใช้ Masking
  • เลือกเมนู “Event Pan/crop”
  • เลือกช่องทำเครื่องหมายเป็น “Mask”
  • แถบเครื่องมือสำหรับการ Masking จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
  • กดที่เครื่องมือ creation tool and use สำหรับการเลือกจุดที่คุณต้องการตัดออก
  • เมื่อการเชื่อมต่อของจุดยึดถูกสร้างขึ้น โปรแกรมจะตรวจจับวัตถุนั้นเอง และคุณสามารถจัดการมันได้ตามต้องการ
  • ย้ายวัตถุที่เลือกนั้นไปยังตำแหน่งที่ต้องการและเมื่อพอดีแล้วให้กด Apply

การส่งออกไฟล์วิดีโอ

เมื่อคุณทำการตัดต่อวิดีโอเสร็จแล้ว คุณสามารถส่งออกไฟล์ได้ง่าย ๆ เพื่อให้สามารถอัปโหลดไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ให้เลือกเมนูไฟล์จากมุมบนซ้ายของหน้าจอ
  • เลือกตัวเลือกส่งออกและจะปรากฏหน้าต่างเมนูตัวเลือก
  • เลือกรูปแบบไฟล์วิดีโอที่ต้องการสำหรับการอัปโหลดวิดีโอของคุณ
  • เพียงแค่นี้วิดีโอของคุณก็พร้อมสำหรับการดูบนเดสก์ท็อปและการอัปโหลดแล้ว

โปรแกรม Vegas Pro 15 ฟรีหรือไม่?

หลายคนถามว่า Sony Vegas Pro 15 ฟรีไหม? จริง ๆ คุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Vegas Pro 15 ได้ฟรี แต่คุณต้องเสียเงินจ่าย ประมาณ 7,932 บาท สำหรับการเข้าใช้ง่ายพร้อมใบอนุญาตตลอดชีพ ก่อนดาวน์โหลดคุณต้องเข้าใจข้อกำหนดของระบบเพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยโปรแกรม Sony Vegas Pro 15 สนับสนุนการใช้งานบน Windows 10, 8, 7 (64 บิต) แต่ไม่สามารถใช้ได้บน Mac ที่มีโปรเซสเซอร์ขั้นต่ำ 4 คอร์ 5 GHz และ RAM ขั้นต่ำ 8 GB GPU ที่รองรับได้แก่ NVIDIA, AMD/ATI และ Intel

ufabet เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ผู้ให้บริการ คาสิโนออนไลน์ ที่ดีที่สุด