การมิกซ์เสียงพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC สำหรับ Video Editor

การมิกซ์เสียงพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC สำหรับ Video Editor

การมิกซ์เสียงพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC สำหรับ Video Editor

การมิกซ์เสียงพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC สำหรับ Video Editor

นักตัดต่อวิดีโอ หรือ Video Editor หลายคนยอมรับว่าการตัดต่อวิดีโอให้น่าสนใจและโดดเด่นนั้น นอกจากเทคนิคการตัดต่อที่ดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยนั้นก็ คือ เทคนิคการตัดต่อเสียงไม่ว่าจะเป็นการมิกซ์เสียง การเพิ่มเอฟเฟกต์ และการแก้ไขเสียงอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งบทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC ที่เหล่านัก Video Editor ใช้กัน

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอส่วนใหญ่ในปัจจุบันนอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือการตัดต่อวิดีโอแล้ว ยังสามารถใช้แก้เสียงเสียงใส่ในวิดีโอได้อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราขอแนะนำโปรแกรม Adobe Premiere Pro CC ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อวิดีโอและเสียง ใส่ Effect และ Transition ให้กับภาพและเสียง เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ Video Editor หลายคนเลือกใช้งานในการสร้างสรรค์ผลงาน

การมิกซ์เสียงคืออะไร?

ก่อนที่จะไปดูเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC หลายคนคงกำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะว่าการมิกซ์เสียงคืออะไร? วันนี้คำตอบอยู่ที่นี่แล้วค่ะ การมิกซ์เสียง คือ กระบวนการแก้ไขเสียงโดยการนำเสียงหลาย ๆ เสียงที่คุณต้องการมากรวมกันเป็นหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งช่อง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า การปรับสมดุลของเสียงต่าง ๆ ที่อยู่ในเพลง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องและเสียงดนตรี เพื่อให้ระดับเสียงทั้งความดัง-เบา, ระดับความถี่ และจังหวะของตำแหน่งเสียงนั้นเหมาะสมกับวิดีโอ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นตัดต่อวิดีโอ หรือนัก Video Editor ควรจะต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐาน เพราะมันถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับวิดีโอที่ประกอบด้วยภาพและเสียง เพราะเสียงจะทำให้ผู้รับสื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่ในวิดีโอและทำให้วิดิโอของคุณน่าติดตามมากขึ้น

เทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานด้วย Premiere Pro CC

สำหรับเทคนิคการมิกซ์เสียงขั้นพื้นฐานสำหรับ Video Editor เราจะใช้โปรแกรม Premiere Pro CC โดยเริ่มต้นเปิด Premiere Pro ไปที่ “Window” เลือก “Workspaces” และเลือก “Audio” โปรแกรมก็จะแสดงแผงเสียงที่จำเป็นทางด้านขวาของพื้นที่การทำงาน จากนั้นเรามาดูเทคนิคการมิกซ์เสียงระดับมืออาชีพกันเลยค่ะ

การปรับ GAIN

เมื่อคุณนำเข้าคลิปเสียงไปยังโปรเจ็กต์แล้ว ให้สังเกตว่าตำแหน่งเสียงอยู่ตรงไหน หากเสียงอยู่ระดับมากกว่า 0 จะทำให้เสียงผิดเพี้ยน ระดับเสียงที่ดีควรอยู่ในช่วงประมาณ -24 ถึง -6 หากมีบทสนทนาเสียงควรอยู่ระหว่าง -18 ถึง -9 แล้วเริ่มต้นปรับ GAIN โดยปรับเฉพาะส่วนของบทสนทนา เมื่อตั้งค่าแทร็ก A-roll แล้ว ให้ปรับระดับแทร็กเสียงอื่น ๆ ทั้งหมดให้ตรงกัน ทั้ง GAIN และวอลลุ่ม(ความดังของเสียง) อย่างไรก็ตาม GAIN คือระดับอินพุตของคลิป และระดับเสียงคือเอาต์พุตของคลิป

การปรับระดับ Keyframing

เมื่อเสียงหลักของคุณได้รับการปรับแล้ว ต่อไปก็คือการเปลี่ยนไปใช้เสียงรอง ซึ่งมักจะเป็นเพลงที่คุณต้องการ ให้ดูตัวอย่างแทร็กของคุณแล้วปรับ GAIN ให้เหมาะสม แล้วใส่เพลงลงในไทม์ไลน์แล้วฟัง จากนั้นปรับระดับด้วยการแทรก Keyframing หรือช่องสำหรับกำหนดค่า เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวในแต่ละช่วงเวลาให้กับคลิปวีดีโอจำเป็นต้องมีคีย์เริ่มต้น และคีย์สิ้นสุด คุณสามารถปรับคีย์เฟรมของคลิป หรือปรับคีย์เฟรมบนแทร็กทั้งหมดได้

จัดการเสียงรบกวน Ambience/Room Tone

ขณะถ่ายทำวิดีโอ อาจมีเสียงที่คุณไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในคลิปที่นอกเหนือไปจากเสียง A-roll หากคุณอัดคลิปในห้อง ให้คุณบันทึกเสียงของห้องในตำแหน่งที่เสียงบริเวณสม่ำเสมอ จากนั้นนำเสียงนั้นมาวาง “band-aids” ในตำแหน่งที่ควรอยู่ หรือใช้เอฟเฟกต์เสียง “de-noiser” โดยการปรับแถบเลื่อนการลดเสียงตามความเหมาะสม ดังนั้นอย่าลืมเว้นพื้นที่ทำงานสำหรับเอาเสียงรบกวนออกด้วย แต่เสียงต้นฉบับยังคงอยู่

การปรับเสียงด้วย Crossfade

คลิปเสียงทุกคลิปในไทม์ไลน์ของคุณควรมีการทำทั้งสองแทร็กพร้อมกันสองแทร็ก นั่นคือ แทร็กแรกค่อย ๆ จางหายไปและเพลงที่สองก็ค่อย ๆ หายไป Crossfade จะมีเพียงไม่กี่เฟรมและครอบคลุมป๊อปอัปที่เกิดขึ้นเมื่อคลิปเสียงถูกตัดเข้าหรือออก เช่น เมื่อคุณเปิดประตูไปยังห้องอื่นพร้อมกับดนตรีที่แตกต่างกันจากนั้นก็เดินผ่านห้องนั้นไปเสียงก็จะค่อย ๆ หายไป

การปรับแต่งเสียงวิดีโอ (Panning)

สุดท้ายคือการปรับระบบเสียง Mono โดยการเล่นคลิปที่มีการเคลื่อนไหวข้ามเฟรมและฟังเสียง จากนั้นแพนเสียงตามทิศทางของการเคลื่อนไหวบนหน้าจอทำให้เสียงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น กระบวนการนี้อาจส่งผลทางจิตวิทยาอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ฟัง

9 แล็ปท็อปขนาดใหญ่ ที่ทำให้คุณปวดหลัง

ภาพแสดงโชว์โน้ตบุ๊กขนาดใหญ่จำนวน 9 เครื่องที่มีความจุและสมรรถนะสูง เหมาะสำหรับการทำงานหนักและเล่นเกม แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้การพกพาเป็นเรื่องท้าทาย แสดงถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการออกแบบที่เน้นการใช้งานในสถานที่แน่นอน อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้หากใช้งานนานเกินไป

Read More »

HBO Max เชื่อว่าคุณจ่ายค่าใช้บริการน้อยเกินไป

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงผู้บริหารของ HBO Max ที่กำลังพูดถึงประเด็นที่ผู้ใช้จ่ายเงินน้อยเกินไปสำหรับบริการสตรีมมิ่ง เขามีสีหน้าที่จริงจัง ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังฟังในความสนใจ พื้นหลังมีสัญลักษณ์ของ HBO Max ที่ชัดเจน ถ่ายทอดความสำคัญของการสร้างมูลค่าในอุตสาหกรรมบันเทิงและการเพิ่มค่าบริการในอนาคต

Read More »
iPhone Air, Samsung Galaxy S25 Edge, เปรียบเทียบ, สมาร์ทโฟน, ธง, บางเฉียบ

เปรียบเทียบ iPhone Air กับ Samsung Galaxy S25 Edge: สมาร์ทโฟนเรือธงสุดบางที่คุณควรเลือก

ในภาพเปรียบเทียบระหว่าง iPhone Air และ Samsung Galaxy S25 Edge พบว่า ทั้งสองรุ่นมีดีไซน์บางเฉียบและฟีเจอร์ระดับเรือธง iPhone Air มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS ที่ลื่นไหล ส่วน Galaxy S25 Edge โดดเด่นด้วยหน้าจอโค้งและกล้องที่มีความละเอียดสูง เลือกตัวไหนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและการใช้งานที่เหมาะสมกับแต่ละคน

Read More »
สถานีชาร์จ, อุปกรณ์, ขนาดกะทัดรัด, พกพาสะดวก

สถานีชาร์จพกพาสำหรับทุกอุปกรณ์ของคุณ

สเตชั่นชาร์จที่กะทัดรัดเหมาะสำหรับการเดินทาง สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ได้พร้อมกัน ให้คุณสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อในระหว่างการเดินทาง

Read More »
ช่วย, สับสน, iPhone 17, iPhone 17 Pro

ช่วยเลือก iPhone 17 กับ iPhone 17 Pro

ภาพแสดงให้เห็นถึงความสับสนในการเลือกซื้อโทรศัพท์ระหว่าง iPhone 17 และ iPhone 17 Pro โดยมีสองรุ่นที่มีคุณสมบัติและฟีเจอร์ที่น่าสนใจต่างกัน ด้านหนึ่งคือดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัยของ iPhone 17 ส่วนอีกด้านคือความสามารถในการถ่ายภาพและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของ iPhone 17 Pro ผู้ใช้ต้องพิจารณาความต้องการและการใช้งานของตนเองเพื่อเลือกให้เหมาะสมที่สุด。

Read More »
Apple Watch Series 11, Ultra 3, เปรียบเทียบ, เลือกซื้อ

เปรียบเทียบ Apple Watch Series 11 กับ Ultra 3: ควรเลือกอุปกรณ์สวมใส่จากแอปเปิลรุ่นไหนดี?

Apple Watch Series 11 และ Ultra 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน Series 11 มาพร้อมดีไซน์สวยงามและฟังก์ชันการออกกำลังกายที่ครบถ้วน ส่วน Ultra 3 เน้นความทนทานและฟีเจอร์สำหรับนักผจญภัย หากคุณต้องการนาฬิกาสำหรับการออกกำลังกายทั่วไป Series 11 เหมาะ แต่ถ้าชอบการผจญภัย Ultra 3 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด

Read More »