วิธีการใช้คำสั่ง diff3 บน Linux
หากคุณเคยทำงานกับไฟล์ข้อความบน Linux คุณอาจจะเคยได้ยินถึงคำสั่ง diff3 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจหาความแตกต่างระหว่างสามไฟล์ โดยบทความนี้จะพาคุณไปพบกับประโยชน์และวิธีการใช้คำสั่ง diff3 นี้อย่างละเอียด ซึ่ง >เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดการไฟล์ซอร์สโค้ด สคริปต์ หรือไฟล์ข้อความธรรมดาทั่วไป
ความหมายของ Diff คืออะไร?
คำว่า “diff” นั้น เป็นการกล่าวถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากการใช้เครื่องมือในการเปรียบเทียบไฟล์ ซึ่งจะแสดงรายการความแตกต่างภายในแต่ละไฟล์พร้อมด้วยเลขบรรทัดและไฟล์ที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้คุณสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงระหว่าง >ไฟล์เวอร์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และ diff3 นี้ก็คือเครื่องมือที่ทำงานนี้กับสามไฟล์ในเวลาเดียวกัน
วิธีการทำงานของ diff3
diff3 ใช้ชื่อไฟล์สามไฟล์เป็นพารามิเตอร์ ซึ่งมักจะเรียกว่า mine, older, และ yours แต่คุณสามารถตั้งชื่อใด ๆ ก็ได้ตามต้องการ โดยทั่วไป mine จะเป็นไฟล์ปัจจุบันของเรา older เป็นไฟล์ต้นฉบับและ yours เป็นอีกไฟล์ที่ >มีการปรับปรุง
วิธีใช้คำสั่ง diff3 เบื้องต้น
สมมติว่าคุณมีไฟล์สามไฟล์ที่มีข้อความดังนี้:
my-file.txt:
first line
second line
edited third line
old-file.txt:
first line
second line
third line
your-file.txt:
first line
second line
changed third line
คุณสามารถเรียกใช้คำสั่ง diff3 โดยระบุชื่อไฟล์ตามลำดับที่ต้องการ:
“`shell
diff3 my-file.txt old-file.txt your-file.txt
“`
หลังจากรันคำสั่ง diff3 จะแสดงความแตกต่างของแต่ละบรรทัดที่สาม ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพรวมความแตกต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการใช้ไวยากรณ์ที่แตกต่างกัน
diff3 มีรูปแบบการแสดงผลที่เข้าใจง่ายด้วยการใช้ hunks โดย hunk จะเริ่มต้นด้วย “====” และเลขหรือไม่มีเลขก็ได้ สิ่งนี้บ่งบอกถึงไฟล์ที่มีความแตกต่าง การไม่มีเลขหมายถึงทั้งสามไฟล์มีความแตกต่างนั้น
การ merging กับ diff3
นอกจากการแตกต่างแล้ว คุณยังสามารถใช้ diff3 ในการรวมไฟล์สามไฟล์เป็นหนึ่งเดียวได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในสถานที่เดียวกัน diff3 จะทำการเน้นความขัดแย้งให้สามารถเลือกได้ว่าจะเก็บบรรทัดชุดไหนไว้ต่อ
สรุป
การหาความแตกต่างและการรวมไฟล์หลายชุดเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ด้วยคำสั่ง diff3 คุณจะสามารถจัดการไฟล์ที่มีความแตกต่างและรวมข้อมูลเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข >เมื่อต้องเจอกับความขัดแย้งที่แสดงในผลลัพธ์
ท้ายที่สุดแล้ว ใครที่ทำงานกับไฟล์หลายเวอร์ชั่นและจำเป็นต้องควบคุมการเปลี่ยนแปลง diff3 คือตัวช่วยที่ดีที่ทำให้กระบวนการนี้เป็นไปได้ คุณได้พยายามใช้ diff3 หรือยัง? ถ้ายัง ลองดูนะ มันอาจจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ!
แหล่งที่มา:https://www.howtogeek.com/how-to-use-the-diff3-command-on-linux/