Categories
เสียง

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ ที่คุณไม่ควรพลาด

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

หลายคนที่ทำงานด้านการตัดต่อวิดีโอคงทราบกันดีว่าเสียงเป็นสิ่งสำคัญต่อการผลิตคลิปวิดีโอและภาพยนตร์อย่างมาก เนื่องจากเสียงเป็นตัวสื่อสารที่ดีในการถ่ายทอดความรู้สึกหรือความต้องการที่ต้องการสื่อ ผู้รับสารมักจะชอบฟังเสียงควบคู่ไปกับดูภาพวิดีโอ ดังนั้นโปรแกรมตัดต่อเสียง จึงมีความจำเป็นในการผลิตวิดีโอ นักตัดต่อวิดีโอควรมีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือของโปรแกรมตัดต่อเสียงที่คุณถนัด 

ปัจจุบันมีโปรแกรมตัดต่อเสียงให้เลือกใช้งานมากมายทั้งแบบฟรี และเสียเงิน สำหรับใครที่ไม่มีทุนที่จะใช้โปรแกรมแบบเสียเงินซื้อ เราก็มี 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่มีชื่อเสียง และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ แถมยังเป็นที่นิยมใช้งานทั้งในหมู่มือสมัครเล่น และมืออาชีพ ไม่ว่าคุณจะสร้างพอดแคสต์ มิกซ์เพลง หรือเพียงแค่ตัดแต่งการบันทึกเสียง โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยคุณตัดต่อเสียงได้ง่าย ๆ แถมไม่ต้องเสียเงินสักบาท!!!

5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี สำหรับนักตัดต่อมืออาชีพ และมือสมัครเล่น

สำหรับใครกำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อเสียงไว้ใช้สร้างพอดแคสต์ มิกซ์เพลง หรือตัดแต่งการบันทึกเสียง ซึ่งโปรแกรมที่ใช้ตัดต่อเสียงระดับมืออาชีพมักมีลักษณะการใช้งานที่ซับซ้อนและมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปหรือผู้ที่เริ่มต้นใช้โปรแกรมดัดแปลงเสียงครั้งแรก อีกทั้งยังให้ความรู้สึกไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเรามี 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรียอดนิยมที่ดีที่สุด อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมายมาแนะนำทุกคน อีกทั้งสามารถใช้งานได้บน Windows และmacOS ได้ด้วย เหมาะสำหรับใช้งานได้ทั้งนักตัดต่อมืออาชีพ และมือสมัครเล่น ซึ่งมีทั้งหมด ดังนี้

1. Audacity

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

Audacity เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี Audacity ที่เป็นที่นิยมใช้ทั้งในหมู่มือสมัครเล่น และมืออาชีพ เนื่องจากมีเครื่องมือที่ค่อนข้างครบครัน สนับสนุนไฟล์หลากหลายนามสกุล และใช้งานง่าย มีไลบรารีปลั๊กอินขนาดใหญ่ คุณจะแก้ไขไฟล์ที่บันทึกไว้ล่วงหน้า บันทึกเสียงใหม่ เพิ่มเอฟเฟกต์ และสามารถสตรีมโดยตรงไปยังผู้ฟังพอดคาสต์ได้ และที่สำคัญสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ Mac, Linux และ Windows พร้อมทั้งมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้เริ่มต้นใช้งาน เนื่องจากอินเทอร์เฟซดูล้าสมัย

2. Ashampoo Music Studio 2019

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

Ashampoo Music Studio 2019 เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแก้ไขไฟล์เสียงเป็นครั้งแรก เนื่องจาก Ashampoo มีอินเทอร์เฟซการแก้ไขไฟล์เสียงที่ใช้งานง่าย ด้วยหน้าต่างแสดงตัวอย่างรูปคลื่นเสียงขนาดใหญ่ และปุ่มสำหรับฟังก์ชันหลัก เช่น การตัดและวางส่วนของเสียงของคุณที่แสดงอยู่ด้านล่าง ด้วยความที่ Ashampoo ไม่ได้รับการสนับสนุนในรูปแบบหลายแทร็ก ดังนั้นโปรแกรมแก้ไขเสียงนี้จึงเหมาะที่สุดสำหรับการจัดเรียงคลิปเสียงอย่างง่าย แต่สามารถใช้งานได้แค่บนอุปกรณ์ Windows เท่านั้น

3. Audiotool

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

Audiotool เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่สามารถแก้ไขเสียงออนไลน์และเผยแพร่แทร็กเพลงได้ พร้อมกับเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการมิกซ์บีตที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถแก้ไขแทร็กเสียงของคุณ โดยเพิ่มฟิลเตอร์ที่มีใช้เลือกทั้งหมด 14 แบบ และสามารถสร้างตัวควบคุม MIDI ภายในโปรแกรมหรือใช้เครื่องมือแยกเพื่อลดทอนและแก้ไขสัญญาณเสียงได้ นอกจากนี้ Audiotool ยังสามารถซิงค์แทร็กระหว่างอุปกรณ์ได้ และพร้อมส่งออกไฟล์ในรูปแบบ MP3 และที่สำคัญสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ Mac, Linux และ Windows

4. Ocenaudio

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

Ocenaudio เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีที่ยอดเยี่ยม โดดเด่นไปด้วยความสามารถในการดูตัวอย่างเอฟเฟกต์แบบเรียลไทม์ เครื่องมือ Ocenaudio สามารถใช้แก้ไขไฟล์เสียงออนไลน์ได้ และคุณสามารถปรับพารามิเตอร์การเล่นได้โดยตรง ดังนั้นเมื่อคุณเปลี่ยนเอฟเฟกต์ คุณจะได้ยินเสียงก้องใน Ocenaudio ที่มีความแตกต่างทันที และที่สำคัญสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ Mac, Linux และ Windows ทำให้มันสามารถทำงานกับไฟล์ที่โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์รวมถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในพีซีได้ 

5. Acoustica 6

แนะนำ 5 โปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี

สุดท้ายโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรี Acoustica 6 เป็นโปรแกรมแก้ไขเสียงขั้นสูง สำหรับงานที่ซับซ้อน มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ Audacity แต่เหนือกว่าด้วยอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาอย่างดี และด้วยตัวเลือกการออกแบบที่สมเหตุสมผล จึงใช้เวลาเรียนรู้เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถใช้งานได้ คุณสามารถติดตั้งปลั๊กอิน VST หรือ DirectX ได้ จึงทำให้คุณสามารถเข้าถึงเอฟเฟกต์เสียงใหม่ ๆ มากมาย ที่สามารถช่วยปรับแต่งแทร็กเสียง เพื่อสร้างผลงานเพลงที่คุณต้องการได้ง่าย ๆ และจุดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Acoustica คือ พื้นที่ “Effect Chain” ที่จะช่วยให้คุณสามารถเลเยอร์เอฟเฟกต์เสียงต่าง ๆ ได้ แต่สามารถใช้งานได้แค่บนอุปกรณ์ Windows เท่านั้น



ผู้สนับสนุน: ufabet เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

Categories
เสียง

การมิกซ์เสียงพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC สำหรับ Video Editor

นักตัดต่อวิดีโอ หรือ Video Editor หลายคนยอมรับว่าการตัดต่อวิดีโอให้น่าสนใจและโดดเด่นนั้น นอกจากเทคนิคการตัดต่อที่ดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยนั้นก็ คือ เทคนิคการตัดต่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการมิกซ์เสียง การเพิ่มเอฟเฟกต์ และการแก้ไขเสียงอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งบทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC ที่เหล่านัก Video Editor ใช้กัน

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอส่วนใหญ่ในปัจจุบันนอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือการตัดต่อวิดีโอแล้ว ยังสามารถใช้แก้เสียงเสียงใส่ในวิดีโอได้อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราขอแนะนำโปรแกรม Adobe Premiere Pro CC ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อวิดีโอและเสียง ใส่ Effect และ Transition ให้กับภาพและเสียง เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ Video Editor หลายคนเลือกใช้งานในการสร้างสรรค์ผลงาน

การมิกซ์เสียงคืออะไร?

ก่อนที่จะไปดูเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC หลายคนคงกำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะว่าการมิกซ์เสียงคืออะไร? วันนี้คำตอบอยู่ที่นี่แล้วค่ะ การมิกซ์เสียง คือ กระบวนการแก้ไขเสียงโดยการนำเสียงหลาย ๆ เสียงที่คุณต้องการมากรวมกันเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งช่อง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า การปรับสมดุลของเสียงต่าง ๆ ที่อยู่ในเพลง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องและเสียงดนตรี เพื่อให้ระดับเสียงทั้งความดัง-เบา, ระดับความถี่ และจังหวะของตำแหน่งเสียงนั้นเหมาะสมกับวิดีโอ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นตัดต่อวิดีโอ หรือนัก Video Editor ควรจะต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐาน เพราะมันถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับวิดีโอที่ประกอบด้วยภาพและเสียง เพราะเสียงจะทำให้ผู้รับสื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่ในวิดีโอและทำให้วิดิโอของคุณน่าติดตามมากขึ้น

เทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC

สำหรับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานสำหรับ Video Editor เราจะใช้โปรแกรม Premiere Pro CC โดยเริ่มต้นเปิด Premiere Pro ไปที่ “Window” เลือก “Workspaces” และเลือก “Audio” โปรแกรมก็จะแสดงแผงเสียงที่จำเป็นทางด้านขวาของพื้นที่การทำงาน จากนั้นเรามาดูเทคนิคการมิกซ์เสียงระดับมืออาชีพกันเลยค่ะ

การปรับ GAIN

เมื่อคุณนำเข้าคลิปเสียงไปยังโปรเจ็กต์แล้ว ให้สังเกตว่าตำแหน่งเสียงอยู่ตรงไหน หากเสียงอยู่ระดับมากกว่า 0 จะทำให้เสียงผิดเพี้ยน ระดับเสียงที่ดีควรอยู่ในช่วงประมาณ -24 ถึง -6 หากมีบทสนทนาเสียงควรอยู่ระหว่าง -18 ถึง -9 แล้วเริ่มต้นปรับ GAIN โดยปรับเฉพาะส่วนของบทสนทนา เมื่อตั้งค่าแทร็ก A-roll แล้ว ให้ปรับระดับแทร็กเสียงอื่น ๆ ทั้งหมดให้ตรงกัน ทั้ง GAIN และวอลลุ่ม(ความดังของเสียง) อย่างไรก็ตาม GAIN คือระดับอินพุตของคลิป และระดับเสียงคือเอาต์พุตของคลิป

การปรับระดับ Keyframing

เมื่อเสียงหลักของคุณได้รับการปรับแล้ว ต่อไปก็คือการเปลี่ยนไปใช้เสียงรอง ซึ่งมักจะเป็นเพลงที่คุณต้องการ ให้ดูตัวอย่างแทร็กของคุณแล้วปรับ GAIN ให้เหมาะสม แล้วใส่เพลงลงในไทม์ไลน์แล้วฟัง จากนั้นปรับระดับด้วยการแทรก Keyframing หรือช่องสำหรับกำหนดค่า เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวในแต่ละช่วงเวลาให้กับคลิปวีดีโอจำเป็นต้องมีคีย์เริ่มต้น และคีย์สิ้นสุด คุณสามารถปรับคีย์เฟรมของคลิป หรือปรับคีย์เฟรมบนแทร็กทั้งหมดได้

จัดการเสียงรบกวน Ambience/Room Tone

ขณะถ่ายทำวิดีโอ อาจมีเสียงที่คุณไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในคลิปที่นอกเหนือไปจากเสียง A-roll หากคุณอัดคลิปในห้อง ให้คุณบันทึกเสียงของห้องในตำแหน่งที่เสียงบริเวณสม่ำเสมอ จากนั้นนำเสียงนั้นมาวาง “band-aids” ในตำแหน่งที่ควรอยู่ หรือใช้เอฟเฟกต์เสียง “de-noiser” โดยการปรับแถบเลื่อนการลดเสียงตามความเหมาะสม ดังนั้นอย่าลืมเว้นพื้นที่ทำงานสำหรับเอาเสียงรบกวนออกด้วย แต่เสียงต้นฉบับยังคงอยู่

การปรับเสียงด้วย Crossfade

คลิปเสียงทุกคลิปในไทม์ไลน์ของคุณควรมีการทำทั้งสองแทร็กพร้อมกันสองแทร็ก นั่นคือ แทร็กแรกค่อย ๆ จางหายไปและเพลงที่สองก็ค่อย ๆ หายไป Crossfade จะมีเพียงไม่กี่เฟรมและครอบคลุมป๊อปอัปที่เกิดขึ้นเมื่อคลิปเสียงถูกตัดเข้าหรือออก เช่น เมื่อคุณเปิดประตูไปยังห้องอื่นพร้อมกับดนตรีที่แตกต่างกันจากนั้นก็เดินผ่านห้องนั้นไปเสียงก็จะค่อย ๆ หายไป

การปรับแต่งเสียงวิดีโอ (Panning)

สุดท้ายคือการปรับระบบเสียง Mono โดยการเล่นคลิปที่มีการเคลื่อนไหวข้ามเฟรมและฟังเสียง จากนั้นแพนเสียงตามทิศทางของการเคลื่อนไหวบนหน้าจอทำให้เสียงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น กระบวนการนี้อาจส่งผลทางจิตวิทยาอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ฟัง

Categories
เสียง

เคล็ดลับเริ่มต้นการเป็นโปรดิวเซอร์เพลงที่คนทำเพลงไม่ควรพลาด

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ใฝ่ฝันอยากจะทำเพลง หรืออยากประกอบอาชีพโปรดิวเซอร์เพลง คุณควรจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการผลิตเพลงเสียก่อน ซึ่งคำแนะนำที่ดีที่สุดมักจะมาจากผู้ที่เคยประสบความสำเร็จจากการทำเพลงมาแล้วไม่ว่าจะเป็นศิลปิน โปรดิวเซอร์ และดีเจที่โด่งดังที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทยมีโปรดิวเซอร์เก่ง ๆ มากมาย เช่น เอ้ BOTCASH, Prod. By NINO เป็นต้น หากคุณได้เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของโปรดิวเซอร์ที่ชื่นชอบ คุณอาจรู้สึกประหลาดใจที่คำแนะนำเหล่านั้นฟังดูทั่วไป แต่ในท้ายที่สุดแล้วมันจะมีผลเชิงบวกในการผลิตเพลงของคุณในอนาคต รวมถึงเพิ่มความมั่นใจของคุณในฐานะโปรดิวเซอร์เพลงแน่นอน

การผลิตเพลงเป็นการแสดงออกถึงความคิดที่สร้างสรรค์ และแสดงออกถึงความเป็นตัวคุณ ใครที่กำลังอยากที่จะเริ่มต้นผลิตเพลงเป็นของตัวเองต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการผลิตเพลงให้ดี ซึ่งการเรียนรู้การผลิตเพลงไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนในสิ่งที่คุณต้องการ และรู้จักที่จะเรียนรู้วิธีการทำเพลง รวมถึงซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบทความนี้จะแนะนำเคล็ดลับเริ่มต้นง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากประกอบอาชีพโปรดิวเซอร์เพลง

เคล็ดลับเริ่มต้นเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอย่างมืออาชีพ

ตำแหน่งในอุตสาหกรรมดนตรีที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคือ โปรดิวเซอร์เพลง หากขาดพวกเขาเหล่านี้แน่นอนเลยว่าเราจะไม่มีเพลงที่ยอดเยี่ยมฟังเหมือนทุก ๆ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงไทย หรือเพลงต่างประเทศ ล้วนต้องมีโปรดิวเซอร์ที่ควบคุมการผลิตเพลงตั้งแต่ควบคุมการบันทึกเสียง ให้คำแนะนำและแนวทางกับนักดนตรี จัดการและวางแผนงานการผลิตทั้งค่าใช้จ่ายและทรัพยากร ดูแลจัดการการบันทึกเสียง การผสมเสียงและขั้นตอนการการทำต้นฉบับ ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน สำหรับเคล็ดลับเริ่มต้นง่าย ๆ สู่การเป็นโปรดิวเซอร์เพลงมืออาชีพ มีดังนี้

เรียนรู้โปรแกรมที่ช่วยในการผลิตเพลง DAW

สิ่งที่คนเริ่มต้นโปรดิวเซอร์เพลงต้องมีเลยก็คือ คอมพิวเตอร์และเวิร์กสเตชันเสียงดิจิทัล (DAW) ซึ่ง DAW เป็นซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ใช้ในการผลิตเพลง มีความสามารถในการบันทึก และการผลิตมิกซ์เสียง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือบันทึกเสียงสำหรับสตูดิโอบันทึกเสียงแบบอนาล็อก

เพลงที่คุณเคยได้ยินอาจฟังดูซับซ้อน แต่ทุกเพลงสามารถแบ่งออกเป็นองค์ประกอบต่างๆ ได้ ซึ่งแนวคิดนี้แสดงให้เห็นได้ง่ายที่สุดโดยดูการแสดงเพลงอะคูสติกสด เช่น “Muscle Memory” by Lights คุณสามารถบันทึกได้โดยใช้สองแทร็กภายใน DAW นั่นคือ อันหนึ่งสำหรับเสียงร้อง และอีกอันสำหรับกีตาร์

เห็นได้ชัดว่าเพลงถูกสร้างขึ้นโดยการซ้อนเสียงต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่การจะทำเช่นนี้ได้คุณต้องมี DAW เพื่อใช้รับข้อมูลทางเทคนิคสำหรับการผลิตเพลง คุณควรเลือกใช้ DAW เวอร์ชันที่คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุด ซึ่ง DAW ทุกเวอร์ชันจะช่วยให้คุณทำสิ่งเดียวกันได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นการเรียนรู้การใช้งาน DAW ทั้งภายในและภายนอกจึงเป็นสิ่งจำเป็น

การเริ่มต้นเขียนเพลงแรกของคุณ

นักโปรดิวเซอร์เพลงหลายคนแนะนำให้สร้างเพลงแรกโดยการใช้ลูปทั้งหมด ซึ่งลูปคือไฟล์เสียงที่มีเสียงหลายเสียงที่จะเล่นซ้ำกันเมื่อเล่นซ้ำ แนวคิดในที่นี้จะทำให้เกิดความคุ้นเคยกับการจัดโครงสร้างเพลงเป็นส่วนต่าง ๆ ยกตัวอย่างในเพลง EDM มักจะมีโครงสร้างของเพลงที่ประกอบด้วย intro, breakdown, buildup, drop, interlude, breakdown, buildup, drop, outro การฝึกเรียงลูปก่อให้เกิดวิวัฒนาการ เมื่อเข้าใกล้กระบวนการผลิตเพลง คุณจะไม่พลาดรายละเอียดเล็ก ๆ นี้

การเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีดนตรี

นักโปรดิวเซอร์เพลงที่ดีควรรู้จักการศึกษาแนวปฏิบัติและความเป็นไปได้ของดนตรี เพราะมันเกี่ยวข้องกับวิธีการและแนวความคิดที่ผู้แต่งเพลงส่วนใหญ่ใช้ในการสร้างเพลง ซึ่งทฤษฎีดนตรีเป็นสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ต่อไปได้ตลอดชีวิต และมีทฤษฎีดนตรีพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณเขียนเพลงได้ เพลงส่วนใหญ่ที่คุณได้ยินนั้นค่อนข้างง่ายถ้ามองจากมุมมองทางทฤษฎีดนตรี เราแนะนำให้ลองอ่านหนังสือ Music Theory for Computer Musicians โดย Michael Hewitt มันจะช่วยให้คุณเข้าสู่ทฤษฎีดนตรีตั้งแต่เริ่มต้น

การเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบเสียงและการผสมเสียง

นักโปรดิวเซอร์เพลงมืออาชีพต้องมีความรู้เกี่ยวกับการออกแบบเสียงและการผสมเสียง เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการผลิตเพลง การออกแบบเสียงเป็นศิลปะและแนวปฏิบัติในการสร้างแทร็กเสียงสำหรับความต้องการที่หลากหลายทั้งการบันทึกและสังเคราะห์เสียงเพื่อใช้ในเพลง โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวิดีโอเกม ส่วนการผสมเสียงเมื่อคุณเขียนเพลงสองสามเพลงแล้ว คุณจะรู้ว่าถึงแม้การเรียบเรียงจะดี แต่เพลงก็ยังเหมือนขาดอะไรไป ดังนั้นการเรียนรู้การผสมเสียงจะช่วยให้คุณ Mix & Mastering เพลงได้ดีขึ้น ซึ่ง Mix เป็นการกระบวนการของการรวมองค์ประกอบต่างๆ ของเพลงเข้าด้วยกัน และMastering เป็นขั้นตอนรวบรวมเพลงทุกเพลงในหนึ่งอัลบั้มเเละนํามันมาทําให้ได้เข้ากันได้ดีที่สุดเพื่อเผยแพร่