Categories
กราฟิก มือใหม่ เทคนิค

เคล็ดลับการสร้าง ภาพ 3 มิติ สำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยงานออกแบบของคุณง่ายขึ้น

เคล็ดลับการสร้าง ภาพ 3 มิติ สำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยทำให้การทำงานออกแบบของคุณง่ายขึ้น

เคล็ดลับการสร้าง ภาพ 3 มิติ สำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยทำให้การทำงานออกแบบของคุณง่ายขึ้น

หากพูดถึงงานออกแบบที่ทำให้คุณเห็นภาพได้อย่างชัดเจนและดูสมบูรณ์แบบที่สุดคงจะหนีไม่พ้นงานออกแบบ ภาพ 3 มิติ ซึ่งงานออกแบบ 3 มิติ สามารถทำให้เรามองเห็นชิ้นงานนั้นได้หลายมุมมอง โดยการเขียนแบบ 3 มิติ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลงานออกแบบสินค้า ทำอนิเมชั่นการสร้างเกม รวมจนถึงการออกแบบด้านสถาปนิก สำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนแบบ 3 มิติยังไงดี? วันนี้เราก็มีเคล็ดลับการสร้างภาพ 3 มิติ สำหรับมือใหม่มาแนะนำทุกคน ขอบอกเลยว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยทำให้การทำงานออกแบบภาพ 3 มิติของคุณง่ายขึ้น

งานออกแบบ ภาพ 3 มิติ คืออะไร?

งานออกแบบ ภาพ 3 มิติ คือ การออกแบบวัตถุที่สามารถแสดงผลทุกมุมมองไม่ว่าจะด้านหน้า ด้านบน หรือด้านข้าง โดยเป็นการนำเอาลักษณะของรูปทรงเรขาคณิต หรือ ภาพรูปทรงอิสระ ต่าง ๆ มาประกอบกันให้เป็นรูปเดียวกัน เรียกง่าย ๆ ก็คือภาพ 3 มิติ หมายถึง ภาพที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะรูปร่างของชิ้นงานครบทั้ง 3 มิติ แล้วภาพ 3 มิติ มีกี่ประเภท โดยทั่วไปภาพ 3 มิติมี 4 ประเภท ได้แก่ ภาพไอโซเมตริก, ภาพออบลิก ,ภาพไตรเมตริก และภาพไดเมตริก คุณสามารถออกแบบภาพ 3 มิติได้โดยใช้โปรแกรมการออกแบบ เช่น ILLUSTRATOR, AUTOCAD, SKETCHUP เป็นต้น 

เคล็ดลับการสร้างภาพ 3 มิติ สำหรับมือใหม่

สำหรับมือใหม่คุณสามารถเริ่มต้นสร้าง ภาพ 3 มิติ ได้ง่าย ๆ ด้วยขั้นตอนการเริ่มต้นออกแบบภาพ 3 มิติ เหมือนจริง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คนที่ไม่เคยออกแบบ ภาพ 3 มิติ เลย สามารถวางแผนการออกแบบภาพ 3 มิติ เคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย โดยเริ่มจากขั้นตอนด้านล่างนี้ 

  1. วางแผนการออกแบบคร่าว ๆ : โดยเตรียมภาพสเก็ตช์ รวบรวมรูปภาพ วิดีโอ และสิ่งที่คุณคิดว่าจำเป็นต่องานออกแบบ
รูปภาพประกอบด้วย ข้อความ

คำอธิบายที่สร้างโดยอัตโนมัติ
  1. เลือกเครื่องมือที่จะใช้ในการออกแบบ:  ระบุชุดเครื่องมือที่คุณต้องการใช้ในการออกแบบและศึกษาวิธีการใช้งานให้ดี เช่น ILLUSTRATOR, AUTOCAD, SKETCHUP เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างโมเดล 3 มิติ อนิเมชั่น และเอฟเฟ็กต์ภาพ (VFX) โดยการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละโปรแกรมด้วย
  2. เริ่มต้นการออกแบบ 3 มิติ: เริ่มต้นด้วยรูปแบบขนาดใหญ่และรูปร่างทั่วไปของรูปภาพก่อนจะดีกว่า ที่สำคัญคือต้องใส่ใจกับสัดส่วนให้ได้มากที่สุด แนะนำให้ลองออกแบบด้วยระดับความละเอียดต่ำก่อน เพื่อทำให้คุณสามารถแก้ไขภาพ 3 มิติได้ง่ายขึ้น หากพอใจในผลงานแล้วค่อยเพิ่มความละเอียดของภาพ
รูปภาพประกอบด้วย ข้อความ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, คอมพิวเตอร์, จอแสดงผล

คำอธิบายที่สร้างโดยอัตโนมัติ
  1. แก้ไขจุดบกพร่อง: องค์ประกอบที่ผิดตำแหน่งหรือทำให้งานออกแบบดูผิดปกติให้ทำการซ่อนหรือลบออกเพื่อทำให้ภาพ 3 มิติของคุณดูสมบูรณ์
  2. ตั้งชื่อผลงาน: ตั้งชื่อเจ๋ง ๆ ให้ผลงาน 3 มิติของคุณ เพื่อช่วยกระตุ้นจินตนาการและช่วยพัฒนาความคิด
  3. ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ: พยายามปรึกษากับผู้มีประสบการณ์ เพราะพวกเขาสามารถสรุปรายละเอียดของผลงานที่คุณอาจไม่ทราบได้ เช่น วิธีสร้างตาข่ายอย่างถูกต้อง วิธีลดสัญญาณรบกวนในการเรนเดอร์ วิธีจัดสรรทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ และการจัดการวัตถุในฉากอย่างเหมาะสม 

 

 

 

เว็บบอล

Categories
กราฟิก เทคนิค

ทำไมต้องใช้ Adobe xd ?

ทำไมต้องใช้ Adobe xd ?

โปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบบนคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่สามารถสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ได้อย่างที่ใจคิด ซึ่งเหล่าสายกราฟฟิกที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทันใจ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนงานจากที่เป็นแบบ Cpncept กลายเป็น Protrotype แสดงให้เห็นตัวอย่างของงานแบบมองเห็นภาพ ทำให้สามารถจบงานได้ง่ายและรวดเร็ว เรามีโปรแกรมที่มาแนะนำ คือ โปรแกรม Adobe Experience Design ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ทั้งมือใหม่และมือโปร มีหลักการในการใช้งานที่ไม่ได้ยากจนเกินไป ถ้าเราฝึกทำเรื่อยๆและสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ยากเลยที่จะสร้างผลงานดีๆจากโปรแกรมนี้

Adobe xd คือ?

Adobe Experience Design หรือที่เรียกกันว่า adobe xd คือ โปรแกรมบน PC ที่สร้างมาเพื่อการใช้งานของ Digital Designer สามารถใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ปละแอพพลิเคชั่นในหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Web Design หรือจะเป็นบน Mobile App ก็ตาม ซึ่งฟังก์ชันหลัก ได้แก่ การออกแบบในส่วนของ Prototype ซึ่งเป็นเสมือนแบบจำลองเพื่อเก็บ Feedback จาก User ก่อนการสร้าง Product จริง และสามารถออกแบบ Graphic UI ได้อีกด้วยมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กราฟฟิก ไม่ว่าจะการแบ่งปันงาน หรือการ Export เป็นต้น 

การออกแบบเว็บด้วย Adobe xd

โปรแกรม Adobe Experience Design เป็นโปรแกรมที่ช่วยการออกแบบเว็บให้ได้ง่ายขึ้น ให้คุณได้หลงเข้าไปในโปรแกรมได้อย่างน่าทึ่งด้วยปลั๊กอินที่มีจำนวนมาก ฟังก์ชันที่สามารถเข้าใจและใช้งานได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะมือใหม่ที่กำลังหาการทำกราฟฟิกหรือมือโปรที่อยากสร้างผลงานที่ทำราคาได้สูงหรือใช้เป็นโปรแกรมที่พัฒนาตนเองให้มีการออกแบบที่มีคุณภาพและน่าสนใจได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันมีคอร์สเรียนของโปรแกรม Adobe Experience Design มากมาย แต่วันนี้เรามีวิธีการออกแบบต่างๆอย่างง่ายให้ได้ศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแอพพลิเคชั่น การออกแบบ User Interface หรือการออกแบบหน้าเว็บ ข้อมูลมีดังนี้

ออกแบบแอพด้วย Adobe xd

ในการลิ้งก์แต่ละหน้าของแอพพลิเคชั่นเป็นสิ่งที่ถือว่าจำเป็นอย่างมากในการออกแบบแอพพลิเคชั่น ด้วย Adobe Experience Design ซึ่งการลิ้งก์หน้าเป้นการทำให้ชิ้นส่วนในการออกแบบนั้นสามารถกดแล้วไปที่หน้าอื่นๆต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม รูปภาพ รูปทรง เส้นตรง เส้นโค้ง หรือวัตถุอื่นๆ โดยขั้นตอนในการลิ้งห์หน้าทำได้โดย เลือกแท็บ Prototype ที่อยู่ในบริเวณด้านบนสุดของโปรแกรม adobe xd จากนั้นให้เลือกไอเท็มที่ต้องการใช้ในการลิ้งห์ไปหน้าอื่นๆ จากนั้นให้ทำการลิ้งก์ไอเท็ม โดยการลือกไอเท็มแล้วจะมีลูกศรสีฟ้าปรากฏที่ด้านขวามือของไอเท็ม ให้ลากลูกศรไปที่ Artboard ที่ต้องการ จากนั้นจึงตั้งค่าเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยน Artboard หรือจะปล่อยไว้แบบ Default จากนั้นลองทดลองทำการกดดู

ออกแบบ user interface ด้วย Adobe xd

ในการออกแบบ user interfaceจะต้องมีไฟล์รูป UI ที่ผ่านการออกแบบไว้แล้วก่อน ซึ่งสามารถออกแบบจากโปรแกรมอื่นๆก่อนก็ได้ เช่น Microsoft Powerpoint, Adobe Photoshop, Adobe Illustrator เป็นต้น จากนั้นเปิดโปรแกรม adobe xd แล้วสร้างหน้าเปล่าขึ้นมา โดยจะต้องเลือกเทมเพลตที่เป็นแบบเดียวกับขนาดของไฟล์ UI ที่ออกแบบไว้แล้ว แล้วเลือก Tab ที่ Menu Bar จากนั้นนำไฟล์ UI ที่ออกแบบไว้แล้วมาวางที่หน้าเปล่าขยายให้เต็ม แล้วใช้ Artbord Tool ที่แถบด้านซ้าย กดรูป + ให้หน้าเท่ากับจำนวนไฟล์ UI จากนั้นเชื่อมทุกไฟล์เข้าด้วยกันด้วย Rectangle การตั้งให้การคลิกสี่เหลี่ยมล่องหนนี้ทำอะไร เราจะทำผ่าน Tab ที่2 ชื่อ Prototype จากแถบ Menu Bar ข้างบน 

Adobe xd ช่วยออกแบบหน้าเว็บ

เริ่มต้นที่ให้เราเลือกขนาดของงานที่เราต้องการที่จะทำก่อน ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ขนาดเท่า Ipad, Iphone, Desktop เป็นต้น ต่อไปเครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบหน้าเว็บมีทั้งหมด 7 อย่าง คือ Select ใช้สำหรับเลือกวัตถุหรือเคลื่อนย้ายวัตถุ Rectangle ใช้สำหรับสร้างวัตถุ รูปทรง Line ใช้สำหรับสร้างเส้นตรงเท่านั้น Pen ใช้สำหรับสร้างเส้นโค้งได้ Text ใช้สำหรับสร้างข้อความ Artboard ใช้สำหรับสร้างแผ่นกระดาษในการลงชิ้นงาน จากนั้นเลือกฟังก์ชันเสริมบริเวณด้านขวาของโปรแกรม ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนโหมด Design หรือ Prototype ได้จากที่แถบเครื่องมือด้านซ้าย

แชร์งานด้วย Adobe xd 

ในการโปรแกรม Adobe Experience Design หรือที่เหล่าสายกราฟฟิกมักจะเรียกว่า design xd มีข้อโดดเด่นในการแชร์ผลงานได้สะดวก โดยการแชร์ Prototype จะเป็นการแบ่งปันในแบบให้ User ได้เห็นภาพ ทำให้ลูกค้าและกราฟฟิกสามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น มีวิธี คือ เลือกเมนู Share แล้วเลือก Share for Review จากนั้นแก้ไขชื่อที่ช่อง Title กดปุ่ม Update แลวกดปุ่ม New Link เพื่อเป็นการสร้าง URL ใหม่ จากนั้นก็สามารถคัดลอกลิ้งก์ URL ส่งต่อให้ลูกค้าได้ทันที 

โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์อย่าง Adobe xd

ในปัจจุบันในการทำงานออกแบบไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ การออกแบบแอพพลิเคชั่น หรือการออกแบบกราฟฟิกต่างๆ ทั้งนี้โปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ที่ดีจนสายงานกราฟฟิกแนะนำให้ใช้งาน ได้แก่ WordPresss เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดนิยมในนักพัฒนา Theme และปลั๊กอิน รองรับการทำ SEO และฟรีในการใช้งาน, Squarespace เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับมือใหม่ เนื่องจากใช้งานง่าย มีเทมเพลทที่สวย, Wix นิยมในคนไทยมาก การใช้งานก็แสนง่ายเพียงลากแล้ววาง เหมาะทั้งมือใหม่และสายเทพ นักพัฒนาไม่สามารถสร้างปลั๊กอินหรือทำอะไรเพิ่มกับตัวแพลทฟอร์มได้, Weebly นิยมใช้เป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ โดยพิเศษที่ทำธุรกิจ สามารถจดโดเมนและใช้โฮสต์ที่ตัวของ Weebly ได้ และโปรแกรมนี้เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ข้อดีของ Adobe xd 

สำหรับสายกราฟฟิกหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากทำงานเกี่ยวกับการออกแบบนั้น โปรแกรม Adobe Experience Design จะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ตอบโจทย์การทำงานอย่างแน่นอน เนื่องจากมีข้อดีที่หลากหลายจนน่าทึ่ง อย่างเช่น เป็นโปรแกรมที่มีขนาดไฟล์ที่เล็ก สามารถใช้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่สเปคไม่แรงก็ไม่มีค้างแต่อย่างใด มีฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน เช่น Share, Export เป็นต้น ส่วนนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานและลูกค้าได้สื่อสารและมองเห็นผลงานได้อย่างรวดเร็วและไฟล์งานมีความละเอียดที่แท้จริงอีกด้วย โปรแกรม Adobe Experience Design ยังมีการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆอยู่เสมอ อย่างน้อย 1 เดือน/ครั้ง ทำให้เหล่ากราฟฟิกให้ชื่อว่าเป็นโปรแกรมที่ออกแบบหน้าเว็บสวยๆให้ลูกค้าเสมอ และทั้งนี้ก็ยังมี Plugins ให้ใช้งานมากกว่า 100 ตัว อีกด้วย

 

เว็บบอล

Categories
กราฟิก

เคล็ดลับการใช้งาน Adobe XD ใช้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

เคล็ดลับการใช้งาน Adobe XD ใช้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

Adobe XD หนึ่งในโปรแกรมที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ของตนเองไม่ควรพลาดโปรแกรมนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากใครที่อยากลองใช้โปรแกรมนี้ วันนี้เราได้รวบรวมเคล็ดลับการใช้งานโปรแกรมนี้มาให้ทุกคนแล้ว ซึ่งเคล็ดลับต่าง ๆ ที่เราจะนำมาให้ทุกคนในวันนี้ล้วนเป็นวิธีที่ง่ายดาย และทุกคนสามารถทำตามได้ แบบไม่ต้องกังวลแม้ว่าคุณจะไม่มีพื้นฐานมาก่อน

Adobe XD คือโปรแกรมอะไร?

Adobe Experience Design หรือ Adobe XD คือ โปรแกรมที่ใช้สำหรับออกแบบเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน โดยโปรแกรมนี้จะช่วยให้ผู้ที่เป็น Digital Designer สามารถทำงานในการออกแบบเว็บไซต์สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากโปรแกรมนี้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมทั้งในส่วนของการออกแบบ (Design), UX/UI Design และ Developer ดังนั้นจึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถ ออกแบบหน้าเว็บ และ ออกแบบแอพ ได้ครบ จบบนโปรแกรมนี้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด หรือซื้อโปรแกรมอื่น ๆ มาใช้เพิ่มเติม

Adobe XD โปรแกรมฟรี และมีข้อเสียน้อย

Adobe XD เป็นโปรแกรมออกแบบเว็บไซต์ ที่คุณสามารถดาวน์โหลดใช้ได้ฟรี ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอย่างที่หลาย ๆ คนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า โปรแกรมที่ใช้สำหรับการตัดต่อ, กราฟิก หรือสำหรับการออกแบบเว็บ ส่วนใหญ่มักจะมีราคาที่ค่อนข้างแพง หรือมีค่าเช่าโปรแกรมต่อเดือนที่สูงเป็นอย่างมาก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือข้อเสียของ design xd นั้นมีค่อนข้างน้อย ซึ่งเราได้คัดมาแล้วมีอยู่ 2 ข้อหลัก ๆ ได้แก่ Tools น้อยกว่า Photoshop และ Illustrator, ใช้ลูกเล่นกราฟิกได้ค่อนข้างน้อย ดังนั้นใครที่ต้องการการออกแบบที่สโคปใหญ่ และมีเนื้องานที่มีความละเอียดสูงอาจจะต้องใช้โปรแกรมอื่น ๆ เข้ามาช่วย

สอนใช้ Adobe XD สำหรับมือใหม่ 

สำหรับใครที่อยากออกแบบหน้าเว็บสวย ๆ โดยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำเคล็ดลับการใช้ โปรแกรม XD แบบที่มือใหม่สามารถทำตามได้ โดยขั้นตอนในการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองมีขั้นตอน ดังนี้

1. เลือกขนาดโปรเจ็คต์ที่ต้องการใช้งาน

เมื่อดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรมบนอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะให้คุณเลือกขนาดของโปรเจ็คต์ ก่อนที่จะเริ่มออกแบบ user interface หรือขนาดงานที่ต้องการจะทำ โดยมีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ขนาดของมือถือทั่วไป, ไอแพด, Web 1920 หรือ กำหนดด้วยตัวเอง ซึ่งโปรแกรมจะมีการอัปเดตให้เสมอ ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องของขนาดเว็บไซต์เท่าไรนัก

2. เข้าสู้หน้าโหมดโปรแกรม 

เมื่อเลือกหน้าโปรเจ็คต์เรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะพาคุณไปยังหน้าโหมดสำหรับออกแบบเว็บไซต์ โดยโปรแกรมจะแบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ Design, Prototype และ Share โดยให้เราเลือกไปที่ Design เพื่อทำการออกแบบเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการทำงานของโปรแกรมจะทำงานเป็นสเต็ป เช่นเมื่อออกแบบทำการออกแบบเรียบร้อยแล้ว ส่งต่อไปยัง Prototype และสามารถ Share ผลงานของคุณให้ผู้พัฒนาสามารถนำไปพัฒนาต่อไป

3. เครื่องมือ (Tools) มีทั้งหมด 7 ชิ้น

เครื่องมือ (Tools) ของ XD มีทั้งหมด 7 ชิ้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็สามารถทำงานออกแบบเว็บไซต์เบื้องต้นได้ 

Select Tool ใช้ในการจับวัตถุต่าง ๆ 

สี่เหลี่ยม, วงกลม, สามเหลี่ยม และ เส้น ใช้สร้างรูปทางเรขาคณิตแบบอัตโนมัติ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ปากกาวาด

Pen ใช้ในการสร้างเส้น หรือวัตถุตามรูปทรงที่ต้องการ โดยลากจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ

Text สร้างตัวอักษร หรือพิมพ์ข้อความที่คุณต้องการ

Artboard เพิ่มหน้า Devices โดยจะแสดงขึ้นทางฝั่งขวามือ 

Zoom ซูมเข้าซูมออก หรือสามารถใช้คีย์ลัดได้

4. Export File บนโปรแกรม

การ Export File บนโปรแกรมสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้คีย์ลัด Cmd or Ctrl + E เพื่อทำการเปิดคำสั่ง Export Selected หรือกดเลือกไปที่คำว่า “File” และกดไปที่คำว่า “Export” นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกชนิดไฟล์ที่ต้องการนำไปใช้ ซึ่งความพิเศษของ Adobe XD คือเราสามารถ Export File ให้อยู่ในรูปแบบของ Devices อื่นได้ เช่น Web, iOS หรือ Android

Adobe XD มี Plugins ให้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก

สำหรับใครที่ได้อ่านวิธีการใช้งานเบื้องต้นของโปรแกรมที่เราได้นำมาให้ทุกคนแล้ว แต่อาจจะยังรู้สึกว่า ความน่าสนใจ หรือความสามารถของโปรแกรมนั้นอาจจะมีไม่มากสักเท่าไร เมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่น ๆ ที่เป็นประเภทเดียวกัน แต่เราอยากจะขออธิบายดังนี้ว่า XD เป็นโปรแกรมที่มี Plugins ให้เราเลือกใช้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการติดตั้ง Plugins เพิ่มเติมเข้าไปจะช่วยให้การใช้งานบนโปรแกรมของเราทั้งสะดวก และง่ายขึ้นด้วย

Adobe XD เป็นโปรแกรมที่สามารถเช่าได้

อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า Adobe XD เป็นโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดใช้ได้ฟรี แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้งานในระดับมืออาชีพการใช้โปรแกรมฟรีอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้สักเท่าไร ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกเป็นแพ็กเกจการเช่าโปรแกรมจาก Adobe ซึ่งมีหลายแพ็กเกจหลายให้เลือก ทั้งการเช่าแบบโปรแกรมเดียว และแบบ All App ซึ่งเราจะแนะนำให้เช่าแบบ All App เนื่องจากคุณจะสามารถใช้โปรแกรมทั้งหมดของ Adobe เช่น Photoshop, Illustrator, InDesign, Premiere Pro และ XD เป็นต้น และเมื่อเฉลี่ยแล้วจะมีราคาค่าเช่าที่ถูกกว่านั่นเอง

Adobe XD ไม่มีโปรแกรมแบบขายขาด

สำหรับใครที่อยากใช้งาน XD หรือโปรแกรมอื่น ๆ ของ Adobe และค้นหาโปรแกรมแท้ในอินเทอร์เน็ต แล้วพบว่ามีการประกาศขายโปรแกมของ Adobe แบบขายขาด ให้คุณสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่านั่นเอาจจะเป็นโปรแกรมเถื่อน เนื่องจาก Adobe ยกเลิกการขายโปรแกรมแบบขายขาดมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ดังนั้นหากใครที่ต้องการใช้โปรแกรมของ Adobe นอกจากรูปแบบที่เปิดให้ใช้ฟรี เราแนะนำให้ทำการเช่าโปรแกรมผ่าน https://www.adobe.com/th_th/creativecloud.html ซึ่งเป็นเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของ Adobe นั่นเอง

สรุป Adobe XD ยังเป็นโปรแกรมที่น่าใช้หรือไม่?

เมื่อได้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ XD ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าเคล็ดลับในการใช้โปรแกรมที่เรานำมาฝากนั้นจะเป็นการใช้โปรแกรมตัวฟรี ซึ่งมีขั้นตอนในการใช้งานแบบคร่าว ๆ ดังนั้นอาจจะทำให้หลายคนเกิดการตั้งคำถามขึ้นมาว่า สรุปแล้วโปรแกรม XD ยังเป็นโปรแกรมที่มีความน่าสนใจหรือไม่ ซึ่งการที่เราจะการันตีว่าโปรแกรมนั้นน่าใช้หรือไม่อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนัก 

เนื่องจากความถนัดของการใช้โปรแกรมในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันออกไป แต่ด้วยคุณภาพของตัว Adobe เองก็พอจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าการใช้งานบนโปรแกรมต่าง ๆ ของเขาค่อนข้างไร้ที่ติ นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งข้อดีสำหรับการทดลองใช้โปรแกรมฟรี นั่นคือเราจะได้ทราบถึงความถนัดของเราต่อตัวโปรแกรมนั้น ๆ ว่าควรจ่ายเงินเพื่อเช่า-ซื้อโปรแกรมนั้นหรือไม่นั่นเอง

 

เว็บบอล

Categories
กราฟิก

วิธีการออกแบบโลโก้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ใครๆก็ทำได้

คุณรู้หรือไม่? สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำภาพสินค้าหรือแบรนด์ของคุณได้นั้น คือโลโก้ เนื่องจากโลโก้เป็นภาพที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดบนผลิตภัณฑ์สินค้า ซึ่งคุณสามารถ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ได้ง่าย ๆ โดยทั่วไปโลโก้เปรียบเสมือนองค์ประกอบหลักที่ถูกกำหนดให้เป็นภาพลักษณ์ของธุรกิจทั้งองค์กรขนาดใหญ่และองค์กรขนาดเล็ก

โดยเป้าหมายของการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ก็คือการสร้างสรรค์สัญลักษณ์ที่ช่วยทำให้แบรนด์ของคุณถูกยกระดับอีกขั้น ทำให้เป็นที่จดจำและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น โลโก้นกสีฟ้าของ TWITTER และโลโก้แอปเปิ้ลที่ถูกกินไปแล้วหนึ่งคำของ APPLE แน่นอนว่าโลโก้เหล่านี้ได้ใช้เทคนิคการออกแบบกราฟิกที่สร้างสรรค์จึงทำให้มันกลายเป็นโลโก้ที่ดูดีและทั่วโลกจดจำได้ 

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

ในปัจจุบันมีบริษัทที่รับจ้างออกแบบโลโก้ สำหรับใครที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือกำลังคิดที่จะสร้างแบรนด์สินค้า แต่หากคุณมีงบจำกัด คุณสามารถ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ง่าย ๆ ด้วยเทคนิคที่เราได้นำมาแนะนำกันในบทความนี้ ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ 

5 ขั้นตอนการออกแบบโลโก้ด้วยตัวเองง่าย ๆ 

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

ในโลกของการแข่งขันในปัจจุบัน ต้องยอมรับเลยว่าโลโก้เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ ที่นักออกแบบโลโก้จะต้องมีวิธีการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง แบบคิดนอกกรอบและใช้ วิธีออกแบบโลโก้ ใหม่ ๆ เพื่อสร้างผลงานการออกโลโก้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด 

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

หากคุณต้องการที่จะ ออกแบบ LOGO เอง เราขอแนะนำให้เลือกใช้ วิธีออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง แบบสมัยใหม่ควบคู่กับเทคนิคการออกแบบโลโก้ในปัจจุบัน โดยทั่วไปการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ง่าย ๆ สามารถเริ่มต้นได้ด้วย วิธีสร้างโลโก้ด้วยตัวเอง โดยมีทั้งหมด 5 ขั้นตอนพื้นฐาน ดังนี้ 

ขั้นตอนที่ 1 การรู้จักแบรนด์ของตัวเอง

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

ขั้นแรกของการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง นั้นก็คือการทำความเข้าใจว่าแบรนด์ต้องการจะสื่อถึงอะไร และเป้าหมายของธุรกิจเป็นอย่างไร ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าโลโก้นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของธุรกิจ ดังนั้น วิธีสร้างโลโก้ด้วยตัวเอง จะง่ายมากขึ้น หากคุณรู้ก่อนว่าแบรนด์ตั้งเป้าสร้างความประทับใจในรูปแบบใด เพียงตั้งคำถามทั่วไป ได้แก่ 

  • ทำไมถึงต้องการออกแบบโลโก้? คุณกำลังพยายามแก้ปัญหาอะไร?
  • คุณจะใช้คำคุณศัพท์อะไรอธิบายแบรนด์ของคุณ?
  • ชื่อเสียงแบรนด์ของคุณคืออะไร? 
  • ปัจจัยที่สำคัญต่อแบรนด์ของคุณ
  • เอกลักษณ์แบรนด์ของคุณคืออะไร?
  • คุณต้องการใช้ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ของคุณอย่างไร? 

ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์ตลาดคู่แข่งขัน

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

ไม่มีธุรกิจไหนที่สามารถลอยตัวอยู่ได้ เนื่องจากทุกบริษัทต้องแข่งขันกับมาตรฐานอุตสาหกรรมของตนเอง ดังนั้นขั้นตอนต่อไปที่สำคัญของการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ก็คือการวิเคราะห์การออกแบบโลโก้บริษัทคู่แข่ง โดยมีหลักการ วิเคราะห์โลโก้ คู่แข่งในอุตสาหกรรมของคุณ ดังนี้

  • ลักษณะของโลโก้แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ เช่น สีของแบรนด์หรือรูปทรงของโลโก้
  • โลโก้แบบไหนที่ถูกใช้เยอะจนไม่มีความเป็นออริจินัล
  • โลโก้แบบไหนที่ไม่มีจุดที่โดดเด่น
  • กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของคู่แข่ง

ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ตำแหน่งที่จะใช้โลโก้

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

ขั้นตอนต่อไปสำหรับการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ก็คือการวิเคราะห์ตำแหน่งที่จะใช้โลโก้ โดยการวางแผนล่วงหน้าไว้ว่าคุณจะนำโลโก้ไปใช้อย่างไรและใช้ที่ไหนบ้าง ซึ่ง งานออกแบบโลโก้ ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณจะต้องรู้จักกำหนดรูปแบบของสี และรูปร่างของโลโก้ โดยลักษณะและรายละเอียดของโลโก้จะต้องเข้ากันได้กับตำแหน่งหรือสภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการให้โลโก้ของคุณอยู่บนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ คุณจะต้องออกแบบโลโก้ที่มีรายละเอียดสูงและมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือหากคุณต้องการวางโลโก้ไว้ที่มุมของแอพบนมือถือ คุณควรเลือกใช้โลโก้แบบเรียบง่ายและมีขนาดเล็ก 

ขั้นตอนที่ 4 การร่างรูปแบบของโลโก้ที่หลากหลาย 

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

การ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง คุณควรออกแบบโลโก้หลาย ๆ แบบ เพื่อนำไปคัดเลือกโลโก้ที่ดีที่สุด ซึ่งก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างโลโก้ใน โปรแกรมออกแบบโลโก้ คุณควรเริ่มต้นร่างไอเดียลงบนกระดาษก่อน การร่างแบบภาพโลโก้ไว้ก่อนนั้นจะช่วยทำให้การสร้างโลโก้ของคุณในโปรแกรมออกแบบนั้นง่ายขึ้นและรวดเร็วอีกด้วย 

ซึ่งการร่างแบบภาพโลโก้มากมาย จะช่วยทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดียิ่งขึ้นและทำให้คุณได้เห็นถึงโลโก้ที่สามารถใช้งานได้และโลโก้ที่ไม่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถจับคู่องค์ประกอบต่าง ๆ ของโลโก้อื่น ๆ ให้เข้ากันได้ หรือจนกว่าคุณจะเลือกชุดโลโก้ที่สมบูรณ์แบบ 

ขั้นตอนที่ 5 การสร้างโลโก้ด้วยโปรแกรมออกแบบเวกเตอร์

ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง

หลังจากที่คุณได้ทำการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง โดยการสเก็ตช์ภาพโลโก้หลาย ๆ แบบ ซึ่งคุณควรเลือกรูปแบบของโลโก้ จากภาพสเก็ตช์ประมาณ 3 แบบมาสร้างใหม่ในโปรแกรมออกแบบเวกเตอร์ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า ออกแบบโลโก้ใช้โปรแกรมอะไร? เราขอแนะนำ โปรแกรมออกแบบโลโก้ AI หรือหากคุณต้องการรูปแบบ โลโก้เท่ ๆ ฟรี แนะนำให้ใช้เว็บไซต์ออกแบบออนไลน์ เช่น CANVAS, FOTOJET, VISME.CO เป็นต้น 

ขั้นตอนนี้เป็นกระบวนการ ออกแบบโลโก้ด้วยตัวเอง ที่ต้องใช้เทคนิคและความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมที่ใช้ออกแบบ หากคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมนั้น ๆ คุณสามารถจ้างบริษัทหรือฟรีแลนซ์ที่มีความเชี่ยวชาญให้สร้างโลโก้จากภาพสเก็ตช์โลโก้ของคุณได้ เมื่อโลโก้ของคุณเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาส่งไฟล์ให้กับโรงพิมพ์ โดยทั่วไปคุณจะต้องส่งสิ่งเหล่านี้ให้กับโรงพิมพ์ ได้แก่

  • ไฟล์ VECTOR ต้นแบบเลเยอร์ เช่น AI
  • ไฟล์ EPS/PDF แบบเลเยอร์ (กรณีใช้โปรแกรมเวกเตอร์ ๆ)
  • ไฟล์ RASTER ความละเอียดสูงสำหรับเว็บ รวมถึง PNG ที่พื้นหลังโปร่งใส

อย่าลืมใส่รูปแบบพื้นฐานของโลโก้ด้วย เช่น สีล้วน สีดำ สีขาว และขาวดำ หากคุณใช้แบบตัวอักษรมาตรฐาน คุณควรฝังฟอนต์ในไฟล์ออกแบบโลโก้ด้วย มิฉะนั้น ฟอนต์ตัวอักษรจะเปลี่ยนบนคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ติดตั้ง อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบลิขสิทธิ์แบบอักษรตัวที่ใช้ด้วย สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าโลโก้ของคุณจะถูกใช้อย่างถูกต้องและใช้ได้นาน ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อวิสัยทัศน์แบรนด์ของคุณ

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โลโก้ที่ออกแบบเอง ซึ่งรายละเอียดแต่ละอย่างของโลโก้ ไม่ว่าจะเป็นสี ฟอนต์ ขนาด รูปร่าง และส่วนอื่น ๆ สามารถส่งต่อความประทับใจที่ลูกค้าได้รับ หรือหากโลโก้ของคุณยังไม่เป็นที่จดจำของลูกค้า แต่กระบวนการออกแบบโลโก้ที่มีประสิทธิภาพก็สามารถเพิ่มโอกาสที่ดีที่สุดในอนาคตที่จะวิสัยทัศน์แบรนด์ของคุณเป็นจริงได้

Categories
กราฟิก

ทำความรู้จักกับ AFTER EFFECTS โปรแกรมสร้าง MOTION GRAPHIC ขั้นเทพ


สำหรับใครที่ทำงานเกี่ยวกับการผลิตกราฟิกเคลื่อนไหว (MOTION GRAPHIC) คงจะคุ้นเคยหรือเคยได้ยินชื่อโปรแกรมสร้าง MOTION GRAPHIC ยอดฮิตอย่าง AFTER EFFECTS ที่เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างสรรค์วิดีโอกราฟิกเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ คุณอาจจะเคยเห็นผลงานที่สร้างขึ้นโดยโปรแกรม AFTER EFFECTS มาแล้วบ้างอย่างเช่น EFFECT ต่าง ๆ ในอนิเมชั่นและภาพยนตร์แอคชั่น เป็นต้น

 ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายเกี่ยวกับโปรแกรม AE โดยเราจะให้คำอธิบายที่ชัดเจนว่าทำให้โปรแกรมนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสมัยนี้ แต่จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ

โปรแกรม AFTER EFFECTS คืออะไร

AFTER EFFECTS

คุณกำลังสงสัยใช่ไหมคะว่า AFTER EFFECTS คืออะไร? โปรแกรม AFTER EFFECTS คือ โปรแกรมประยุกต์สำหรับสร้างผลงานกราฟิกดีไซน์แบบเคลื่อนไหว (MOTION GRAPHIC) และเอฟเฟกต์พิเศษที่ใช้ในวิดีโอ ภาพยนตร์ และภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ โดยโปรแกรมนี้จะถูกใช้งานในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ และมีเอฟเฟกต์ให้เลือกอีกหลายร้อยรูปแบบที่สามารถใช้สร้างภาพกราฟิกเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการใส่เอฟเฟกต์ให้กับภาพนิ่งนั้นจะทำให้คุณสามารถรวมเลเยอร์ของวิดีโอและรูปภาพไว้ในฉากเดียวกันได้ โปรแกรม AFTER EFFECTS สามารถใช้ได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ MAC OS และ WINDOWS 

ความเป็นมาของโปรแกรม ADOBE AFTER EFFECTS

AFTER EFFECTS

โปรแกรม AFTER EFFECTS ได้รับการพัฒนาในปี 1993 และหลังจากนั้น AFTER EFFECT เริ่มต้นได้รับความนิยมอย่างมาก โดยนักพัฒนารายแรก COMPANY OF SCIENCE AND ART (COSA) ได้สร้าง 2 เวอร์ชันด้วยฟังก์ชันบางประการที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างเลเยอร์และแปลงคุณสมบัติต่าง ๆ ของเลเยอร์ได้

AFTER EFFECTS

ในปี 1994 ALDUS ก็ได้เข้ามาซื้อกิจการและหลังจากการเปิดตัวได้เพียงหนึ่งปีโปรแกรมก็ได้รับการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ที่น่าทึ่ง เช่น การเรนเดอร์แบบหลายเครื่องและภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว แต่ก่อนสิ้นปี 1994 ADOBE ก็ได้เข้ามาซื้อเทคโนโลยี AE และในปัจจุบันก็ยังเป็นเจ้าของอยู่

หลังจากนั้นแนวคิดเกี่ยวกับโปรแกรม AE ก็ทำให้ ADOBE ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ กว่า 50 เวอร์ชัน โดยแต่ละเวอร์ชันจะมีฟังก์ชันใหม่ ๆ และบางเวอร์ชันจะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ADOBE ได้สร้างซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ในปี 2019 AFTER EFFECTS ได้รับรางวัล ACADEMY AWARD สำหรับความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิค ซึ่งข้อนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าโปรแกรม ADOBE AFTER EFFECTS มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากเพียงใด

โปรแกรม AFTER EFFECTS ทําอะไรได้บ้าง?

โปรแกรม AFTER EFFECTS เป็นหนึ่งในโปรแกรมยอดฮิตจาก ADOBE บริษัทที่ให้บริการและจำหน่าย SOFTWARE สำหรับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกที่เน้นการใช้งานเพื่อการออกแบบสร้างสรรค์เป็นหลัก โดย ADOBE AFTER EFFECTS มีความสามารถที่หลากหลาย แต่หลายคนคงกำลังสงสัยใช่ไหมคะว่า AFTER EFFECTS ทําอะไรได้บ้าง? ซึ่งโดยทั่วไปการใช้งาน AFTER EFFECTS จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ อนิเมชั่น (ANIMATION), เอฟเฟกต์ภาพ (EFFECT) และคอมโพสิต (COMPOSITING)

อนิเมชั่น (ANIMATION)

AFTER EFFECTS

จากข้อมูลข้างต้นทำให้ทราบว่าโปรแกรมสามารถสร้างผลงานประเภทอนิเมชั่นได้ โดยส่วนใหญ่การทําอนิเมชั่น AFTER EFFECT มักจะถูกเรียกว่า MOTION GRAPHICS ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างงานกราฟฟิกเคลื่อนไหว เช่น โลโก้ ข้อความ และรูปแบบกราฟิกอื่น ๆ หรืออธิบายให้เข้าใจก็คือการทำให้ภาพวาด 2 มิติเคลื่อนไหวได้ เหมือนกับการ์ตูนอนิเมชั่นที่หลาย ๆ คนชื่นชอบนั้นเอง ในปัจจุบันการทำอนิเมชั่น AE มักถูกนำไปใช้ผลิตเป็นสื่อในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ด้วยการใช้ MOTION GRAPHIC จะสามารถช่วยอธิบายทำให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อหาที่ผู้ผลิตต้องการสื่อสารได้ง่าย 

เอฟเฟกต์ภาพ (EFFECT) 

AFTER EFFECTS

โดยทั่วไปการผลิตภาพยนตร์หรือวิดีโอส่วนใหญ่มักจะใช้สำหรับสร้างเอฟเฟกต์ในภาพยนตร์และวิดีโอ หรือที่หลายคนเรียกว่า วิชวลเอฟเฟกต์ (VFX) ซึ่งเป็นการสร้างภาพสามมิติด้วยคอมพิวเตอร์ (CG หรือ 3D ANIMATION) พร้อมกับการถ่ายทำภาพยนตร์ในระบบดิจิทัลเพื่อช่วยทำให้ภาพดูมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น การเพิ่มหิมะลงในฉากภาพยนตร์ หรือการทำให้เกิดไฟหรือน้ำในฉากวิดีโอ และการทำให้วัตถุดูเหมือนกลายเป็นของเหลว สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากการสร้างเอฟเฟกต์ด้วยโปรแกรม AFTER EFFECTS

ภาพคอมโพสิต (COMPOSITING)

AFTER EFFECTS

นำมาใช้สำหรับการจัดองค์ประกอบภาพดิจิทัล หรือที่หลายคนเรียกว่าคอมโพสิต (COMPOSITING) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียบเรียงวิดีโอหรือภาพหลาย ๆ ไฟล์ให้กลายเป็นไฟล์เดียวกัน ตัวอย่างเช่น รายการพยากรณ์อากาศที่พิธีกรกำลังรายงานสภาพอากาศในตำแหน่งด้านหน้าของพื้นหลังสีฟ้าหรือสีเขียวธรรมดา ในขณะที่ภาพคอมโพสิตจะแสดงแทนที่ฟ้าหรือสีเขียวที่กำหนดด้วยแผนที่สภาพอากาศ

ดาวน์โหลด AFTER EFFECTS

โปรแกรม AFTER EFFECTS เป็นโปรแกรมที่นำเสนอโดย ADOBE ภายใต้บริการสมัครสมาชิกของ CREATIVE CLOUD โดยมีราคาสำหรับการสมัครสมาชิกที่อาจจะแตกต่างกันไปเนื่องจากต้องมีการพิจารณาตามแบบแผนต่าง ๆ และนี่คือรายการแผนการสร้างสรรค์ของระบบคลาวด์ที่แตกต่างกัน

  • รายบุคคล
  • ธุรกิจ
  • นักเรียนและครู
  • โรงเรียนและมหาวิทยาลัย
AFTER EFFECTS

เมื่อคุณได้ตัดสินใจเลือกแผนการสร้างสรรค์ของระบบคลาวด์เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถไปที่ ADOBE และลงชื่อสมัครเข้าใช้งานในรูปแบบการกำหนดราคาที่เหมาะกับความต้องการของคุณ สำหรับใครที่อยากใช้ AFTER EFFECTS ฟรี คุณสามารถดาวน์โหลด AFTER EFFECTS ได้ฟรีสำหรับช่วงทดลองใช้แบบจำกัดเวลา โดยคุณสามารถใช้โปรแกรมได้ฟรีสำหรับการสร้างกราฟิกเคลื่อนไหวและเอฟเฟกต์ภาพที่น่าทึ่งสำหรับภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิดีโอ และเว็บไซต์ในระยะเวลา 7 วันเท่านั้น

ความแตกต่างระหว่าง AFTER EFFECTS และ PREMIERE

อย่างที่เราทราบกันดี AFTER EFFECTS และ PREMIERE PRO เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ดีที่สุดของ ADOBE แต่หลายคนคงกำลังสงสัยใช่ไหมคะว่า ADOBE AFTER EFFECTS กับ PREMIERE แตกต่างกันอย่างไร? แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ซอฟต์แวร์แตกต่างกันก็คือคุณสมบัติเฉพาะตัวของซอฟต์แวร์

AFTER EFFECTS

โดยโปรแกรม AE เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง MOTION GRAPHIC ซึ่งรวมถึงกราฟิกเคลื่อนไหว เอฟเฟกต์พิเศษ (VFX) เอฟเฟกต์ข้อความ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้บน PREMIERE และการทำอนิเมชั่นข้อความนั้นค่อนข้างธรรมดาใน PREMIERE PRO แต่หากทำใน AFTER EFFECTS มันจะทำให้ผลงานคุณน่าทึ่งมากกว่า 

ส่วนในเรื่องของคุณสมบัติไทม์ไลน์และช่องสัญญาณเสียงอย่างง่ายของ PREMIERE PRO จะดีกว่า เพราะทำให้การตัดต่อวิดีโอทำได้ง่ายด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น อย่างไรก็ตามการใช้ควบคู่กับ PREMIERE PRO จะทำให้ขั้นตอนการผลิตวิดีโอเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น 

 

ภาพจาก:

https://bit.ly/3sVZeJH
https://bit.ly/3eKbK6w
https://bit.ly/3JBUzT2
https://bit.ly/3FMMA39
https://bit.ly/32Gpo8o
https://bit.ly/3JvDYjP
https://bit.ly/3zm9yvI

ufabetเว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

Categories
กราฟิก

มารู้จักการย่อข้อมูลให้อ่านง่ายในรูปแบบภาพอินโฟกราฟิกกัน

ในปัจจุบันด้วยการมีของเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรวดเร็วทำให้มนุษย์เราก็มีการปรับตัวตามอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ทำให้กระบวนการทำ ภาพอินโฟกราฟิก เริ่มมีบทบาทในสังคมมากขึ้น เพราะว่า ผู้คนในปัจจุบันต้องการรู้แบบให้พอรู้ ยังไม่ต้องรู้ลึก การรับรู้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายจะช่วยให้ผู้ชมสนใจที่จะอ่าน และใช้เวลาในการรับรู้ข้อมูลไม่ต้องมากยิ่งเป็นข้อมูลที่มากด้วยแล้ว การทำแบบนี้จะยิ่งช่วยลดความน่าเบื่อของการรับสารข้อมูลอีกด้วย

รวมตัวช่วยในการจุดประกายในการทำภาพอินโฟกราฟิก

ในการออกแบบ ภาพอินโฟกราฟิก ที่ต้องการของสื่อหลายชนิด แต่หลายครั้งต้องการประหยัดงบ หรือบางคนเริ่มอยากหัดทำนั้นติดปัญหาเรื่องไอเดีย องค์ประกอบของภาพอินโฟกราฟิก การเลือกสี กราฟิกดีไซน์ หรือแม้แต่เปิดหัวข้อมายังไม่รู้จะเร่มยังไง ทางเราจึงจะแนะนำตัวช่วยในการทำ ภาพ infograhic

1. PINTEREST

ภาพอินโฟกราฟิก

เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นสำหรับรวบรวมรูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจจากทั่วโลก โดยผู้ที่ลงผลงานสามารถเป็นใคร อยู่ที่ไหนก็ได้ จึงเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ GALLERY ที่โชว์ผลงานของตนเองให้กับคนทั้งโลกได้ชม ทางเว็บไซต์ PINTEREST จะมีความโดดเด่นทางการหาแนวทางสายอาร์ต ไม่ว่างานกราฟิก วาดภาพ ตกแต่งภายใน แต่งสวน หรือกระทั่ง ภาพอินโฟกราฟิก สามารถหาแนวทางตัวอย่างอินโฟกราฟิก เช่น ต้องการหา INFOGRAPHICสายสุขภาพ ทาง PINTEREST ก็จะตามหา INFOGRAPHIC ต่างๆ ที่เป็นแนวทางให้เราได้

ฟังก์ชั่นที่หลายๆ คนชอบใน PINTEREST คือการจดจำไลพ์สไตล์งานหรือภาพที่เราชอบ เพื่อมาแนะนำในหน้าหลักของเราได้ และยังมีการติดตามศิลปินที่ตัวเองชอบเพื่อติดตามงานต่างๆ ของเขาได้อีกด้วย

2. INFOGRAPHIC THAILAND

ภาพอินโฟกราฟิก

การศึกษาการออกแบบ งานออกแบบกราฟิก แบบมืออาชีพ อีกอย่างก็คือการศึกษากับมืออาชีพอย่างINFOGRAPHIC THAILAND ที่รับทำ ภาพอินโฟกราฟิก และยังมีคอร์สออนไลน์ในการทำอินโฟกราฟิก กับหลักสูตรอบรม ถ้ายังไม่ได้สนใจถึงขั้นเรียนเรื่องการทำอินโฟกราฟิก เพจนี้ยังเป็นการรวมเอา INFOGRAPHIC ดีๆ มาบอกต่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ และสนุกไปกับข้อมูลและเรื่องราวใหญ่ๆใกล้ตัว ซึ่งเป็นตัวอย่างเอาไว้ศึกษาและหาแนวทางได้ เพื่อปรับมาทำ INFOGRAPHIC ในแบบของตัวเอง เพราะด้วยความเป็นคนไมยจะเข้าใจว่าจะดึงดูดให้คนไทยมาสนใจ ภาพอินโฟกราฟิก ของตนเองได้ยังไง งานด้านกราฟิก

3. BETTERPITCH

ภาพอินโฟกราฟิก

เป็นอีกเพจหนึ่งที่ควรค่าในการศึกษาการทำ ภาพอินโฟกราฟิก รวมไปถึงการในเสนองานในรูปแบบสไลต์ MICROSOFT POWERPOINT อีกด้วยว่าการจัดองค์ประกอบของภาพจะสามารถสื่อจุดประสงค์ของงานยังไงให้เข้าใจง่ายที่สุด แค่กดติดตามเพจ เวลาขึ้นหน้าฟีตของเราใน FACEBOOK ก็จะได้เกร็ดข้อมูลความรู้เพิ่มเติมความสามารถในการออกแบบของเราได้ 

สำหรับบางคนที่ชอบนั่งอ่านสือมากกว่ามางมหาข้อมูลทางเพจ BETTERPITCH มีหนังสือพูดด้วยภาพ 1 และ 2 เป็นการแนะนำการนำเสนอข้อมูลอีกด้วย แถมยังคอร์สเล่นออนไลน์ฟรีและคอร์สดีไซน์ INFOGRAPHIC 1 PAGE ในราคาแค่ 1,500 บาท

4. CANVA

ภาพอินโฟกราฟิก

CANVA เป็นโปรแกรม GRAPHIC DESIGN ที่เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์เหมาะมือใหม่ยันไปถึงมืออาชีพในด้านการทำ ภาพอินโฟกราฟิก ภายใน CANVA มี INFOGRAPHIC TEMPLATE มาให้คุณเลือกกันอยู่แล้ว แค่คุณต้องการรูปแบบไหน แถมยังเจาะจงไปถึงแนว TEMPLATE ที่ต้องอีกด้วย เช่น การศึกษา ธุรกิจ การนำเสนอ โฆษณา และอีกมากมาย เหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานง่ายมากขึ้น เพราะมันจะเหมาะกับสิ่งที่คุณจะเสนอ อย่างเช่นแบบ ธุรกิจ ก็จะมีมีตัวเลขให้ดูเยอะๆ หรือแบบโฆษณาที่จะย่อตัวอักษรเน้นการนำเสนอรูปภาพแทน หลังจากเลือก TEMPLATE แล้วคุณยังสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยนได้อีกด้วย 

ในการแก้ไขของ CANVA เพื่อทำ ทำกราฟิก มีฟังค์ชั่นที่น่าสนใจหลายรูปแบบมากเช่น แนะนำการปรับฟอร์นภาษาไทยกับอังกฤษให้มีแนวทางใกล้เคียงกัน หรือคุณขาด ELEMENT อะไรเช่นรูปภาพ หรือ EFFECT ทางเว็บไซต์ก็มีให้ใช้มากมาย ทาง CANVA นั้นรองรับภาษาไทย และทำ กราฟิกฟรี แต่ก็จะขอบเขตในการใช้เครื่องมือของ CANVA แต่ถ้าหากอยากได้มากกว่านี้ก็สามารถสมัครขั้น PRO เพื่อปลดล็อคทุกอย่างใน CANVA ใน ราคา $9.95 เพื่อการทำ ภาพอินโฟกราฟิก ที่ช่วยงามมากขึ้น

5. ADOBE SPARK 

ภาพอินโฟกราฟิก

ADOBE SPARK เป็นอีกเครื่องมือที่ใช้ทำ ภาพอินโฟกราฟิก แบบสำเร็จรูปอันยอดเยี่มเพราะว่ามี INFOGRAPHIC TEMPLATE มีตัวเลือก ประเภทของกราฟิก ให้เลือกมากมายมหาศาล แต่ละแบบยังดูสวยงามและดูเหมือนมืออาชีพคนหนึ่งออกแบบมา ด้วยการสร้างวิธีเดียวกับ CANVA นั่นคือใช้ระบบ DRAG AND DROP ทำให้การสร้างอินโฟกราฟิกขึ้นมาสักอันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากC]Tที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ งานทุกอย่างของคุณจะเก็บไว้ใน CLOUD ดังนั้นสามารถเข้าถึงงานของคุณได้ทุกที่ทุกแห่ง ขอแค่คุณมีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือ TABLET 

แต่จะติดตรงที่โปรแกรมไม่สามารถลบลายน้ำออกจากงาน กราฟิกดีไซน์ ของเราได้ และมีแบบฟรีสำหรับ INFOGRAPHIC TEMPLATE แค่ประมาณ 140 แบบ ถ้าต้องการเพิ่มเติมกว่านี้จะมี ADOBE SPARK PRO ที่แบบมากกว่าหลายเท่า และสามารถทำงานแบบแทคทีมได้ เพิ่มเติมฟังก์ชันให้เลือกงานได้อีกมากเลย ด้วยราคาประมาณ 320 บาท แล้วแต่โปรที่คุณเลือกมา

6. VISME

ภาพอินโฟกราฟิก

VISME จัดได้ว่าเป็นน้องใหม่ของวงการสร้าง ภาพอินโฟกราฟิก ได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น ด้วยระบบที่เหมือนกันของเจ้าอื่นนั้นคือ DRAG AND DROP เหมือนตัวอื่นๆ แต่ที่แตกต่างจากเจ้าอื่นเลยั้นก็คือการทีมีวิดีโอสอนทั้งหมดว่าจะสร้างอินโฟกราฟิกแบบไหนด้วยวิธีอย่างไร ทำให้คุณไม่ต้องไปลองจิ้มมั่วหาวิธีเอง นอกจากนั้น VISME ยังมีฟังก์ชันที่สามาถดึงดูดสายตาของผู้ชมของคุณได้เช่น EFFECT ต่างๆ มากมายที่ทำให้ตัวเลขของคุณสวนน่าอ่าน และคุณยังสามารุใส่ VIDEO ลงไปในงานของคุณได้ด้วย

VISME ค่อนข้างใจกว้างสำหรับสายฟรี เพราะคุณสามารถเข้าถึงรูปต่างๆ ได้ถึง 500,000 รูป INFOGRAPHIC TEMPLATE อีกกว่า 50 แบบ รวมไปถึงทุกฟังช์ชั่นของทางเว็บไซต์ แต่คุณสามารถสร้างผลงานได้เพียง 5 ชิ้นเท่านั้น ถ้าครบแล้วต้องการทำต่อต้องอัพเกรดเป็นแบบ PRO ในราคา $14 – $25 ต่อเดือน

ข้อคำแนะนำทิ้งท้ายสำหรับมือใหม่หัดทำอินอินโฟกราฟิก

จากการแนะนำตั้งแต่แรกนั้นทำให้ทุกคนเข้าใจ อินโฟกราฟิกคือ อะไรและรู้จักวิธีทำ เผื่ออาจเป็นหนทางสู้ กราฟิกฟรีแลนซ์ ต่างๆ จะเห็นได้ว่าตัวช่วยในการสร้างและแนวทางการทำอินโฟกราฟิกมีจำนานมาก ทั้งนี่ก็แล้วแต่ความชอบและกำลังซื้อของแต่ละคนว่ามีมากน้อยแค่ไหน และเวลาที่หาแนวทางคือคุณต้องรู้จักมาปรับเปลี่ยนด้วยไม่ใช่การก็อปมาทั้งหมดแล้วเสร็จในทันที ถ้าหากไม่ใช่พวกเว็บไซต์ช่วยสร้างคุณอาจจะเดือดร้อนก็”ด้ ยังไงจากทั้งหกตัวช่วยทุกคนก็ลองทำอินโฟกราฟิกในแบบของตัวเองดูนะ

 

ภาพจาก:

HTTPS://CONTENTSHIFU.COM/BLOG/HOW-TO-USE-PINTEREST-TO-COLLECT-IDEAS
HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/INFOGRAPHIC.THAILAND/
HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/BETTERPITCH/PHOTOS/A.270177833412060/571632096599964/
HTTPS://WWW.CANVA.COM/TH_TH/FEATURES/
HTTPS://WWW.GOOGLE.COM/SEARCH?Q=ADOBE+SPARK&OQ=ADOBE+SPARK&AQS=EDGE..69I57J0I512L7.493J0J1&SOURCEID=CHROME&IE=UTF-8
HTTPS://FIXTHEPHOTO.COM/TH/VISME-ONLINE-DESIGN-SOFTWARE-REVIEW.HTML

Categories
กราฟิก

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความให้มีชีวิตชีวามากขึ้น

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

โปรแกรม Illustrator เป็นโปรแกรมวาดรูป หรือออกแบบงานด้านกราฟิกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และด้วยความที่ Illustrator มีเครื่องมือที่ครบครัน จึงทำให้มันสามารถสร้างผลงานการออกแบบสร้างสรรค์ได้อย่างหลากหลาย รวมถึงการสร้างข้อความ 3 มิติ ที่เป็นอีกหนึ่งไอเดียการออกแบบที่นักออกแบบหลายคนนิยมนำมาใช้กับผลงานการออกแบบของตนเอง ซึ่งเอฟเฟกต์สำหรับสร้างข้อความ 3 มิตินั้นมีหลากหลายสไตล์ที่ทำให้ผลงานชิ้นนั้นมีความรู้สึกหรูหรามากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ 3 มิติ คุณสามารถเรียนรู้ได้ในบทความนี้ซึ่งเราจะพูดถึงวิธีสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator โดยใช้ข้อความสั้นหนึ่งคำและเอฟเฟกต์การหมุน 3 มิติ

วิธีการสร้างข้อความ 3 มิติใน Illustrator ด้วยเอฟเฟกต์การหมุน 3 มิติ

สำหรับวิธีการสร้างข้อความ 3 มิติในโปรแกรม Illustrator ซึ่งในบทความนี้เราจะเลือกใช้เอฟเฟกต์ 3D Extrude & Bevel อีกทั้งคุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มการแรเงาและพื้นผิวที่ละเอียดสำหรับเอฟเฟกต์ 3D ใน Illustrator ซึ่งขั้นตอนแรกคุณจะต้องสร้างตัวอักษร 3 มิติก่อนแล้วค่อยสร้างข้อความ 3 มิติใน Illustrator

วิธีการสร้างตัวอักษร 3 มิติ

1.เปิดโปรแกรม Illustrator เลือกใช้เครื่องมือ Type Tool (T) และเปิดแผง Character (Window > Type > Character) เลือกตัวอักษร Etna และกำหนดขนาดประมาณ 250 พิกเซล คลิกที่อาร์ตบอร์ดและเพิ่มข้อความของคุณ จากนั้นตั้งค่าสีเป็น R=255 G=150 B=0 แล้วคัดลอกข้อความนั้น (Control+C) 

2.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความของคุณถูกต้องและคลิกเลือกข้อความนั้น แล้วไปที่ Effect > 3D > Rotate จากนั้นระบุแอตทริบิวต์ที่คุณต้องการแล้วคลิก OK เพื่อสร้างตัวอักษร 3 มิติ

3.คลิกเลือกข้อความของคุณ แล้วไปที่ Object > Expand Appearance จากนั้นเลิกจัดกลุ่ม (Shift+Control+G) แล้ว clipping mask (Alt+Control+7) จากนั้น Ungroup (Shift+Control+G) เลือกรูปร่างที่ล้อมรอบข้อความทั้งหมดของคุณและลบออก จากนั้นเลือกรูปร่างที่ประกอบเป็นข้อความของคุณและแปลงเป็นเส้นทางผสมเดียว (Object > Compound Path > Make หรือ Control+8)

4.จากนั้นไปที่ Effect > Stylize > Drop Shadow ระบุแอตทริบิวต์ที่และคลิกตกลง

วิธีการสร้างข้อความ 3 มิติ

1.หลังจากที่คุณสร้างตัวอักษร 3 มิติในโปรแกรม Illustrator เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นการสร้างข้อความ 3 มิติให้กด Control+F เพื่อเพิ่มสำเนาข้อความ แล้วเปลี่ยนสีเป็น R=153 G=153 B=153 

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

2.เลือกข้อความสีเทาและไปที่ Effect > 3D > Extrude & Bevel คลิกปุ่ม More Options และระบุแอตทริบิวต์ทั้งหมดที่คุณต้องการ อย่าลืมกดเลือกที่ช่อง Draw Hidden Faces แล้วคลิก OK 

3.เลือกข้อความสีเทา แล้วไปที่ Object > Expand Appearance เลือก Direct Selection Tool (A) เลือกรูปร่างที่ประกอบด้านหน้าของข้อความ และลบออก 

4.เลือก Move Tool (V) และเลือกกลุ่มรูปร่างของคุณพร้อมกับ คลิกที่ขอบของพาธผสมเพื่อไฮไลต์ จากนั้นคลิกปุ่มVertical Align Top จากแผง Align (Window > Align)

วิธีสร้างข้อความ 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Illustrator เปลี่ยนข้อความธรรมดาที่เรียบง่ายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

5.เลือกเส้นสีส้มจากแผง Layers (Window > Layers) เพิ่มสำเนาด้านหน้า (Control+C > Control+F) และนำไปไว้ด้านหน้า (Shift-Control+]) เติมรูปร่างใหม่นี้ด้วยสีขาว (R=255 G=255 B=255) และลบเอฟเฟกต์ Drop Shadow ออกจากแผง Appearance 

6.เลือกเส้นสีขาวพร้อมกับเลือกกลุ่มของรูปร่าง แล้วคลิกปุ่มสร้าง Make Mask จากแผง Transparency (Window > Transparency) และเปลี่ยนแปลง Blending Mode เลือก Exclusion 

Categories
กราฟิก

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

เมื่อก่อนรูปแบบฟอนต์ภาษาอังกฤษแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ฟรี เป็นแบบตัวอักษรที่ค้นหาช่องทางดาวน์โหลดใช้งานที่ยากที่สุดในอินเทอร์เน็ต ซึ่งศิลปะแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) เป็นแรงบันดาลใจของนักออกแบบกราฟิกหลายคนและได้รับการนำเสนอบนสื่อหลากหลายประเภทตั้งแต่การโฆษณาไปจนถึงปกอัลบั้ม ด้วยความที่มันเป็นศิลปะที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ทำให้ศิลปะแนวกราฟฟิตี้ถูกนำไปใช้สร้างสรรค์ผลงานจำนวนมาก สำหรับใครที่กำลังต้องการฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรี แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) เพื่อนำไปใช้สร้างสรรค์ผลงานตนเอง ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้มากมายให้คุณเลือกสามารถติดตามได้จากข้อมูลด้านล่างเลยค่ะ

5 ฟอนต์ภาษาอังกฤษแนวกราฟฟิตี้ฟรียอดนิยม

ในปัจจุบันคุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ภาษาอังกฤษแนวกราฟฟิตี้ได้ง่าย ๆ และนี่คือ 5 ฟอนต์ภาษาอังกฤษแนวกราฟฟิตี้ฟรีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

1.Rusto Fat Cap Brush

เริ่มต้นกันที่ฟอนต์ Rusto Fat Cap Brush เป็นรูปแบบอักษรที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและโดดเด่น ซึ่งเหมาะสำหรับผลงานกราฟิกแนววัยรุ่นสมัยใหม่ คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ Rusto Fat Cap Brush ได้ด้วยบัญชี DropBox ของคุณ 

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

2.Sprite font

รูปแบบอักษรที่ใช้งานได้จริง ให้ความรู้สึกแบบกราฟฟิตี้ในสไตล์การเขียนด้วยแปรงพู่กัน เป็นฟอนต์ภาษาอังกฤษที่เข้าถึงได้ง่าย สำหรับการออกแบบ งานพิมพ์ โลโก้ ผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ Sprite ได้โดยคลิกที่นี่

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

3.Philly Sans

ฟอนต์ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็กและตัวหนักที่ให้ความรู้สึกเหมือนกราฟฟิตี้และอ่านออกง่าย ใช้งานได้หลากหลายอย่างแน่นอน สร้างโดย Philatype เป็นแบบตัวอักษรที่ยอดเยี่ยมสำหรับสร้างงานพิมพ์ คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ Philly Sans ได้โดยคลิกที่นี่

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

4.The Graffiti Font

ฟอนต์ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อัดแน่นไปด้วยสีสัน สร้างโดยนักออกแบบกราฟิก Mike Karolos เป็นฟอนต์ตัวอักษรที่ฟรีทั้งหมด แต่มันจะใช้ได้เฉพาะในรูปแบบ png เท่านั้น คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ The Graffiti Font ได้ด้วยบัญชี DropBox ของคุณ 

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

5.Thickedy Grunge

นี่คือแบบตัวอักษรที่ยอดเยี่ยมอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามชื่อของมันเลย สร้างโดยสตูดิโอออกแบบของ Bath Checkered Ink คุณสามารถใช้งานได้ฟรีแค่กับผลงานส่วนตัวเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณต้องการใช้ในเชิงพาณิชย์ คุณจะต้องซื้อใบอนุญาตเสียก่อน คุณสามารถดาวน์โหลดฟอนต์ Thickedy Grunge ได้โดยคลิกที่นี่

แนะนำฟอนต์ภาษาอังกฤษฟรียอดนิยม แนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

ศิลปะแนวกราฟฟิตี้

อย่างไรก็ตาม ฟอนต์ภาษาอังกฤษแนวกราฟฟิตี้ (Graffiti) เป็นศิลป์ที่เน้นการเขียนลายเซ็นแนวเท่ ๆ และแปลกใหม่โดยใช้สีสเปรย์ ปากกา หรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดสี เมื่อก่อนเราจะเห็นผลงานแนวกราฟฟิตี้ตามกำแพง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพวกฮิปฮอปในอเมริกา โดยในช่วงเริ่มต้นกราฟฟิตี้มีความเกี่ยวข้องกับคำหยาบคายและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่เมื่อเวลาผ่านไป กราฟฟิตี้ได้พัฒนามาเป็นศิลปะที่สร้างสรรค์และมีชีวิตชีวา ทำให้เกิดปรากฏการณ์สตรีทอาร์ตที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลาย ๆ พื้นที่และที่สำคัญตอนนี้ศิลปะแนวกราฟฟิตี้ได้ถูกนำมาใช้กับผลงานกราฟิกบนสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้น

ผู้สนับสนุน: แทงไฮโลไทย HILO-88 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

Categories
กราฟิก

แนะนำ 4 เครื่องมือออนไลน์ฟรีสำหรับการออกแบบกราฟิกระดับมืออาชีพ

ในปัจจุบันมีเครื่องมือออนไลน์สำหรับการออกแบบกราฟิกที่สามารถใช้งานได้ฟรีมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเพราะมันทำให้ทุกคนสามารถออกแบบกราฟิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งเครื่องมือออนไลน์ฟรีเหล่านี้ยังเป็นอีกหนึ่งทรัพย์สินที่สำคัญในการสร้างกราฟิกที่ดีให้กับเว็บไซต์ของคุณหรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับผลงานของคุณได้ ที่สำคัญคุณยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือออนไลน์ฟรีได้อย่างง่ายดายและสร้างผลงานกราฟิกที่มีคุณภาพได้อย่างที่คุณต้องการ ดังนั้นในบทความนี้เราจึงได้รวบรวม 4 เครื่องมือออนไลน์ฟรี ที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานกราฟิกได้อย่างยอดเยี่ยม

แนะนำ 4 เครื่องมือออนไลน์ฟรีสำหรับการออกแบบกราฟิกระดับมืออาชีพ

4 เครื่องมือออนไลน์ฟรีสำหรับการออกแบบกราฟิก ใช้งานง่าย

1.Crello

เริ่มต้นกันที่เครื่องมือออนไลน์ฟรีสำหรับการออกแบบกราฟิกที่ดีที่สุดอย่าง Crello แพลตฟอร์มนี้มีตัวเลือกมากมายให้เลือกและสามารถใช้เป็นเครื่องมือมัลติฟังก์ชันได้ อีกทั้งยังมีข้อดีอีกมากมายที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความได้เปรียบเหนือแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช้ออกแบบกราฟิกที่ง่ายที่สุด และมีตัวเลือกให้ดาวน์โหลดได้หลายรูปแบบทั้ง JPEG, PNG และ PDF 

2.Canva

นี่น่าจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการออกแบบกราฟิกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่ง Canva เวอร์ชันที่ให้ใช้งานฟรีนั้นมีให้คุณเลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น โพสต์บนโซเชียลมีเดีย โฆษณาออนไลน์ ใบปลิว โปสเตอร์ ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นเพื่อสร้างการออกแบบที่เป็นต้นฉบับตั้งแต่เริ่มต้น แพลตฟอร์มนี้ยังมีตัวเลือกรูปภาพ พื้นหลัง และคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย แต่ก็ยังมีคุณสมบัติบางประการที่ต้องชำระเงิน เพื่อให้สามารถนำมาใช้งานได้

3.Snappa

Snappa แพลตฟอร์มออนไลน์ฟรีที่มุ่งไปที่การออกแบบสื่อเพื่อเผยแพร่ออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นโพสต์และหน้าปกสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์ แบนเนอร์ และโฆษณา มันช่วยให้คุณสร้างชิ้นงานตั้งแต่เริ่มต้นด้วยมาตรการที่คุณต้องการได้ คุณจึงสามารถทำงานอะไรก็ได้ ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่ทันสมัย และอำนวยความสะดวกในการสร้างด้วยบรรทัดเสริมที่ทำเครื่องหมายบนพื้นที่การทำงาน แต่จุดอ่อนของเวอร์ชันฟรีคือคุณสามารถดาวน์โหลดผลงานของคุณได้เพียง 5 ครั้ง/เดือน

4.Visme

Visme แพลตฟอร์มออนไลน์ฟรีที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างสื่อสำหรับเครือข่ายสังคม แบนเนอร์ และอินโฟกราฟิก โดยมีกระบวนการสร้างที่ง่ายดาย ด้วยแผงเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม และแยกองค์ประกอบทั้งหมดในพื้นที่ทำงาน เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ รูปภาพ ไอคอน และพื้นหลังบางส่วนพร้อมให้เริ่มต้นการทดลองใช้ นั่นหมายความว่าเวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัดบางประการ คือสามารถทำได้เพียง 3 โปรเจกต์และดาวน์โหลดในรูปแบบ JPEG เท่านั้น

แนะนำ 4 เครื่องมือออนไลน์ฟรีสำหรับการออกแบบกราฟิกระดับมืออาชีพ

บทสรุป

อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าเครื่องมือออนไลน์ฟรี สำหรับการออกแบบกราฟิกเหล่านี้มีเป็นแอปพลิเคชันที่จำกัด โดยส่วนใหญ่จะใช้ในเวอร์ชันฟรีได้แค่เพียงเครื่องมือขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็มีประโยชน์สำหรับงานทั่วไปและงานเล็ก ๆ เช่น การสร้างโพสต์หรือหน้าปกสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ของคุณ หรือกราฟิกภาพประกอบบทความในบล็อก สำหรับผู้ที่มองหาเครื่องมือที่ใกล้เคียงกับแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพเราขอแนะนำ Crello เพราะมันมีชุดอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้กำหนดรูปแบบงานได้มากขึ้นตามเกณฑ์ของโปรแกรม

Categories
กราฟิก

เทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint

เทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint

นักวาดการ์ตูนหลายคนคงทราบกันดีว่าการเรียนรู้วิธีการวาดการ์ตูนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่ศิลปินจ้องไปที่กระดาษที่ว่างเปล่าที่ไร้ไอเดียในหัว อย่างไรก็ตาม ศิลปินจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอเมื่อมีไอเดียสำหรับการวาดภาพใหม่ ๆ แต่สำหรับนักวาดการ์ตูนมือใหม่อาจจะมีความกลัวและความสงสัยในตัวเองอยู่บ้างว่าจะเริ่มต้นวาดตรงไหน นอกจากจะไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนแล้ว พวกเขาก็มักจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า ภาพวาดของฉันดูดีหรือไม่? ฉันสามารถเพิ่มอะไรได้อีก? ฉันเพิ่มมากเกินไปหรือไม่? โชคดีที่ในบทความนี้เราจะพูดเทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะง่าย ๆ จากคำแนะนำของนักวาดการ์ตูนระดับมืออาชีพ ซึ่งเหมาะสำหรับนักวาดการ์ตูนมือใหม่มาก ๆ เลยค่ะ

เทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint

สำหรับนักวาดการ์ตูนมือใหม่นี่คือเทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint โดยเราได้เลือกเทคนิคบางส่วนมาจากคำแนะนำของนักวาดการ์ตูนระดับมืออาชีพ Asia Ladowska ที่ได้แบ่งปันกระบวนการทางศิลปะของเธอพร้อมกับเคล็ดลับในการวาดการ์ตูนไว้ในบล็อกออนไลน์ เธอเลือกใช้โปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint สำหรับการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะ ซึ่งมันเหมาะสำหรับการสเก็ตช์ ภาพลายเส้น แม้กระทั่งการแรเงา และข้อมูลด้านล่างนี้คือขั้นตอนการวาดการ์ตูนแบบมังงะของ Ladowska

ขั้นตอนการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะ

1.การเลือกมุมที่น่าสนใจ

เริ่มต้นการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะ หรือวาดการ์ตูนอนิเมะด้วยการหามุมวาดภาพพอร์ตเทรต นั่นคือ มุมมองด้านหน้ามันต้องสมมาตร ความสมดุล และสัดส่วนที่วัดมาอย่างดี หากคุณเลือกมุมไดนามิกมากกว่าเล็กน้อย แสดงว่าคุณเริ่มต้นได้ดี!

เทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint

2.การร่างภาพสเก็ตช์

คุณสามารถร่างภาพสเก็ตช์ในโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint โดยใช้แปรงเริ่มต้นของซอฟต์แวร์เป็นหลัก แต่ปรับการตั้งค่าเล็กน้อย สำหรับดินสอสีเข้มให้เลือก Stabilization ประมาณ 15 เสมอ

3.การระบายสีภาพร่าง

Ladowska มักจะเพิ่มสีสันให้กับภาพร่างเพื่อเน้นเส้นของตัวละครออกมา การระบายสีช่วยให้คุณมองเห็นภาพตัวละครที่เป็นรูปร่าง สำหรับเส้นของภาพสเก็ตช์นี้ เธอใช้สีน้ำเงินเข้มมากกว่าสีดำ และเมื่อเปลี่ยนโหมดเลเยอร์เป็น Color Burn ก็ได้ผลลัพธ์เป็นเฉดสีที่สวยงาม 

4.ประหยัดเวลาโดยใช้เครื่องมือ Smart Bucket

เครื่องมือ Smart Bucket มันดีมากในการจดจำภาพลายเส้น เพียงแค่คลิกเดียวก็สามารถกรอกข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ได้เกือบทั้งหมด หากคุณปรับการตั้งค่ามันจะสามารถระบุเส้นที่มีช่องว่างในนั้น หรือแม้แต่เส้นที่มีพื้นผิว เพื่อให้แน่ใจว่าได้เลือกพิกเซลทั้งหมดในตัวละครแล้ว คุณสามารถระบายสีพื้นหลังก่อนได้ในเลเยอร์ที่แยกจากกัน จากนั้นก็ปิดการวาดเส้นแล้วระบายสีกลับอีกชั้นหนึ่ง

เทคนิคการวาดการ์ตูนแบบฉบับมังงะง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมวาดภาพ Clip Studio Paint

5.ใช้บรัชแทนพู่กันแบบนุ่ม

ภาพวาดที่ดีมีทั้งเงาอ่อนและเงาหนา แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าควรไปทางไหน ควรเลือกขอบหนา เพราะจะทำให้ภาพวาดดูดีมากขึ้นด้วยการแรเงาเซลล์แบนมากกว่าการแรเงาด้วยพู่กัน หรือใช้บรัชก่อนเสมอ จากนั้นจึงค่อยเกลี่ยขอบโดยใช้พู่กันแบบนุ่มถ้าจำเป็น ในขั้นตอนนี้ Ladowska จะเพิ่มการแรเงาให้กับเลเยอร์สีทั้งหมด เพื่อเพิ่มความลึกให้กับตัวละครและทำให้มันดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

สนับสนุนโดย: ไฮโลไทย เว็บตรง แทงไฮโลพื้นบ้านได้แล้วที่ HILO-88.COM