Categories
มือใหม่

วิธีติดตั้ง MOVIE MAKER โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่ใช้งานง่ายที่สุด 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่ใช้งานง่ายที่สุด คุณต้องไม่พลาดกับ MOVIE MAKER โปรแกรมตัดต่อวิดีโอและเสียงที่มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษอย่าง WINDOWS XP WINDOWS MOVIE MAKER เพื่อช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์วิดีโอในแบบของคุณได้อย่างรวดเร็ว

MOVIE MAKER

ซึ่งสามารถรวมเอาคลิป ภาพนิ่ง เพลงพื้นหลัง และคำบรรยายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมวิดีโอของคุณได้โดยเพิ่มชื่อเรื่อง ช่วงเปลี่ยนภาพ และเอฟเฟ็กต์วิดีโอ ในบทความนี้เราก็จะขอพูดถึงวิธีติดตั้งโปรแกรมMOVIE MAKER พร้อมวิธีการใช้งานเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลย 

วิธีติดตั้ง MOVIE MAKER โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรี บน WINDOWS 

MOVIE MAKERเป็นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรี บน WINDOWS ที่หลายคนเลือกใช้งาน โดยเฉพาะรุ่นเก่า เพราะใช้งานง่าย ซึ่งเป็นเครื่องมือตัดต่อวิดีโอฟรีที่ใช้งานง่ายบน WINDOWS 10 ของคุณ เพียงทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  • ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง
    MOVIE MAKERโหลดฟรีผ่าน WINDOWS ESSENTIALS ถึงแม้ว่าจะเป็นเวอร์ชั่น 2012 แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดี และนี่คือลิงค์ดาวน์โหลดเพื่อ ติดตั้งไปยัง WINDOWS ESSENTIALS: คลิกที่นี่ (ขนาดประมาณ 130MB) 
  • แตกไฟล์ ZIP
    หลังจากดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว ให้แตกไฟล์ ZIP และเรียกใช้ไฟล์ .EXE จากนั้นการตั้งค่า WINDOWS ESSENTIALS 2012 จะเริ่มต้นขึ้น 
  • เลือกโปรแกรมที่คุณต้องการติดตั้ง
    คลิกเลือกโปรแกรมที่คุณต้องการติดตั้ง ซึ่งจะมีตัวเลือกให้เลือกเฉพาะMOVIE MAKER 
MOVIE MAKER
  • เลือก PHOTO GALLERY ANDMOVIE MAKERบนหน้าจอให้คุณเลือก ‘PHOTO GALLERY AND MOVIEMAKER‘ เนื่องจากเราจะติดตั้งลงในพีซีของเราเท่านั้น จากนั้นคลิกที่ ‘ติดตั้ง’ แล้วการติดตั้งจะเสร็จสิ้นในไม่ช้า 
MOVIE MAKER
  • เปิดMOVIE MAKER
    เพื่อเรียกใช้โปรแกรม โดยให้ไปที่แถบค้นหาแล้วพิมพ์ WINDOWS MOVIE MAKERเลือกแอปMOVIE MAKERจากนั้นคุณก็สามารถเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมMOVIEMAKERONLINE ได้เลย 

วิธีการใช้งานเบื้องต้น 

เมื่อคุณได้ทำการติดตั้ง MOVIEMAKER บน WINDOWS 10 ของเราเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคุณก็ต้องเรียนรู้ การใช้MOVIE MAKERเบื้องต้น เพื่อที่จะได้รู้เครื่องมือการใช้งานต่าง ๆ ของโปรแกรม ซึ่งMOVIEMAKER WINDOWS 10 ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอมาก่อนเลย ก็สามารถเรียนรู้วิธีการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และนี่คือขั้นตอนการสร้างสรรค์วิดีโอเบื้องต้นในโปรแกรมMOVIE MAKER

MOVIE MAKER
  • ในการเริ่มต้นใช้งาน WINDOWS MOVIE MAKERให้เปิดโปรแกรมโดยไปที่ START > ALL PROGRAMS > WINDOWS MOVIEMAKER (หรือ START > PROGRAMS ถ้าคุณตั้งค่าเมนู START เป็น CLASSIC)
  • จับภาพวิดีโอจากกล้องของคุณหรือนำเข้าจากฮาร์ดไดรฟ์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่น ๆ 
  • รวบรวมคลิปวิดีโอ เสียง และองค์ประกอบต่าง ๆที่คุณต้องการใส่เข้าไปในวิดีโอของคุณโดยใช้ไทม์ไลน์
  • ส่งออกวิดีโอที่คุณสร้างเสร็จแล้วให้เป็นรูปแบบที่สามารถแชร์กับผู้อื่นได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
มือใหม่

GIMBAL มือถือ ยี่ห้อไหนดี? ที่ตอบโจทย์การถ่ายวิดีโอเคลื่อนไหวได้ดีที่สุด

เมื่อเราดูวิดีโอในยูทูป คุณเคยสงสัยไหนว่าทำไมภาพเคลื่อนไหวในวิดีโอถึงไม่สั่นไหวเลย? YOUTUBER พวกเขาใช้อุปกรณ์อะไร? วันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยนี้กัน ซึ่งความจริงแล้วมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเรื่องความนิ่งของกล้อง และควบคุมกล้องไม่ให้สั่นไหว เรียกว่า GIMBAL 

GIMBAL 

หรือถ้าหากใช้ในการถ่ายวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหวด้วยโทรศัพท์มือถือ หลายคนมักจะเรียกว่า ไม้กันสั่น หรือGIMBAL STABILIZER นั่นเอง ดังนั้นหากคุณชอบถ่ายวิดีโอด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือ เราขอแนะนำให้ใช้ไม้กันสั่นร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของภาพวิดีโอดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น 

GIMBAL คืออะไร? ทำงานอย่างไร?

สำหรับ YOUTUBER หรือตากล้องถ่ายวิดีโอ คงจะคุ้นเคยกับอุปกรณ์เสริมของกล้องที่มีชื่อเรียกว่า GIMBAL (กิมบอล) กันเป็นอย่างดี แต่สำหรับมือใหม่คงกำลังสงสัยว่า GIMBALคืออะไร? ซึ่งความจริงแล้วGIMBAL CAMERA เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้การถ่ายวิดีโอของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ช่วยให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่นิ่ง ไม่สั่นไหว และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

GIMBAL 

สำหรับ GIMBALมือถือ หรือที่หลายคนเรียกว่า ไม้กันสั่น ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การเคลื่อนไหวของโทรศัพท์มือถือคงที่ ไม่ว่าจะในขณะถ่ายภาพหรือวิดีโอ การเคลื่อนไหวก็ยังคงมีเสถียรภาพ อีกทั้งยังทำให้การถ่ายทำเป็นเรื่องง่ายและสะดวกกว่าการถ่ายภาพแบบถือกล้องด้วยมือ GIMBALSTABILIZER เหมาะสำหรับถ่ายวิดีโอบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว หรือถ่ายวิดีโอมือสมัครเล่น เพราะพกพาสะดวก น้ำหนักเบา ซึ่งถือเป็นหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่เหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงานวิดีโอไม่ควรพลาด 

ยี่ห้อGIMBALที่เหมาะสำหรับการวิดีโอเคลื่อนไหวที่สุด

ในปัจจุบันมีGIMBALให้คุณได้เลือกซื้อมากมาย แต่เราเชื่อว่ามือใหม่หลายคนคงกำลังสงสัยว่า GIMBALยี่ห้อไหนดี? ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวม 3 ยี่ห้อGIMBAL ที่เหมาะสำหรับการวิดีโอเคลื่อนไหวที่สุด มาแนะนำทุกคน ดังนี้

  • ZHIYUN รุ่น SMOOTH XS, SMOOTH Q2 และ SMOOTH 4
GIMBAL 

ไม่กันสั่นเหล่านี้จะช่วยยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอของคุณให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำให้การถ่ายวิดีโอบล็อกของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ตัวอุปกรณ์ถูกออกแบบให้เพรียวบางและน้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวกและใช้งานง่าย ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบสามแกน สามารถถ่ายภาพแบบหมุน 360 องศาได้ ด้วยการใช้โหมด VORTEX 360 องศา, POV 360 องศา, VERTIGO หรือโหมด TIME LAPSE PRO สามารถทำงานร่วมกับกล้องในโทรศัพท์ ANDROID และ IOS พร้อมการควบคุมโดยตรงผ่านทางแอปที่เพิ่มคุณสมบัติการถ่ายทำที่หลากหลาย เช่น การซูมอัตโนมัติ การโฟกัสใบหน้า การถ่ายทำแบบพาโนรามา และการถ่ายภาพแบบไทม์แลปส์

  • DJI OM 5 
GIMBAL 

เป็นอีกหนึ่งไม้กันสั่น ที่เราอยากแนะนำ ซึ่งมันจะให้ความรู้สึกเหมือนสร้างมาเพื่อใช้งานได้สำหรับทุกคน ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความเสถียรแม้มือเราจะสั่นที่สุด พร้อมทั้งรวมคุณสมบัติที่มีประโยชน์อีกมากมาย เช่น ไม้เซลฟี่ มีปุ่มไม่กี่ปุ่มบนที่จับ และสะดวกสบายในการพกพา แถมที่จับยังถนัดมือ เปลี่ยนไม้กันสั่นให้กลายเป็นไม้เซลฟี่ได้ทันที สำหรับเรียนรู้นั้นก็ง่าย และแอปยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายไม่ว่าใครก็ใช้ได้

  • HOHEM ISTEADY MOBILE PLUS 
GIMBAL 

ไม้กันสั่น รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบกันสั่น 3 แกน อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 12 ชั่วโมง และมีน้ำหนักเพียง 200 กรัมเท่านั้น เป็นรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และแอปยังมีหลายโหมด รวมถึงรูปแบบไทม์แลปส์แบบต่าง ๆ สโลว์โมชั่น และรีทัช ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจผู้ใช้ทั่วไป และเป็นหนึ่งในไม้กันสั่นสำหรับสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เทคนิค

เทคนิค ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย ด้วยกล้องโทรศัพท์ แบบฉบับมือโปร มืดแค่ไหนก็รอด 

คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการ ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย หรือไม่? ถ้าคุณเป็นเช่นนั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้เราจะพาคุณจัดการกับปัญหานี้ ด้วยวิธีการง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วเท่านั้น คุณก็จะได้ภาพวิดีโอที่แสงสว่างทั่วถึงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีจัดการกับปัญหาถ่ายวิดีโอในที่มืดหรือแสงน้อย หลากหลายวิธี และหนึ่งในนั้น ก็คือ การปรับการตั้งค่าของกล้อง หรือบางครั้งช่างภาพมืออาชีพส่วนใหญ่ก็มักใช้ไฟสตูดิโอในการแก้ไขปัญหาแสงน้อย แต่สำหรับมือใหม่คุณไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราได้รวบรวม 5 เทคนิคการถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงสว่างน้อย แบบฉบับมือโปรมาไว้ในบทความนี้แล้ว ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลย 

4 เทคนิค ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย ด้วยกล้องโทรศัพท์ ยังไงให้รอด 

ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย

ในปัจจุบันการ ถ่ายวิดีโอในที่ที่มีแสงน้อย เป็นกำลังเทรนการ ถ่ายวิดีโอ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมันทำให้ภาพในวิดีโอดูมีความลึกลับ น่าค้นหา แต่การที่จะถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงน้อยเช่นนี้ให้ออกมาสมบูรณ์แบบได้นั้น ช่างภาพต้องมีทักษะและรู้จักใช้เทคนิคการถ่ายทำต่าง ๆ ในระดับมืออาชีพเลย

ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีที่ง่ายที่สุด เพราะทุกวันมี กล้องถ่ายวีดีโอในที่มืด โดยเฉพาะ แต่การที่จะถ่ายวิดีโอให้ได้ภาพที่ดีที่สุดนั้น คุณต้องรู้จักใช้เทคนิคการตั้งค่ากล้อง ซึ่ง กล้องถ่ายวีดีโอกลางคืน หรือกล้องที่ใช้ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย ช่างภาพมืออาชีพส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้งานกล้องที่มีราคา เพราะมันมีคุณสมบัติหลายประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตัวกรองอัตโนมัติ แต่สำหรับใครที่มีงบน้อยวันนี้เราก็ได้รวบรวมเทคนิคการถ่ายวิดีโอในที่ที่มีแสงน้อยด้วยกล้องโทรศัพท์ มาแนะนำทุกคนที่ด้านล่างนี้

4 เทคนิคถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อย

ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย
  • ล็อคการปรับแสงอัตโนมัติ สำหรับการ ถ่ายวิดีโอ ในที่แสงน้อย ด้วย กล้อง โทรศัพท์ ถ่ายวีดีโอ สิ่งแรกที่คุณควรทำ คือการล็อคไม่ให้กล้องปรับแสงอัตโนมัติ เพราะกล้องจะพยายามคำนวณค่าแสงตลอดเวลาและจะปรับแสงขึ้นลง ซึ่งจะทำให้เกิดแสงวูบวาบตลอด ทางที่ดีให้คุณแตะที่หน้าจอค้างไว้จนกล้องล็อคค่าแสง จากนั้นค่อยทำการถ่ายวิดีโอ
ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย
  • การหาไฟเสริม เพื่อเพิ่มความสว่างนี่เป็นเทคนิคที่ช่างภาพมืออาชีพหลายคนเลือกใช้ เมื่อต้อง ถ่ายวิดีโอในที่ที่มีแสงน้อย เพราะไฟเสริมจะช่วยเพิ่มความสว่างได้ดี และช่วยลดเงาบนใบหน้าหรือวัตถุ ทำให้ภาพวิดีโอของเราสวยขึ้น 
ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย
  • ถ่ายวีดีโอกลางคืน IPHONE 13 PRO เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ IPHONE 13 PRO ในการถ่ายวิดีโอแสงน้อย เพียงแตะโฟกัสที่หน้าจอ ระบบของกล้องก็ทำการประมวลทั้งความสว่างและเน้นจุดโฟกัสเน้นเป็นหลัก ทำให้ภาพตอนกลางคืนกลายเป็นกลางวัน พร้อมกับคุณสมบัติ LIDAR SENSOR ที่สามารถวัดระยะวัตถุได้แม้ว่าจะอยู่ในที่มืด เพื่อให้กล้องจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำ ทำให้ภาพมีความคมชัดสูง
ถ่ายวิดีโอ ในที่ที่มีแสงน้อย
  • การปรับค่า EXPOSURE การปรับค่า EXPOSURE เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สามารถทำให้การถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยให้ออกมาดูดีขึ้นได้ โดยให้แตะที่จุดโฟกัสที่ต้องการ จากนั้นคุณจะเห็นกล่องสีเหลืองที่ชื่อว่า AF/AE LOCK ให้เลื่อนปรับค่าแสงขึ้นหรือลงได้ตามความต้องการ หรือจนกว่าจะได้ความสว่างของภาพที่พอดีและเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เสียง

WAVEPAD โปรแกรม ตัด คลิป เสียง และใส่เอฟเฟกต์ที่ดีที่สุด

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรม ตัด คลิป เสียง และใส่เอฟเฟกต์ที่ดีที่สุด คุณต้องไม่พลาดกับ WAVEPAD สุดยอดโปรแกรมตัดต่อเสียงระดับมืออาชีพ ที่จะช่วยทำให้คลิปเสียงของคุณมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังมีกล่องเครื่องมือเอฟเฟ็กต์ขนาดใหญ่ที่จะช่วยให้คุณปรับเสียงได้อย่างที่ใจต้องการ

ตัด คลิป เสียง

พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่น่าทึ่งอีกมากมาย ในบทความนี้เราจึงจะขอพูดถึงโปรแกรม WAVEPAD คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง? เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักตัดต่อมือใหม่ที่กำลังมองหาโปรแกรมตัดคลิปเสียงและใส่เอฟเฟกต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

โปรแกรม ตัด คลิป เสียง WAVEPAD คืออะไร

ตัด คลิป เสียง

หากพูดถึงโปรแกรม ตัดคลิปเสียง ที่ดีที่สุด แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้มีหลากหลายโปรแกรมให้คุณได้เลือกใช้งานทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน แต่ถ้าพูดถึง โปรแกรมตัดเสียง และใส่เอฟเฟกต์ที่ดีที่สุด แน่นอนว่า WAVEPAD จะถูกจัดอยู่ในรายการ โปรแกรม ตัด ต่อ เสียงบันทึก ที่นักตัดต่อมืออาชีพเลือกใช้งาน

ซึ่งจากการสำรวจของเรา สามารถอธิบายเกี่ยวกับโปรแกรม WAVEPAD ได้ว่าเป็น โปรแกรมตัดเพลง MP3 ออนไลน์ ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับการใส่เอฟเฟ็กต์เสียง เพราะโปรแกรมนี้มีกล่องเครื่องมือเอฟเฟ็กต์ขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องมือการขยายเสียงที่ช่วยทำให้เป็นคลิปเสียงของคุณมีความเป็นมาตรฐานมากขึ้น 

ตัด คลิป เสียง

สามารถปรับเสียงต่าง ๆ ได้ เช่น เสียงก้อง เสียงสะท้อน ย้อนกลับและคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ มากมาย ที่สำคัญเอฟเฟ็กต์ทั้งหมดใช้งานง่าย นอกจากนี้ WAVEPAD ยังมีตัวเปลี่ยนเสียง ตัวเลือกการอ่านออกเสียงข้อความและเครื่องมือกู้คืนเสียง เช่น การลดเสียงรบกวนและการปรับปรุงคุณภาพเสียง

WAVEPAD ยังมีเครื่องมือ ตัดเพลง MP3 ฟรี มากมาย เช่น การตัด คัดลอก วาง ลบ แทรก ปิดเสียง ตัดแต่งอัตโนมัติ บีบอัดและเลื่อนระดับเสียง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ WAVEPAD กลายเป็น โปรแกรมตัดเพลง MP3 ออนไลน์ ฟรีที่ดีที่สุด คุณสามารถบันทึกเสียงพากย์ และใส่เอฟเฟ็กต์เสียงฟรี มาพร้อมกับเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างเสียงเรียกเข้าจากไฟล์เพลงและเสียงบันทึกของคุณได้

ข้อดี-ข้อเสียของโปรแกรม WAVEPAD

ตัด คลิป เสียง

โปรแกรมตัด คลิป เสียง WAVEPAD อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักตัดต่อมืออาชีพ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อเสียง MP3 CUTTER เพราะใช้งานง่าย อย่างไรก็ตาม WAVEPAD มีข้อเสียบางประการที่ทำให้ต้องพิจารณา เช่น เวลาแสดงผลนานและไม่มีการบันทึกหลายแทร็ก

ข้อดี

  • มีเครื่องมือตัดต่อเสียงขั้นสูงมากมาย
  • เหมาะสำหรับนักตัดต่อมือใหม่อย่างมากเพราะใช้งานง่าย

ข้อเสีย

  • ในการบันทึกหลายแทร็กจำเป็นต้องซื้อ MIXPAD MULTI-TRACK AUDIO MIXER
  • ใช้เวลาเรนเดอร์ช้ามาก

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
กราฟิก

วิธี ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร ภายในไม่กี่นาที ด้วยโปรแกรม PROCREATE และ ILLUSTRATOR

โลโก้ตัวอักษร เป็นแบบโลโก้สุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมตลอดกาล และเหมาะสำหรับการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลที่สุด เพราะการ ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร ส่วนใหญ่มักจะเน้นที่ความเรียบง่ายแต่มีสไตล์ จึงเป็นส่วนสำคัญในสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ และยังสื่อถึงตัวตนของบุคคลอีกด้วย สำหรับใครที่อยากจะมีโลโก้แบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่ต้องการจ้างนักออกแบบหรือเอเจนซี่ วันนี้เราก็มีวิธีสร้างโลโก้ตัวอักษรง่าย ๆ ภายในกี่นาที ด้วยโปรแกรม PROCREATE และ ILLUSTRATOR ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

วิธี ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร โดยใช้โปรแกรม PROCREATE และ ILLUSTRATOR 

ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

สำหรับการ ออกแบบโลโก้ ตัวอักษร แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ฟอนต์ และ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างโลโก้ ซึ่งในปัจจุบันมี โปรแกรมออกแบบโลโก้ฟรี ให้เราได้เลือกใช้ตามความถนัดมากมาย ทั้งแบบที่อนุญาตให้ใช้ ออกแบบโลโก้ฟรี ไม่มีลายน้ำ และแบบที่ติดลายน้ำ แต่ถ้าคุณอยากได้โปรแกรมที่มีเครื่องมือหลากหลายและมีความเป็นมืออาชีพ เราขอแนะนำโปรแกรม PROCREATE และ ILLUSTRATOR โปรแกรมออกแบบกราฟิกที่นักออกแบบมืออาชีพหลายคนเลือกใช้งาน

ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

ในส่วนของฟอนต์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการ ออกแบบโลโก้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ หรือ ออกแบบโลโก้ ตัวอักษร ภาษาไทย เราขอแนะนำให้เลือกออกแบบตัวอักษรเป็นแบบลายมือ เพราะมันจะทำให้โลโก้ของคุณดูมีความขี้เล่นแต่สะอาดตา และมีองค์ประกอบของแบรนด์ที่เรียบง่ายซ่อนอยู่ในตัวอักษร ทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น ไม่เหมือนใคร 

ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

เมื่อคุณได้รู้ถึงความสำคัญของการ ออกแบบโลโก้ ตัวอักษร ออนไลน์ แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาลงมือ ออกแบบโลโก้เอง ได้แล้ว ซึ่งการสร้างโลโก้ตัวอักษรโดยใช้โปรแกรม PROCREATE และ ILLUSTRATOR ก็มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ 

ขั้นตอนออกแบบโลโก้ตัวอักษร

  • ร่างแบบโลโก้ตัวอักษรของคุณ
ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

หากคุณยังไม่มีไอเดียในการออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร เราขอแนะนำให้ลองค้นหาตัวอย่าง โลโก้สวยๆ ฟรี ใน PINTEREST หรือหาแบบฟอนต์สวย ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ จากนั้นก็เริ่มร่างแบบโลโก้ตัวอักษรของคุณไดส้เลย

  • ถ่ายภาพแบบโลโก้ของคุณและนำเข้าสู่ PROCREATE
ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

เปิด PROCREATE แล้วเลือกไฟล์ใหม่โดยกด ‘+’ ที่มุมขวาบน จากนั้นก็กำหนดขนาดโลโก้ที่คุณต้องการ แล้วให้แตะไอคอนเครื่องมือ > กดเพิ่ม (ไอคอน +) > เลือกแทรกรูปภาพ > เลือกรูปภาพแบบโลโก้ของคุณ จากนั้นแตะที่แปรงเพื่อตั้งค่าและตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่า STREAMLINE เป็นอย่างน้อย 50% เพื่อให้ได้เส้นที่บางเบาที่สุด สร้างเลเยอร์ใหม่แล้ววางเส้นตามแบบร่าง แล้วแตะที่ + ที่พ็อดสีมุมขวาบนค้างไว้แล้วลากลงเพื่อเติมโครงร่างของคุณ หากคุณต้องการแยกโครงร่างออก อย่าลืมคัดลอกเลเยอร์ของคุณก่อนที่จะเริ่มเติมสี

  • เริ่มส่งออกไปยัง ILLUSTRATOR
ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

หลังจากที่คุณร่างแบบใน PROCREATE จนพอใจแล้ว ให้แตะไอคอนเครื่องมือที่มุมซ้ายบน เลือกแชร์ (ไอคอนลูกศรขึ้น) > เลือก PSD > AIRDROP ไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณ (หรือส่งอีเมลไฟล์ถึงตัวคุณเองผ่านแอปอีเมลก็ได้)

  • การแยกภาพ และเพิ่มองค์ประกอบสุดท้าย
ออกแบบ โลโก้ ตัว อักษร

เมื่อนำเข้าแบบร่างโลโก้มายัง ILLUSTRATOR แล้ว ให้คุณตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำเครื่องหมายที่ “แปลงเลเยอร์เป็นวัตถุ” แล้วหรือไม่? เพื่อให้แต่ละเลเยอร์ถูกแปลงและแยกออกจากกัน ทำให้ขั้นตอนการทำงานง่ายขึ้น จากนั้นคลิกเลเยอร์ที่คุณต้องการแก้ไข เลือก “IMAGE TRACE” > EXPAND > คลิกขวาเพื่อแยกภาพ จากนั้นลบชิ้นส่วนสีขาวทั้งหมดโดยเลือก SELECT > SAME > FILE COLOR > แล้วกดปุ่ม DELETE เพื่อลบชิ้นส่วนสีขาว และเพิ่มองค์ประกอบเพิ่มเติม เช่น เงา ร่าง หรือเปลี่ยนสีตามความต้องการ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โลโก้ตัวอักษรของแบรนด์คุณแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
กราฟิก

ออกแบบ ใบปลิว ด้วยตัวเองง่าย ๆ ใน CANVA

ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุคสมัยใบปลิวก็ยังคงเป็นสื่อโฆษณาที่ยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน แต่ ออกแบบ ใบปลิว อาจจะไม่ใช่สิ่งแรกที่คุณนึกถึง เพราะในยุคปัจจุบันหลายคนมักจะนึกถึงเทรนด์การออกแบบในรูปแบบสื่อโฆษณาดิจิตอลมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เห็นโฆษณาใบปลิวเลย เพราะใบปลิวยังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของคุณ 

ออกแบบ ใบปลิว

หากคุณรู้วิธีการเพิ่มองค์ประกอบการออกแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด และที่สำคัญกว่านั้นคือ วิธีการ ออกแบบใบปลิว ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งในปัจจุบันคุณสามารถออกแบบใบปลิวได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยใช้เทมเพลตที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบในโลกอินเทอร์เน็ต

 ดังนั้นในบทความนี้เราก็จะขอพูดถึง วิธีการ ออกแบบใบปลิว ด้วยตัวเองง่าย ๆ ใน CANVA พร้อมกับแนะนำองค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบใบปลิว ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลย 

วิธี ออกแบบ ใบปลิว ด้วยเทมเพลตใน CANVA

ออกแบบ ใบปลิว

วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการออกแบบ ใบปลิว ก็คือการใช้เทมเพลตใน โปรแกรมออกแบบใบปลิว หรือ เว็บไซต์ออกแบบกราฟิกฟรี อย่าง CANVA ซึ่งในนั้นมีเทมเพลต หรือ แม่แบบใบปลิว ฟรี ให้คุณได้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่ไปที่ด้านบนขวาแล้วคลิก ‘สร้างงานออกแบบ’ ค้นหา ‘ใบปลิว’ แล้วเลือกแนวนอนหรือแนวตั้ง และคุณสามารถเพิ่มค้นหาได้อีก เพื่อทำให้การค้นหาของคุณเจาะจงยิ่งขึ้น หรือถ้าคุณต้องการให้การค้นหาแคบมากขึ้นลองค้นหาคำว่า ‘ใบปลิวด้านเดียว’ หรือ ‘ใบปลิวสองด้าน’

เมื่อคุณพบเทมเพลต ออกแบบใบปลิว ฟรี ที่โดนใจคุณแล้ว ให้คลิกที่เทมเพลตนั้น และคุณก็จะสามารถเริ่มปรับแต่งใบปลิวได้ คุณสามารถเปลี่ยนหรือลบองค์ประกอบใดก็ได้เพื่อสร้างใบปลิวที่เหมาะกับความต้องการของคุณลองเปลี่ยนข้อความ ภาพ และสีของพื้นหลังว่าคุณชอบแบบไหน แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องเพิ่มองค์ประกอบภาพที่สะดุดตา หรือเห็นได้ชัดว่าเป็นองค์ประกอบรูปภาพหรือกราฟิก และสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงในขณะที่คุณสร้างใบปลิวคือการอ่านง่าย

องค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบใบปลิว 

เมื่อคุณเลือกรูปแบบของเทมเพลตที่จะใช้ในการออกแบบ ใบปลิวของคุณได้แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องใส่รายละเอียดที่ต้องการจะสื่อสารลงไปบน รูปแบบใบปลิวที่คุณได้เลือกไว้ และสิ่งที่คุณควรคำนึง ก็คือ การจัดองค์ประกอบของออกแบบบางประการที่จะช่วยทำให้ใบปลิวของคุณดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็น นั่นก็คือ 

  • การพาดหัวที่ดึงดูดความสนใจ
ออกแบบ ใบปลิว

พาดหัวใบปลิวเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนจะเห็นเมื่อพวกเขาดูใบปลิวของคุณ ดังนั้น คุณต้องพาดหัวใบปลิวให้โดดเด่นและดึงดูดความสนใจของผู้คน ซึ่งกุญแจสำคัญในการพาดหัวใบปลิวที่ดึงดูดความสนใจคือการทำข้อความขนาดใหญ่ ยิ่งข้อความนั้นน่าสนใจมากเท่าไหร่ ผู้คนก็จะยิ่งรู้สึกอยากอ่านต่อมากขึ้น ยกตัวอย่างการออกแบบใบปลิว อาหาร คุณจะพาดหัวด้วยชื่อร้านตัวใหญ่ ๆ พร้อมภาพเมนูอาหารที่ชวนให้ลิ้มลอง 

  • การลำดับชั้นของภาพ
ออกแบบ ใบปลิว

มี ตัวอย่างใบปลิวสวยๆ มากมายที่มีการลำดับชั้นของภาพที่สมบูรณ์แบบ หากคุณต้องการให้ใบปลิวโดดเด่นและน่าสนใจ คุณต้องวางองค์ประกอบแต่ละอย่างให้สอดคล้องกัน เพื่อจะนำผู้ชมไปสู่สิ่งที่สำคัญและสิ่งที่พวกเขาต้องให้ความสนใจ ดังนั้นอย่าลืมสร้างรายละเอียดที่สำคัญหรือองค์ประกอบการสร้างแบรนด์ (เช่น โลโก้ของคุณ) ให้ใหญ่และโดดเด่นที่สุด

  • ความสมดุล
ออกแบบ ใบปลิว

เมื่อคุณออกแบบใบปลิวแล้ว สิ่งสุดท้ายที่คุณคำนึงก็คืออย่าพยายามใส่องค์ประกอบมากเกินไป (ข้อความ กราฟิก รูปภาพ และสี) เพราะมันไม่เพียงจะดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่การใส่องค์ประกอบมากเกินไปในหน้าใบปลิว ผู้พบเห็นก็จอาจจะไม่รู้ว่าจะมุ่งความสนใจไปที่ใดดี หากคุณต้องการให้ใบปลิวของคุณมีประสิทธิภาพ คุณต้องรักษาสมดุล และเว้นระยะห่างให้พอดี 

  • การเลือกแบบตัวอักษรให้เข้ากับแบรนด์
ออกแบบ ใบปลิว

แบบอักษรที่คุณเลือกใช้ในงานการออกแบบใบปลิวจะช่วยสื่อสารข้อความในใบปลิวของคุณได้เป็นอย่างดี แบบอักษรที่เหมาะสมสามารถช่วยขับเคลื่อนการสร้างแบรนด์ของคุณและส่งเสริมข้อความของคุณ ในขณะที่แบบอักษรที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ผู้ชมสับสนได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เสียง

แนะนำโปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ ที่ดีที่สุด ประจำปี 2023

สำหรับการสร้างสรรค์วิดีโอองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้วิดีโอของคุณสมบูรณ์แบบที่สุดนั้นต้องประกอบด้วยคุณภาพครึ่งหนึ่งและคุณภาพเสียงครึ่งหนึ่ง แต่บางแต่เสียงก็อาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพที่สุด เราจึงจำเป็นต้องอาศัยซอฟต์แวร์ตัดต่อเสียงระดับมืออาชีพ อย่างเช่นโปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ มากมายที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งเสียงของคุณอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ บนเว็บได้กลายเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักตัดต่อเสียงมือใหม่

ดังนั้น ในบทความนี้เราจึงจะของพูดถึง 4 โปรแกรมตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ที่ดีที่สุด ประจำปี 2566 สำหรับนักตัดต่อเสียงมือใหม่ เพื่อช่วยให้เสียงในวิดีโอของคุณสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งจะมีโปรแกรมอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลย 

การเลือกโปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ ที่ดีที่สุด ให้เหมาะกับการใช้งาน 

ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์

โปรแกรมตัดต่อเสียง ออนไลน์ ที่ดีที่สุดต้องเป็นโปรแกรม ตัดเสียง MP3 ที่มักนำเสนอเครื่องมืออันหลากหลายที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของเสียงมีคุณภาพสูงในเวิร์กโฟลว์ ซึ่งโดยทั่วไปในการ ตัดต่อเพลง MP3 ออนไลน์ คุณต้องมีซอฟต์แวร์ผลิตเพลงชั้นนำและเวิร์กสเตชันเสียงดิจิทัล (DAW) เพื่อสร้างเสียงที่คมชัดระดับมืออาชีพ
นักตัดต่อมือใหม่บางคนอาจพบว่าอินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์เพลงที่ซับซ้อนนั้นค่อนข้างใช้งานยากในตอนแรก แต่เมื่อลองเรียนรู้คุณจะสามารถจัดการกับเส้นโค้งเสียงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในการระบุ โปรแกรมตัด ต่อ เพลง MP3 CUTTER ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า คุณจะใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำอะไร? 

จากนั้นจึงเริ่มค้นหาโปรแกรมที่สามารถช่วยให้คุณสามารถจัดการกับเสียงนั้นได้โดยเฉพาะ และต่อไปนี้คือ โปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรี ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพเสียงของคุณให้สมบูรณ์แบบที่สุด 

4 โปรแกรมตัดต่อเสียง ออนไลน์ที่ดีที่สุด

ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์
  • TWISTEDWAVE AUDIO EDITOR ONLINE : เป็นโปรแกรมตัดต่อ เสียง ออนไลน์ ที่รองรับปลั๊กอินเสียงและรูปแบบไฟล์มากมาย เช่น WAV, AIFF, CAF, MP3, MP4, FLAC เป็นต้น คล้ายกับโปรแกรมตัดต่อเพลง MIX บนเว็บอื่น ๆ แต่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมากมาย เช่น การขยายเสียง การทำให้เสียงเป็นมาตรฐาน การปรับระดับเสียง ความเร็ว การสุ่มตัวอย่าง การแปลงอัตราและอื่น ๆ อีกมากมาย หลังจากตัดต่อเสียงเสร็จแล้ว คุณสามารถดาวน์โหลดหรือส่งออกไฟล์ไปยัง SOUNDCLOUD หรือ GOOGLE DRIVE ได้โดยตรง 
ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์
  • BEAR AUDIO EDITOR : เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงที่ใช้ HTML 5 ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแก้ไขไฟล์เสียงโดยไม่ต้องอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานในการแก้ไขเสียงทั้งหมดของคุณ เช่น ตัดแต่ง ตัด บันทึก ครอบตัด และลบเสียง คุณสามารถใช้เป็นตัวเชื่อมเสียงได้อีกด้วย นอกจากนี้มันยังมีคลังเพลงและซาวด์เอฟเฟ็กต์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์มากมาย
ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์
  • AUDIO TRIMMER : เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่สามารถใช้เพื่อตัดแทร็กเสียงได้อย่างง่ายดาย มันรวดเร็วและเสถียรมากด้วยการรองรับที่มากกว่า 300+ รูปแบบ คุณเพียงแค่ต้องเลือกไฟล์ของคุณแล้วคลิก “อัปโหลด” เพื่อเริ่มแก้ไข ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง คุณก็สามารถสร้างเสียงที่สมบูรณ์แบบได้แล้ว
ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์
  • HYA-WAVE : เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์อีกตัวที่ออกแบบมาสำหรับการบันทึกและแก้ไขตัวอย่างเสียงสั้น ๆ ในเว็บเบราว์เซอร์ HYA-WAVE สามารถคัดลอก วาง ตัดแต่ง ลบ และผสมเสียงได้ด้วยอินเทอร์เฟซของ HYA-WAVE ที่ใช้งานง่าย จึงเหมาะสำหรับนักตัดต่อมือใหม่

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เสียง

AUDIODIRECTOR โปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ฟรีที่ดีที่สุด

นักตัดต่อมืออาชีพหลายคนต้องควักเงินหลายร้อยหรือหลายพันบาทเพื่อให้ได้ใช้งานโปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ที่ดีที่สุด แต่วันนี้เราอยากจะบอกคุณว่าไม่ว่าใครก็สามารถตัดต่อเสียงให้มีคุณภาพสูงระดับมืออาชีพได้อย่างง่าย ๆ ด้วย AUDIODIRECTOR โปรแกรม ตัด ต่อ เสียง ออนไลน์ฟรี ตัวช่วยที่จะเข้ามาทำให้เสียงเพลงของคุณสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท 

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีโปรแกรมตัดต่อเสียงที่มีราคาสูงและคุ้มค่ากับราคา แต่ก็มีซอฟต์แวร์ตัดต่อเสียงฟรีมากมายที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่น่าทึ่ง แถมอินเตอร์เฟสยังใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ AUDIODIRECTOR ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อเสียงออนไลน์ฟรีที่เหมาะสำหรับมือใหม่

ตัด ต่อ เสียง

ซึ่งเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพเพลงของคุณ และเพิ่มพลังให้กับเสียงร้องของคุณได้ดี ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโปรแกรม AUDIODIRECTOR ว่ามันคืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

โปรแกรม ตัด ต่อ เสียง AUDIODIRECTOR คืออะไร?

AUDIODIRECTOR เป็นโปรแกรม ตัดต่อเสียง ออนไลน์ฟรีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ มัลติมีเดีย ยอดนิยมอย่าง CYBERLINK ซึ่งเป็น โปรแกรม ตัด ต่อ เสียงบันทึก ที่สามารถตั้งค่าเสียง กู้คืน และปรับแต่งเสียงบทสนทนาของคุณอย่างละเอียดเพื่อให้คำพูดของคุณมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัด ต่อ เสียง

นอกจากนี้ยังสามารถทำการ ตัดต่อเสียงฟรี สำหรับการมิกซ์แก้ไขและมาสเตอร์แทร็กเสียงของคุณ พร้อมทั้งมีการนำเสนอโซลูชันที่มียูทิลิตี้การฟื้นฟูที่หลากหลาย ทำให้การ ตัดต่อเสียง MP3 ของคุณราบรื่นและมีประสิทธิภาพโดยปราศจากสิ่งรบกวน 

AUDIODIRECTOR ตัดต่อเสียงออนไลน์ ฟรีนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน โปรแกรม ตัดต่อเสียง WINDOWS 10 ที่มีคุณสมบัติที่ครบวงจรที่สุด ไม่ว่าจะเป็น CONTOUR DIALOGUE, PLOSIVE REMOVE, ลดเสียงรบกวน, ลบการคลิก, เสียงป๊อป, เสียงแตก, การบิดเบือน, เสียงฟู่, และการกำจัด HUM เหมาะกับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างพ็อดคาสท์และการพากษ์เสียงเป็นอย่างมาก มีไทม์ไลน์ของพื้นที่ทำงานที่จัดอย่างเป็นระเบียบ ทำให้คุณสามารถเพิ่มความเร็วและคุณภาพการผลิตของคุณได้อย่างง่ายดาย 

ตัด ต่อ เสียง

นอกจากนี้ คุณยังสามารถรวมเอฟเฟ็กต์หลายรายการ บันทึกเสียงจากหลายช่องสัญญาณ และใช้เสียงกลางที่คุณต้องการกับไฟล์เสียงทั้งหมดที่คุณกำลังประมวลผลได้ สามารถส่งออกโดยตรง และ ซิงค์โปรเจ็กต์ AUDIODIRECTOR ทั้งหมดเข้ากับโปรแกรม POWERDIRECTOR ได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่สุด

ข้อดี-ข้อเสียของ AUDIODIRECTOR

AUDIODIRECTOR เป็นอีกหนึ่งโซลูชันตัด ต่อ เสียง ที่โดดเด่นที่สุดจาก CYBERLINK CORPORATION และยังถือเป็นหนึ่งในโปรแกรม ตัดต่อเสียง WINDOWS 10 ที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านเสียงทั้งหมดของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม 

ตัด ต่อ เสียง

ซอฟต์แวร์นี้ควรจัดอยู่ใน แอพตัดต่อเสียงฟรี ที่คุณควรลองใช้งาน เพื่อคุณภาพโปรเจ็กต์เสียงของคุณจะได้ไม่ล้าหลัง อย่างไรก็ตาม AUDIODIRECTOR ก็เหมือนกับโปรแกรมตัดต่อเสียงทั่วไปที่มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้

ข้อดี

  • ซอฟต์แวร์ตัดต่อเสียง ที่มีคุณสมบัติครบครัน
  • ยูทิลิตี้การกู้คืนที่หลากหลายหลากหลาย
  • สามารถจัดการพื้นที่การทำงานได้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
  • รับประกันคุณภาพแทร็กเสียงสูงสุด

ข้อเสีย

  • มีคุณสมบัติและการตั้งค่ามากมายที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
กราฟิก

แนะนำ โค้ด สี ทอง ที่เรียบหรู ดูมีความเป็นมืออาชีพ 

สำหรับการออกแบบกราฟิกการเลือกโทนสี ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นักออกแบบทุกคนต้องรู้ ซึ่งการเลือก โค้ด สี ทอง ก็เป็นอีกหนึ่งโทนสีที่นักออกแบบมืออาชีพหลายคนนิยมเลือกใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานกราฟิกของตัวเอง 

โค้ด สี ทอง

แต่สำหรับนักออกแบบมือใหม่ การที่จะเลือกโทนสีทองมาใช้สร้างผลงานกราฟิกของตัวเองนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าเฉดสีทองที่สวยงามมีกี่สี และแต่ละมีโค้ดสีอย่างไร? ดังนั้น วันนี้ เราจึงได้รวบรวม โค้ดสีทอง ที่เรียบหรู ดูมีความเป็นมืออาชีพ มาแนะนำทุกคน ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลย

การใช้ โค้ด สี ทอง ในงานกราฟิกสื่อถึงอะไร?

โค้ด สี ทอง

สำหรับงานกราฟิกการใช้โค้ด สี ทอง มักจะส่งผลทำให้ผลงานกราฟิกที่ออกมาสื่อถึงความฟุ่มเฟือย ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย และความหรูหรา เพราะ เฉดสีทอง มีคุณลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกันของสีเหลือง ซึ่งเป็นสีโทนอบอุ่นแต่ก็สามารถแสดงออกให้เห็นถึงความสดใสและร่าเริง 

โดยสีทองจะเป็นสีที่อยู่ระหว่างสีเหลืองกับสีน้ำตาล และยังเกี่ยวข้องกับความสว่างไสวที่สะท้อนถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความกล้าหาญ ความหลงใหล เวทมนตร์ และปัญญา ซึ่งสีทองมักจะเข้ากันได้ดีกับเฉดสีสว่าง เช่น สีส้มและสีเหลือง 

โค้ด สี ทอง

เช่นเดียวกับสีที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น สีเขียวและสีน้ำเงิน แต่ส่วนใหญ่มักถูกจับคู่กับสีดำเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าทึ่งให้ดูหรูหราและมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งการจับคู่กับสีดำนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการพิมพ์ ร่วมกับเทคนิคต่างๆ เช่น การพิมพ์ฟอยล์จะช่วยเน้นย้ำองค์ประกอบต่าง ๆ ของผลงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น 

มีหลายคนบอกว่า สีทอง ตั้งชื่อตามโลหะที่มีค่า เป็นสีแห่งความหรูหรา ความสำเร็จ และชัยชนะ รหัสฐานสิบหกสำหรับทองคำคือ #FFD700 แต่ถ้าคุณอยากได้สีทองที่มีความหลากหลายด้านล่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รหัสสีทอง CANVA ยอดฮิต และสามารถใช้เรียก โค้ดสีทอง AI ได้ด้วยเช่นกัน

แนะนำโค้ด สีทอง ที่เรียบหรู เหมาะสำหรับออกแบบโลโก้ 

โค้ด สี ทอง

ในการออกแบบผลงานกราฟิก โดยเฉพาะการออกแบบโลโก้ โค้ด สีทอง เป็นโทนสีที่ถูกเลือกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานมากที่สุด เพราะมันทำให้โลโก้แบรนด์สินค้าดูมีความหรูหราและมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งโดยทั่วไปนักออกแบบมืออาชีพมักจะนิยมเลือกใช้โค้ดสีทอง ดังนี้

  • โค้ดสีทองเรืองแสง > #FFDF00
  • โค้ดสีทองเงา > #DEB82D 
  • โค้ดสีทองเข้ม > #CC9900 
  • โค้ดสีทองอ่อน > #F4E8B 
  • โค้ดสีทองอ่อนที่สุด > #FCF9ED

อ่านบทความอื่นๆ:

ผู้สนับสนุน:

HILO-88.COM ผู้ให้บริการคาสิโนออนไลน์ ไฮโลไทยเว็บตรง ที่มีคนเล่นเยอะที่สุดของไทย

Categories
กราฟิก

สิ่งที่ผู้สนใจทำงาน ออกแบบ กราฟิก ควรรู้ 

เมื่อพูดถึงงาน ออกแบบ กราฟิก หลายคนคงจะนึกถึงการสร้างสื่อโฆษณา หรือ การออกแบบกราฟิกบนเว็บไซต์ให้ดึงดูดสายตา รวมไปจนถึงการจัดเรียงเนื้อหาอันน่าทึ่งในนิตยสาร แม้ว่าตัวอย่างเหล่านี้จะภายใต้การออกแบบกราฟิก แต่ความจริงแล้วกราฟิกยังครอบคลุมหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น อินโฟกราฟิก ปกหนังสือ ฉลากผลิตภัณฑ์ โปสเตอร์โลโก้ นามบัตร ป้าย เลย์เอาต์เว็บไซต์ แอพมือถือ อินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์ เป็นต้น 

ออกแบบกราฟิก

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ากราฟิกเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างมาก แล้วการออกแบบกราฟิกคืออะไรกันแน่? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ แนะนำประเภทของงาน แบะเครื่องมือยอดฮิตที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานกราฟิก ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามได้ในบทความนี้ 

การ ออกแบบ กราฟิก คืออะไร?

ออกแบบกราฟิก

มีข้อมูลจากหลายแหล่งมากที่ได้อธิบายความหมายของการออกแบบกราฟิก ซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่า การออกแบบกราฟิก คือ การสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการวางแผนและการใช้ความคิดที่สร้างสรรค์บวกกับประสบการณ์เพื่อผลิตเนื้อหาภาพและข้อความ

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การออกแบบกราฟิก คือ การสื่อสารแนวคิดหรือข้อความบางอย่างในรูปแบบภาพ ซึ่งภาพในที่นี้อาจจะดูเรียบง่ายเหมือนโลโก้ธุรกิจ หรือซับซ้อนพอ ๆ กับโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ และที่สำคัญผลงานกราฟิกจะช่วยให้ผู้ผลิตสื่อสารกับผู้บริโภคได้ง่าย ผ่านการถ่ายทอดข้อความของโครงการ กิจกรรม แคมเปญ หรือผลิตภัณฑ์

ออกแบบกราฟิก

ในปัจจุบันมี เว็บออกแบบกราฟิก หรือ โปรแกรมออกแบบกราฟิก มากมาย ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานกราฟิกได้ แต่งานกราฟิกก็มีหลายสาขาที่แตกย่อยออกไป แต่สิ่งสำคัญที่นักออกแบบทุกคนต้องตระหนักถึงเมื่อสร้างผลงานกราฟิก ก็คือ องค์ประกอบการออกแบบ เพื่อที่จะได้สร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่นและน่าประทับใจ

ประเภทของงานออกแบบกราฟิก 

อย่างที่ได้ทราบไว้ข้างต้นว่างานออกแบบ กราฟิกประกอบด้วยสาขาและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากมาย ซึ่งคุณสงสัยไหมว่า งานออกแบบกราฟิก มีอะไรบ้าง ความจริงแล้วงานกราฟิกมีตั้งแต่การออกแบบสิ่งพิมพ์และเว็บไซต์ไปจนถึงแอนิเมชันและกราฟิกเคลื่อนไหว การออกแบบกราฟิกมอบโอกาสและทางเลือกให้กับบุคคลที่มีความสนใจแทบทุกสาขา แต่สาขาหลักที่เรามักจะเห็นในตลาดมากที่สุด ได้แก่

  • การออกแบบเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับการสร้างหน้าเว็บให้เป็นที่น่าสนใจและใช้งานง่าย ซึ่งรวมถึงการเลย์เอาต์โดยรวม โทนสี และการนำทางสำหรับผู้ใช้งาน
ออกแบบกราฟิก
  • การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) มุ่งเน้นที่การสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่ายและน่าพึงพอใจ นักออกแบบเหล่านี้จะเน้นที่คุณค่า การใช้งาน การนำไปใช้ และความต้องการของลูกค้า
ออกแบบกราฟิก
  • การออกแบบกราฟิกเคลื่อนไหวหรือแอนิเมชัน ทำให้องค์ประกอบภาพมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยเอฟเฟกต์พิเศษ ผลงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นรายการทีวี วิดีโอเกม และภาพยนตร์
ออกแบบกราฟิก
  • การออกแบบกราฟิกสิ่งพิมพ์ สร้างสรรค์ผลงานกราฟิกด้วยการการนำองค์ประกอบข้อมูลพื้นฐานมาจัด และรวบรวมเข้าอย่างเป็นระบบ เช่น ภาพ ตัวอักษร สี และพื้นที่ในการจัดวางองค์ประกอบ เพื่อให้การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์นั้นโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาม ซึ่งวัตถุประสงค์ของการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ก็เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการสื่อสารฯ

เครื่องมือออกแบบกราฟิก ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 

ในการออกแบบกราฟิกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องมือออกแบบกราฟิกที่จะช่วยให้การสร้างสรรค์ผลงานสำเร็จลุล่วงไปได้ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือ ออกแบบกราฟิกฟรี มากมาย แต่ถ้าจะให้พูดถึงซอฟต์แวร์การออกแบบที่นักออกแบบมืออาชีพหลายคนนิยมใช้งานมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น

ออกแบบกราฟิก

ซอฟต์แวร์ผลิตภัณฑ์ของ ADOBE เช่น PHOTOSHOP, ILLUSTRATOR และ INDESIGN ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักในโลกของการออกแบบกราฟิกเลยก็ว่าได้ แต่หากคุณเพิ่งเริ่มต้นและไม่ต้องการเสียเงินกับผลิตภัณฑ์ ADOBE ที่มีราคาสูง ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สฟรีที่คล้ายคลึงกันก็สามารถช่วยให้คุณเริ่มต้นออกแบบกราฟิกพื้นฐานได้

อ่านบทความอื่นๆ: